ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ CFD

Two Sigma Financial Modeling Code Competition

เช้านี้นั่งอ่านบทความหนึ่ง ชื่อ "Two Sigma Financial Modeling Code Competition, 5th Place Winners’ Interview" เขาสัมภาษณ์ผู้ชนะอันดับ 5 ในการแข่งขันรายการ Two Sigma Financial Modeling Challenge รายการนี้แข่งขันปี 2016 -2017 ระยะยาวและ Two Sigma ซึ่งเป็น Quant Fund อันดับต้นของโลกก็จัดรางวัลให้เต็ม รวม $100,000 พร้อมโอกาสร่วมธุรกิจ ทำให้มีคนสนใจแข่งรายการนี้มากพอควรกว่า 2000 ทีม บทความนี้ยาว ผมขอสรุป key สำคัญสั้น สำหรับผมสิ่งที่น่าสนใจคือ ผู้ชนะอันดับ 5 ทีม Bestfitting เขาใช้เทคนิค lag-N features ในการทำ Feature Engineering ของข้อมูล Time Series , การทำ Quant โมเดล เขาเริ่มจากการทดลองสร้าง weak model ออกมาก่อน จากนั้นปรับปรุงเรื่อยๆ ให้ดีขึ้น level ต่อมาเป็น stable model แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ เขาไม่ได้ปรับแบบเปลี่ยนใหม่ แต่เป็นการทำ Ensemble model ซึ่งรองรับความเป็น dynamic ของตลาดไม่ใช่การ prediction แบบโมเดลเดียว fit all , พัฒนา self-adaptive strategy สร้างตัวแปรใช้ปรับการโมเดลแปรผันตาม ค่า market volatile (volatility data) ออกแนวคล้าย reinforcement learning (แต่ไม่ได้สร้างโ

Prospect Theory Helps Explain Return Anomalies

paper นี้ของคุณ Barberis, Jin, and Wang ที่ผมพูดถึงเมื่อวาน ถ้าอยากทำความเข้าใจเรื่องของ anomaly ในราคา asset จุดน่าสนใจคือเขาทำโมเดลที่อนุมานทิศทางราคา โดยคำนึงถึงตัวแปรที่สัมพันธ์กับพฤติกรรมความไม่ปกติ เช่น beta, volatility, skewness, และ ความคาดหวังผลตอบแทนอนาคต  จากผลวิจัยพบ 3 จาก 22 ตัวที่โดดเด่นในกลุ่ม Anomalies ที่มีผลตอบพฤติกรรมราคา และที่สำคัญมีผลกระทบต่อพวกโมเดล ที่สร้างมาเพื่อการพยากรณ์ทิศทางราคาในอนาค ตของสินทรัพย์ต่างๆ ดังนั้นในมุมของเทรดเดอร์ หรือนักพัฒนาระบบเทรด การเข้าใจตัว Anomalies หลักๆเอาไว้ก็จะช่วยให้เรา ไม่ประมาท ไม่มโน และสามารถสร้างระบบเทรดได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปล. ทฤษฎีคาดหวัง (Prospect theory) เป็นอีกทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับ behavioral economics ที่น่าศึกษา พฤติกรรมของคนกับ การตัดสินใจถูกแทรกแซงทางอารมณ์/ประสบการณ์ความรู้สึกก่อนหน้า ในเกมส์ที่มีผลกำไรขาดทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง สนใจศึกษาเข้าไปอ่านได้จาก https://papers.ssrn.com/sol3/papers.cfm?abstract_id=3477463

STP กับ ECN นั้นแตกต่างกันยังไง

พอดีเคยแนะนำว่าถ้าทำระบบเทรดประเภท robot trading ให้เกิดประสิทธิภาพ การเลือกบัญชีประเภทที่ quotes price นั้นเสถียรและมีประสิทธิภาพ(ไม่ต้องมานั่ง re-quote) รวมประเด็น spread และ slippage ที่เคยอธิบายไปแล้ว ที่นี้มีน้องคนหนึ่งถามว่า STP กับ ECN นั้นแตกต่างกันยังไง สรุปให้ฟังคราวๆประเภทของโปรโตคอลในแต่ละชนิดบัญชี Straight Through Processing (STP) การที่โบรกเกอร์ส่ง order ยิงตรงเข้า market หรือ liquidity pool บนราคาได้มาจาก liquidity providers เจ้าใหญ่เช่นจาก สถาบันการเงิน หรื อธนาคาร บางเจ้าอาจจะเป็นประเภทผสมทั้งแบบ Market maker + STP บน liquidity providers หลายแห่งโดยโบรกมี internal liquidity pool ของตัวเองเพื่อเลือกราคาที่ดีที่สุด แต่ข้อดีคือ ราคา เสถียร แม่นยำและดูโปร่งใส่กว่าประเภท Dealing Desk (DD) อย่างเดียว Electronic Communications Network(ECN) ประเภทที่โบรกเกอร์ ใช้ราคาเทรดจาก ECN liquidity providers หรือ ECN participant(สถาบันการเงินหรือโบรกเกอร์อื่นๆ) รองรับ ECN Network ข้อดีไม่มี conflict of interest กับโบรกเกอร์ ราคาเปิด เทรดเดอร์รายย่อยสามารถมองเห็น bid/ask จริงที่เกิด

