ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ หุ้น

บันทึกหุ้นกลุ่มถ่านหิน Q3/2021

ปีนี้เป็นอีกปีที่ performance กลุ่มถ่านหินนี้ดีมากจาก event ที่พิเศษ , ถ้าใครตามอ่านบทความเก่าผมเคยแชร์เรื่องของกลุ่มถ่านหินไว้เมื่อตอนต้นปี 2021 ตอนนั้นมี story จีนแบนถ่านหินออสเตรเรีย(ประเด็นจากความขัดแย้งที่ออสเตรเรียไปเข้าข้างสหรัฐโทษจีนเรื่องต้นตอ covid-19) ต่อจากประเด็นต้นปี 2020 ที่จีนเดินนโยบายเปลี่ยนจากถ่านหิน มาเป็นพลังงานสะอาด แต่ต้นปี 2021 จีนกลับมานำเข้าถ่านหินครั้งใหญ่จากแอฟริกาใต้,โคลัมเบียและอินโดนีเซีย แทน สะท้อนความต้องการถ่านหินในภาคอุตสาหกรรมของจีน ล่าสุดเดือน ตค. 2021 จีนเจอวิกฤติพลังงานครั้งใหญ่ จากการขาดแคลนถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า(ข้อมูลจากบลูมเบริกจีนผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานถ่านหินราวถึง 77% ) จนทำไฟฟ้าดับกำลังในหลายพื้นที่ทั่วประเทศจีน ส่งผลให้การผลิตสินค้าของโรงงานต่างๆชะงักลง ในช่วงที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าในการผลิตสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้น , สิ่งที่เกิดช่วงหลายเดือนผ่านมา ราคาถ่านหินเพิ่มแตะระดับสูงสุด (หลังซบมาก่อนช่วงที่มีประเด็นการลดมลพิษในอากาศ+ช่วงการเกิด shutdown การระบาด covid-19 ในไตรมาส 3 ปี 2020) โดยราคาถ่านหิน NEWCASTLE COAL FUTURES ปรับเพิ่มต่อเนื่องจาก ปลายเ

strategic thinking

strategic thinking คือกระบวนการคิดเชิงกลยุทธ์ เพื่อการวางแผนดำเนินงานหรือแก้ปัญหาให้บรรลุไปตามเป้าหมายบนแนวทางที่มีประสิทธิภาพที่สุด พอดีอ่านเรื่องนี้ "How To Master Strategic Thinking Skills" มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะเรื่องการพิจารณาปัจจุบัน การหัดตั้งคำถามกับตัวเองเพื่อการวางแผนในอนาคต เช่น "ตอนนี้สิ่งที่เราทำ มัน work กับตัวเราหรือไม่" โดยเอา strategic thinking มาประยุกต์ใช้ ถ้าเรากำลังรู้สึก ติดหล่ม หรือ หนักใจไปต่อไม่ถูก เช่น อยากเป็นเทรดเดอร์ เทรดทุกวัน ได้กำไรสลับขาดทุนแต่รู้สึกพอร์ตยังไม่โต กำไรสุทธิต่อปียังไม่พอ ค่าไฟ ลองใช้แนวทาง strategic cycle มาวิเคราะห์ดู เริ่มจาก 1. What : ลอง list สิ่งที่กำลังทำประจำ 5 งานหลัก เพื่อรีวิวแนวทางและกระบวนการที่เราใช้ 2. Why : เขียนลงกระดาษ อธิบายสิ่งที่เราทำด้วยประโยคสั้นๆ Key คือ หาสิ่งที่เราทำแต่ไม่รู้ทำไปทำไม เพราะหลายอย่างเราทำตามคนอื่น โดยที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ทำไปทำไม สิ่งพวกนี้อันตรายต้องระวัง 3. Way : ทบทวนสิ่งที่เราทำและแนวทางปฏิบัติว่า มันเป็นทางที่ดีจริงๆหรือไม่ ,ด้านผลดีและผลลบที่เกิดจากการทำมันเหมาะ