Gold and inflation Q3 2018

ทองคำช่วงนี้ราคายังอยู่โซนต่ำ แถวระดับ $1200 ความน่าสนใจช่วงนี้จะเริ่มเห็นแรงเชียร์ บทวิเคราะห์เชิงบวกมากขึ้นตลอดเดือนที่ผ่านมา อย่างล่าสุด Francisco Blanch หัวหน้า นวค.ของ Bank of America Merrill Lynch มอง Gold จะไป $1350 ในปี 2019 ท่ามกลางเหตุผลต่างๆนานาๆเชิงบวก อันนี้คงรอดูต่อไปว่าปีหน้าทองจะกลับมาได้หรือเปล่า วันนี้ผมได้อ่านบทความชิ้นหนึ่งของ Mark Rzepczynski พูดถึงความไม่ปกติแง่พฤติกรรมความสัมพันธ์ของราคาทองคำ กับเงินเฟ้อ(inflation) ที่ดูเ หมือนแตกต่างจากอดีตที่ผ่าน เนื่องจากข้อมูล CPI ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ด้าน Core inflation ทั้ง US และ EU ก็ปรับขึ้นมาระดับ 2% แต่ราคาทองคำในปีนี้ ยังอยู่ระดับที่ต่ำและมีสัญญาณการถดถอยอยู่ เช่นเดียวกันจากการทำ QE ที่ผ่านมาการเข้าซื้อ Bond จำนวนมหาศาลของ ECB และ Fed นั้นน่าจะทำให้ตลาด fixed income มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นกว่าช่วงเศรษฐกิจปกติ โดยสรุปคุณ Mark Rzepczynski ชี้ให้เห็นว่าราคาทองคำปัจจุบันมีบางอย่างแตกต่างไปจากพฤติกรรมในอดีต เหมือนตลาดยังเชื่อว่า inflation ยังถูกจำกัดและน่าจะกดอยู่ (ยังไม่เกิดภาวะเงินเฟ้อสูงในเวลานี้) ขณะที่

Active Time ของตลาดค่าเงิน

เมื่อวานมีน้องคนหนึ่งถามผมว่า ถ้ามีเวลา 2-3 ชั่วโมงในหนึ่งวันเราจะเลือกเทรด scalping ค่าเงินในช่วงเวลาไหนดี? ลองนำเอา data จากงานวิจัย The Value of Volume in Foreign Exchange ของ คุณ Antonio Gargano แห่ง University of Melbourne มาอธิบายช่วยตอบคำถาม โดย paper นี้เขารวบรวม data เพื่อทำ research ด้านกลยุทธ์การเทรดจากการวิเคราะห์ข้อมูล volume ในตลาด Fx เทียบกับพฤติกรรมราคาและค่าความผันผวน(volatility) โดยเฉพาะจุดกลับตัวหรือการเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาด ซึ่งงานวิจัยนี้ใช้ data set  ของ CLS (ประเด็นกลยุทธ์การเทรดและสิ่งที่เขาพัฒนาในการวิเคราะห์ volume จะนำมาเล่าต่อไป) ในภาพเป็นผลที่เขาวิเคราะห์ข้อมูล volume ช่วงปี 2011 - 2016 เราจะเห็น Active Time ของตลาดค่าเงินภายในระหว่างวัน(24 ชม. ) จากปริมาณ volume ที่เกิดในตลาดโดยจะมีแบบรวมและแบบแยกประเภท spot, outright forward และ swap volume ซึ่งจะพบช่วง Active ของตลาดค่าเงิน ที่ทำให้เกิด volatility ในการเทรดระยะสั้นระหว่างวัน จะอยู่ช่วง 8.00 - 15.00 ของ London time (BKK time +6 hr) อ่าน paper เพิ่มเติม https://papers.ssrn.com/sol3/papers.c

พลังแห่ง swap

 การเทรดแม้จะเน้นการเข้าออกตามจังหวะของราคา แต่การเลือก product เพื่อวางแผนทำกลยุทธ์นี่ก็สำคัญ หาสินค้าที่ดี และสามารถช่วยเสริมกลยุทธ์การเทรดของเราได้ โดยการทำระบบถ้าทำการบ้านวางแผนก่อน เลือกสินค้าที่มี swap หรืออัตราดอกเบี้ยข้ามคืน เป็นบวกกรณีที่รู้ว่าต้องเทรดแบบระยะยาว มันยิ่ง ทำให้ ปิดความเสี่ยง ในการเทรดเข้าไปอีก ในภาพเอามาให้ดูจะพบ P/L ยังติดลบเพราะราคา ยังอยู่ในกริดโซนล่าง แต่ profit ออกมาเป็นบวกแล้วเพราะ swap ที่ได้มันเข้ามาเติม ตามระยะเวลา คล้ายๆกับเงินปันผลที่เกิด วันหลังจะมาเขียนบทความการทำระบบเทรดในหุ้นปันผล ให้อ่านต่อไป ใช้พลังอัตราปันผลมาเสริมส่วนของ beta ในการสร้างพอร์ตให้โตระยะยาว อยากรู้ว่าสินค้าใด swap เท่าไหร่ เข้าไปดูจาก link ด้านล่าง พวกนี้เป็นมาตรฐาน ที่มีการประกาศไว้แน่นอนก่อน เราตรวจสอบได้ http://www.myfxbook.com/forex-broker-swaps

2015 commodity performance table

หน้าตาเหมือนตารางธาตุเลย จริงๆแล้วมันคือ performance table ของ สินค้า commodity ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาถือว่า ปีที่ตกต่ำ แต่คนเทรดขาลงหรือ short นี่รวยนะ ลองดูในภาพกลุ่มถ่านหิน น้ำมัน ทองคำตลอด 5 ปี เรียกว่า ลบหนักและลบมากกว่าบวก กลุ่มขา short เลยค่อนข้างได้ผลตอบแทนดี แน่นอนว่าใครไปซื้อหรือเน้น long ก็เน่าไป แต่การตกต่ำต่อเนื่องนานๆ ก็ทำให้หลายคนลุ้นแสงสว่างปลายอุโมง ว่ามันจะมีโอกาส กลับคืนขึ้นมาได้หรือไม่ แต่อย่างว่าครับถ้า demand มันยังไม่กลับมา เศรษฐกิจประเทศบริโภคคอมโม อย่างจีน ยังไม่ฟื้น ก็คงไม่ง่ายจะเห็นราคาคอมโมดิดี้กลับมาเป็นขาขึ้นเหมือนอดีต (แต่จับตามมองอย่างใกล้ชิดก็ไม่เสียหาย)  ถ้าเทรดคอมโมดิดี้ จะพบ มันไม่ได้เหมือนอดีต ที่เป็นทรง cycle ชัด แต่ตลาดนี้กลายเป็น มีความผันผวน เปลี่ยนแปลงแบบปีต่อปี เช่นปี 2010 มีคนไม่น้่อยคิดว่า มันคือ วัฏจักรขาขึ้น จบขาลง เพราะ การโตของราคา แต่ไม่กี่ปีต่อมา ราคากลับชะลอและตกต่ำ ทำเอา หลายเทรดเดอร์ หลายกองทุน ปวดตับ ขาดทุนหนักกันไป ดังนั้นโมเดล อดีต ยุคก่อนปี 2000 ถ้าคิดจะเอามาใช้ในปัจจุบันกับ ภาวะตลาดคอมโม แบบนี้ คงต้องคิด วางแผนให้ดีๆ

Oil Oil Oil

น้ำมันกับจุดต่ำสุดใหม่รอบ 6 ปี น้ำมันสเน่ห์อย่างหนึ่งคือ มันคาดเดาไม่ค่อยได้ แต่คนก็พยายามไปคาดเดา พยายามจับ logic ต่างๆมาสนับสนุนความเชื่อของตัวเอง ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายเชื่อว่าขึ้น และฝ่ายเชื่อว่าลง ก็มีเหตุผลมาสนับสนุนการเดาของตัวเอง ถ้าจำกันได้รอบแรกของการร่วงลงมาของราคา สื่อใหญ่ระดับโลก เสนอว่าเป็นเกมส์ของอเมริกากับซาอุ กดดัน IS(ผู้ก่อการร้าย) ที่ยึดบ่อน้ำมันในอิรักและแอบขายน้ำมัน บวกกับกดดันรัสเซียและอิร่าน คือเรื่องราวเล่นข่าวกันมาหลายวัน น่าเชือ่ถือมาก มารอบนี้ เฮ้ย ทำไมกลายเป็น ซาอุ ท ำสงครามราคาน้ำมัน แพ้อเมริกา ไปซะแล้ว ในเมื่อรอบแรกจาก $100 มา $45 ข่าวยังเขียน กูรูยังออกมาบอกว่าเป็นเกมส์สมคบคิด เพื่อร่วมกันถล่มรัสเซียและอิหร่าน อยู่เลย ยิ่งตามยิ่งสนุก เพราะเราจะมี story ให้เสพเรื่อยๆ เหมือนผมเขียนบทความให้อ่านก่อนว่า story is everything มันเป็นตัวกระตุ้นความโลภ ความกลัว และการมโนของคน ตอนนี้คนเห็นน้ำมันลงมาแถว 45 ก็เริ่มออกมา bullish divergence กันอีกแล้ว(คือหาอะไรมันมา divergence ได้เรื่อย ไม่มี timeframe ใหญ่ก็ไปเอาสัญญาณใน timeframe เล็กมาเดา มาสนับสนุนความคิด) แต