หุ้นกลุ่ม Food

เมื่อวานได้เอาประเด็นเรื่องหุ้นอาหารไปคุยกับ รุ่นพี่คนหนึ่งทำบริษัทเกี่ยวกับอาหาร แกเลยสะสมหุ้นกลุ่มอาหารไว้เยอะ ประเด็นนี้มาจากข่าว บทวิจัย “เพิ่มมูลค่าให้อาหารเท่ากับเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจ” ของ ตลท. ชี้ให้เห็นหุ้นผลิตและแปรรูปอาหารในตลาดหุ้นไทยหลายตัว ติดการจัดอันดับโลกในช่วงที่ผ่านมา โดยใน SET และ mai มีบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับอาหารจำนวน 56 บริษัท มูลค่าตามราคาตลาดรวม 1 ล้านล้านบาท หรือ 6.5% ของมูลค่าตลาด แบ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตและแปรรูปอาหารจำนวน 46 บริษัท และบริษัทที่ประกอบธุรกิจร้านอาหาร 10 บริษัท 8 หุ้นไทยติดอันดับ Top 200 ของโลก ในด้านอัตราการเติบโตของกำไร ได้แก่ HTC XO และ KASET ด้านขนาดของหุ้น ได้แก่ CPF OSP และ CBG ด้านผลตอบแทนจากการลงทุน ได้แก่ ASIAN XO และ TFG ส่วนหุ้นธุรกิจร้านอาหารไทยติด Top 50 ของโลก ในด้านอัตราการเติบโตของกำไร คือ AU และด้านขนาดของหุ้น ได้แก่ M พอเอาข้อมูลพฤติกรรมราคามาดู เห็นอะไรที่น่าสนใจเยอะ แต่ไม่ขอลงรายละเอียดใน note นี้ แต่เอาภาพกราฟราคา ในกรอบใหญ่ มาแปะให้ดู ถ้าใครอยากเทรด หรือลงทุนหุ้นกลุ่มนี้แนะนำ คว

มือที่มองไม่เห็น

ข้อแตกต่างระหว่างมือเก่ากับมือใหม่ในตลาดหุ้นคือ เรื่องของ "จิตใจ" คนส่วนใหญ่เมื่อย่างก้าวเข้ามาในตลาดหุ้น ก็เปรียบได้กับเด็กน้อยที่เข้าโรงเรียนในวันแรก อะไรมันก็ดูใหม่ อะไรก็ดูน่าตื่นเต้นมีเรื่องให้บีบหัวใจทุกวัน มือใหม่มักเน้นที่การศึกษาเรื่องของเครื่องมือ ในขณะที่มือเก่ามือเก๋าเน้นไปที่การศึกษาและพัฒนาเรื่องของจิตใจ เพราะจิตใจเป็นสิ่งสำคัญแต่ในมุมมองของมือใหม่แล้ว มักถูกอัตตาบดบังจนคิดว่าตัวเองเอาอยู่ รับมือกับมันได้ไม่มีปัญหา ทั้งที่แท้จริงแล้วกับตรงกันข้ามกับที่คิดไว้โดยสิ้นเชิง จิตใจ เปรียบได้ประหนึ่งกับมือที่มองไม่เห็น สามารถดันเราให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้ ในขณะเดียวกันมันก็สามารถฉุดรั้ง กดเราให้ตกต่ำไปได้เช่นกัน การตัดสินใจใดๆที่เกี่ยวข้องกับเงิน ยิ่งจำนวนเงินมากเท่าไหร่ จิตใจ เราก็จะยิ่งมีผลมากเท่านั้น จิตใจที่ไม่นิ่ง ปราศจากการควบคุมหรือฝึกฝน มันก็จะถูกสิ่งเล้ากระตุ้นให้ไหลไปตามอารมณ์ในขณะนั้นได้เสมอ สุดท้ายแล้วเราก็จะกลายเป็นเหยื่อของคนที่ใช้จิตวิทยาในการชักจูงจิตใจเรา เป็นผู้พ่ายแพ้ต่ออารมณ์ โดยไม่รู้ตัวเพราะเมื่อจิตถูกชี้นำ สมองก็จะสร้างตรรกะ สร้างวิธีคิดที่ดูเหมื

เหนือฟ้ายังมีฟ้า

สมัยเด็กผมชอบดูหนังจีนกำลังภายในมาก โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับวัดเส้าหลิน จำได้ว่าพระวัดนี้ฝีมือยุทธ์ล้ำเลิศ ใครได้มาเรียนกังฟู ได้มาฝึกวิชาที่วัดนี้ จบไปถือว่าเป็นสุดยอดทั้งด้านฝีมือและคุณธรรม แต่แน่นอนว่ากว่าจะลงจากเขามาสู่จงหยวนได้ต้องผ่านด่านอรหันต์ทองคำหรือค่ายกลมนุษย์เส้าหลินในหอตั๊กม้อ ทดสอบฝีมือ ความอดทน แทบปางตาย ต้องพร้อมจริงๆทั้งร่างกายและจิตใจจึงสามารถจะสำเร็จออกไปได้ เมื่อผ่านแล้วยังต้องประทับตาเหล็กร้อนๆบนหลังเพื่อเป็นการันตีว่าได้สำเร็จวิชาชั้นเซียนจากวัดเส้าหลินแล้ว เปรียบดังชีวิตจริงถ้าอยากมีชื่อเสียง อยากให้คนยอมรับ เราก็ต้องเอาชนะด่านอรหันต์ทองคำ ให้ได้ก่อน ต้องผ่านการขัดเกลา ผ่านการหล่อหลอม ประสบการณ์และความสามารถ จนเป็นที่ยอมรับจากคนทั่วไป บททดสอบที่ยากที่สุดคือการเอาชนะจิตใจของตัวเอง การเอาชนะใจของตัวเองคือการควบคุมจิตใจของเรา ให้เป็นไปในทางที่ถูกที่ควรตามต้องการ มีสติสัมปชัญญะในการพิจารณาการปรุงแต่งของจิตใจที่ไหลไปตามสิ่งเล้าจากภายนอกและก่อให้เกิดอารมณ์ต่างๆ การเอาชนะจิตใจไม่ใช่การหลอกตัวเอง การหลอกตัวเองเปรียบประหนึ่งกับการเอากระดาษมาห่อไฟ อาจจะปิดบังเพื่อไม่ให้คนภ

เรื่องที่ต้องรู้ก่อนลาออกครั้งสุดท้าย

ทุกวันนี้การใช้ชีวิตของคนในกรุงเทพก็เริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งปัญหาเรื่องสภาวะสิ่งแวดล้อม สภาพสังคม และเรื่องค่าครองชีพ แต่ด้วยค่านิยมของคนต่างจังหวัด ที่เรียนจบต้องมาหางานทำในกรุงเทพเพียงเพราะรายได้ดี มีตำแหน่งงานเยอะ จึงทำให้ต้องจำทนยอมรับสภาพชนชั้นกลางบนระบบสังคมแบบทุนนิยม ที่แน่นอนว่าความสุข อาจจะเป็นเรื่องที่หายาก พอๆกับการงมเข็มในมหาสมุทร ผมเองก็เป็นคนต่างจังหวัด ตอนเด็กก็เกิดมาวิ่งเล่นตามท้องนา ตามร่องสวน เสาร์ อาทิตย์ก็ไปทำบุญที่วัด วิถีชีวิตก็เป็นแบบคนต่างจังหวัด สนุกสนานและพึ่งพากันในหมู่บ้าน แต่พอเริ่มเข้าสู่รั่วมหาวิทยาลัย ชีวิตก็เปลี่ยนเพราะต้องเข้ามาใช้ชีวิตแบบคนเมืองหลวง เรียนจบก็ทำงานในกรุงเทพ ชีวิตก็ไม่ต่างอะไรกับคนอื่นๆทั่วไป รีบตื่น รีบกิน รีบทำงาน รีบนอน ทำงานหนักเพื่อเงินดีๆ ต้องต่อสู้ดิ้นรนรับใช้เจ้านาย เพียงเพื่อหวังความก้าวหน้า หวังเงินเดือนตอบแทน ทุกวันพอกลับบ้านหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตาย  กลางดึกคืนหนึ่งที่ผมกลับจากงานศพรุ่นพี่ซึ่่งตายเพราะโรคมะเร็งทั้งที่อายุมากกว่าผมแค่ 9 ปี พี่คนนี้เป็นคนทำงานเก่งมีบ้านหลังใหญ่ มีรถ มีครอบครัว แต่ความไม่แน่นอนก็พรากทุกอย่างไปแบบ

ลาออกมาเล่นหุ้นอย่างเดียว ดีไหมครับ???

ขอนำคำตอบของคำถามจากน้องคนหนึ่ง ที่ส่งข้อความเข้ามาถามผมว่า "จะลาออกมาเล่นหุ้นอย่างเดียว ดีไหมครับ???" มาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน เพราะผมคิดว่าหลายคนที่เคยได้กลิ่นหรือลิ้มชิมรสของเงินจากตลาดหุ้นมาแล้ว ล้วนมีความคิดแบบนี้ 

รู้ไหมคุณกำลังแข่งกับใคร???

การใช้ชีวิตในโลกนี้แน่นอนว่าเรามักจะหนีไม่พ้นการแข่งขัน ตั้งแต่เด็กจนเป็นผู้ใหญ่ ทั้งเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องความรัก การแข่งขันดูเหมือนจะเป็นสัญชาติญาณของมนุษย์ไปแล้ว แน่นอนว่าทุกครั้งย่อมมีทั้งผู้แพ้และผู้ชนะ ผู้ชนะได้ในสิ่งที่ดี ที่เป็นรางวัลไปครอบครอง ผู้แพ้ก็ย่อมไม่ได้สิ่งที่หวัง ว่างเปล่า บางคนที่แพ้มากๆหมดไฟก็กลายเป็น Mean ของสังคมและระบบนิเวศไป เป็นมนุษย์คนที่ธรรมดาทั้ง รูปร่าง หน้าตา ความสามารถ และฐานะ และดำรงอยู่ในสังคมร่วมกับผู้ชนะ แต่ประเด็นที่ผมจะชี้ให้เห็นคือ ไม่ใช้ผู้แพ้ในเกมส์การแข่งขันทางสังคมจะไม่มีความสุขเสมอไป ผู้แพ้ทางสังคมมีโอกาสครอบครองความสุขได้ เพราะความสุขเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากภายในจิตใจ เกิดขึ้นจากการแข่งขันกับตัวเอง ถ้าชนะใจตัวเองได้ ความสุข ความสมหวังก็ย่อมจะเกิดตาม  ดังนั้นการแข่งขันกับจิตใจตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญไม่เว้นแม้แต่การลงทุนในตลาดหุ้น เก่า(ตาย)ไปใหม่ก็มา คนเก่าที่ล้มหายตายจากไป ไม่เจ๊งขาดทุนโดน Force sell กันไป ก็ติดดอยกลายเป็น VI จำเป็น แต่กระแสเงินก็ไหลเข้ามาจากแมงเม่าหน้าใหม่ ยิ่งมีคนเข้ามาลงทุนมากเท่าไหร่ ตลาดยิ่งหอมหวานเพราะ

ค่าของคน

เอานิทานเซนดีๆมาฝากเพื่อนๆครับ ผมว่าเรื่องนี้มันคล้ายกับการลงทุนในหุ้นเหมือนกันนะ เพราะราคาหุ้นบางครั้งมันก็เกิดจากการตีมูลค่าบนพื้นฐานความต้องการของตลาด ซึ่งมันเกิดจากความคิดและจิตใจของคน บางครั้งราคาที่ตีค่าอาจจะสูงหรือต่ำไปเกินมูลค่าที่แท้จริง ดังนั้นการเข้าใจในตัวกิจการ หรือตัวธุรกิจนั้น จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราสามารถมองเห็นมูลค่าที่แท้จริงของหุ้นนั้นได้ ไม่ว่าการจะเก็งกำไรระยะหรือลงทุนระยะยาว การเข้าใจพื้นฐานหุ้นขั้นต้นเป็นสิ่งจำเป็นครับ เพราะอย่างน้อยเราจะได้ไม่ถูกความโลภหลอกให้ไปเล่นเก็งกำไรในหุ้นที่มีราคาเกินมูลค่า เกินความจริงมากเกินไป ผมเชื่อเสมอว่าหุ้นมันไม่ใช่แค่กระดาษ หรือตัวเลข แต่เบื้องหลังของหุ้นนั้นคือ กิจการ คือ คนที่กำลังทำงาน ดังนั้นทุกอย่างไม่ว่าจะถูกปรุงแต่งไปสักแค่ไหน สุดท้ายมันย่อมกลับมาหาพื้นฐานและสมดุลแท้จริงของมันวันยันค่ำครับ ปิดท้ายขอเอาหุ้นที่เคยรัก เคยผูกพันเพราะปีที่แล้วเข้าออกหลายรอบแต่พอเธอออกอาการ ผมก็ได้แต่โบกมือลา   PTL หุ้นหนึ่งในสี่จตุรเทพของปี 53 IVL หุ้นที่หลายคนคงจำไปอีกนาน เรื่องราวมีอยู่ว่า ยังมีศิษย์เซนผู้หนึ่ง เฝ้าพร่ำถามอาจารย์เซนทุกวันว่า “ส

จิตวิทยาการลงทุน

สองสามวันที่ผ่านมาดัชนี SET ร่วงลงมาอย่างรุนแรง ส่งผลให้หุ้นรายตัวต่างพุ่งดิ่งลง แบบแดงกันเกือบทั้งกระดาน เหตุการณ์แบบนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย ซ้ำแล้วซ้ำเล่ายิ่งถ้าท่านได้ลงทุนในตลาดหุ้นนานขึ้น ท่านจะเคยชินและตกใจน้อยกว่าน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสู่ตลาด แต่แน่นอนว่าไม่ว่าหน้าเก่าหรือหน้าใหม่การที่เห็นดัชนีหุ้นของตัวเองถูกกระหน่ำเทขาย แบบไม่ลืมหูลืมตาย่อมก่อให้เกิดผลทางจิตใจ และแน่นอนครับว่าเจ้าผลกระทบทางจิตใจนี้เองที่ มีผลต่อการกำไร หรือขาดทุนของเรา  เพราะเมื่อจิตใจเราโดนครอบงำด้วยอารมณ์ความกลัว ความตื่นตะหนก บวกกับจิตวิทยาหมู่ของตลาด มันทำให้การตัดสินใจของเรานั้นเกิดจากอารมณ์ มากว่าเหตุและผล ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา ผมขอเอาประสบการณ์จากเพื่อนๆ และตัวเอง(ในอดีต) มาสรุปไว้ให้อ่านว่า จิตวิทยาจะมีผลยังไงต่อการลงทุนของท่านบ้างในวันแดงเดือดแบบนี้ 1. ขายตามคนอื่น อันนี้เป็นเรื่องของสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนโดยเฉพาะนักลงทุนหน้าใหม่ และหน้าเก่าที่ขี้ตกใจกระทำกัน โดยเรามักจะรีบขายหุ้นตัวที่ราคาลดลงอย่างรวดเร็ว ติดลบมาก และมี การโยนขายแบบไม้ใหญ่ๆต่อเนื่อง ก

เทคนิคเดยเทรด :กลยุทธขี่ม้าเลียบค่าย 2

หัวใจของกลยุทธ เรื่องของกลยุทธการลงทุนที่ผมขอแชร์เทคนิคที่ตัวเองใช้ในการลงทุนแบบ Day Trade คือกลยุทธขี่ม้าเลียบค่าย หลักการใหญ่ใจความคือ การกินทีละน้อยหรือตอดกินเพื่อไม่ไปทำลายเกมส์ของรายใหญ่ เราต้องเข้าใจก่อนว่าหุ้น Day Trade มันวิ่งได้เพราะมีคนคุมเกมส์การซื้อ ขาย การที่เราโลภอยากได้มาก ลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก(ไม่มากถึงรายใหญ่ แต่ก็มากพอจะตบหมดช่อง) มันทำให้เกมส์และการคุมจังหวะของรายใหญ่เสียไป  แน่นอนว่าคนที่คุมเกมส์จะมี Bid offer ที่เขาวางไว้ ดังนั้นเราต้องให้เกียติร์คือเล่นไปตามเทรนด์ กินตามรายใหญ่ อย่าทำอะไรที่ไปขัดใจ หรือโดนจับได้เพราะแทนที่จะได้เราอาจจะเสียและโดนเล่นงานโทษฐานไปขย่มเกมส์ของคนอื่น อีกประเด็นของกลยุทธนี้คือ การสอนให้เรารู้จักพอกินคำเล็ก ไม่ละโมบเพราะเหยื่อที่รายใหญ่ใช้ตกปลาในเกมส์นี้คือความโลภ ถ้าเราไม่โลภกินพองามเราจะอิ่ม แต่ถ้าละโมบกินเยอะเราจะจุกและตาย ยกตัวอย่างเช่นหุ้นปกติถ้ามีการไล่ราคาให้บวกไปถึง 10% ในหนึ่งวัน ถ้าเราเล่นตามกลยุทธนี้ควรจะอิ่มและลงตั้งแต่ 6% แล้ว ถึงแม้จะปล่อยให้ Profit run ได้แต่ต้องไม่ลืมว่านี้คือเกมส์ระหว่างวัน มันมีโอกาสที่หุ้นจะลง