ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

ความเสี่ยง มือสังหารที่ไร้ความปราณี

เราอยู่บนโลกของการลงทุน ความเสี่ยงน่าจะเป็นเพื่อนสนิทที่เราต้องเจอและต้องทำความรู้จักกับมันให้มากๆ เพราะถ้าเราไม่สนิท ไม่รู้จัก หรือประมาท ดูเบามัน วันหนึ่งความเสี่ยงก็จะเข้ามาทำร้ายเรา และนำเราไปสู่ความหายนะได้ ไม่ว่าเราจะคิดว่าตัวเองเก่งแค่ไหน หรือจะมีเครื่องมือวิเคราะห์ดีเท่าใด ถ้าเราไม่สามารถรับมือและควบคุมความเสี่ยงไว้ได้ ก็ไร้ประโยชน์ ปลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ข่าวที่ใหญ่ที่สุดข่าวหนึ่งของแวดวงการเงินโลก คงหนี้ไม่พ้นเรื่องการขาดทุนแบบไม่คาดฝัน ของ JP Morgan (JPM) ที่มากถึง สองพันล้านดอลล่าห์สหรัฐ( $2 billion) เงินจำนวนมหาศาลที่ขาดทุนจากลงทุนภายในระยะ 6 สัปดาห์บนตราสารอนุพันธ์ จาก hedging mechanism ของฝ่าย proprietary trading ที่ห้องค้าลอนดอนโดยทาง CEO ยืนยันว่าไม่ใช้ rogue trader หรือการทุจริตแต่อย่างใด การขาดทุนเสียหายจากโมเดลการลงทุนที่ซับซ้อนในช่วงตลาดผันผวนแต่ขาดการดูแลความเสี่ยงให้ดีพอ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ เพราะโลกนี้มันไม่มีอะไรที่แน่นอนเราไม่สามารถคาดเดาอนาคตที่จะเกิดขึ้นได้ การลงทุนไม่ว่าจะสั้นหรือยาว นั้นก็เป็นการเสี่ยงบนความน่าจะเป็น ที่มีโอกาสผิดพลาดเสมอ ความเสี

มือที่มองไม่เห็น

ข้อแตกต่างระหว่างมือเก่ากับมือใหม่ในตลาดหุ้นคือ เรื่องของ "จิตใจ" คนส่วนใหญ่เมื่อย่างก้าวเข้ามาในตลาดหุ้น ก็เปรียบได้กับเด็กน้อยที่เข้าโรงเรียนในวันแรก อะไรมันก็ดูใหม่ อะไรก็ดูน่าตื่นเต้นมีเรื่องให้บีบหัวใจทุกวัน มือใหม่มักเน้นที่การศึกษาเรื่องของเครื่องมือ ในขณะที่มือเก่ามือเก๋าเน้นไปที่การศึกษาและพัฒนาเรื่องของจิตใจ เพราะจิตใจเป็นสิ่งสำคัญแต่ในมุมมองของมือใหม่แล้ว มักถูกอัตตาบดบังจนคิดว่าตัวเองเอาอยู่ รับมือกับมันได้ไม่มีปัญหา ทั้งที่แท้จริงแล้วกับตรงกันข้ามกับที่คิดไว้โดยสิ้นเชิง จิตใจ เปรียบได้ประหนึ่งกับมือที่มองไม่เห็น สามารถดันเราให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้ ในขณะเดียวกันมันก็สามารถฉุดรั้ง กดเราให้ตกต่ำไปได้เช่นกัน การตัดสินใจใดๆที่เกี่ยวข้องกับเงิน ยิ่งจำนวนเงินมากเท่าไหร่ จิตใจ เราก็จะยิ่งมีผลมากเท่านั้น จิตใจที่ไม่นิ่ง ปราศจากการควบคุมหรือฝึกฝน มันก็จะถูกสิ่งเล้ากระตุ้นให้ไหลไปตามอารมณ์ในขณะนั้นได้เสมอ สุดท้ายแล้วเราก็จะกลายเป็นเหยื่อของคนที่ใช้จิตวิทยาในการชักจูงจิตใจเรา เป็นผู้พ่ายแพ้ต่ออารมณ์ โดยไม่รู้ตัวเพราะเมื่อจิตถูกชี้นำ สมองก็จะสร้างตรรกะ สร้างวิธีคิดที่ดูเหมื

เหนือฟ้ายังมีฟ้า

สมัยเด็กผมชอบดูหนังจีนกำลังภายในมาก โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับวัดเส้าหลิน จำได้ว่าพระวัดนี้ฝีมือยุทธ์ล้ำเลิศ ใครได้มาเรียนกังฟู ได้มาฝึกวิชาที่วัดนี้ จบไปถือว่าเป็นสุดยอดทั้งด้านฝีมือและคุณธรรม แต่แน่นอนว่ากว่าจะลงจากเขามาสู่จงหยวนได้ต้องผ่านด่านอรหันต์ทองคำหรือค่ายกลมนุษย์เส้าหลินในหอตั๊กม้อ ทดสอบฝีมือ ความอดทน แทบปางตาย ต้องพร้อมจริงๆทั้งร่างกายและจิตใจจึงสามารถจะสำเร็จออกไปได้ เมื่อผ่านแล้วยังต้องประทับตาเหล็กร้อนๆบนหลังเพื่อเป็นการันตีว่าได้สำเร็จวิชาชั้นเซียนจากวัดเส้าหลินแล้ว เปรียบดังชีวิตจริงถ้าอยากมีชื่อเสียง อยากให้คนยอมรับ เราก็ต้องเอาชนะด่านอรหันต์ทองคำ ให้ได้ก่อน ต้องผ่านการขัดเกลา ผ่านการหล่อหลอม ประสบการณ์และความสามารถ จนเป็นที่ยอมรับจากคนทั่วไป บททดสอบที่ยากที่สุดคือการเอาชนะจิตใจของตัวเอง การเอาชนะใจของตัวเองคือการควบคุมจิตใจของเรา ให้เป็นไปในทางที่ถูกที่ควรตามต้องการ มีสติสัมปชัญญะในการพิจารณาการปรุงแต่งของจิตใจที่ไหลไปตามสิ่งเล้าจากภายนอกและก่อให้เกิดอารมณ์ต่างๆ การเอาชนะจิตใจไม่ใช่การหลอกตัวเอง การหลอกตัวเองเปรียบประหนึ่งกับการเอากระดาษมาห่อไฟ อาจจะปิดบังเพื่อไม่ให้คนภ

เทคนิคบริหารพอร์ตหุ้นเก็งกำไร

การเป็นนักเก็งกำไร หาเงินจากการเทรดหุ้นหลายคนมักคิดว่ามันง่าย ไม่เหนื่อย ได้เงินเร็ว ใช้ชีวิตชิวๆ ไม่ต้องกดดัน ไม่ต้องมีเจ้านายมาจิกหัวใช้ มากดดันให้เราทำอะไรตามคำสั่ง เหมือนเป็นชีวิตในฝัน แต่จริงแล้วมันก็ไม่ได้มีอะไรที่ง่ายดายเช่นนั้น ต้องผ่านการฝึกฝนและการพัฒนาตนเอง ผมเองแม้ปัจจุบันไม่ได้ทำอาชีพเป็นเทรดเดอร์ แต่ก็เคยมีประสบการณ์การใช้ชีวิตหาเลี้ยงชีพด้วยการเทรดหุ้นและอนุพันธ์อย่างเดียวมาก่อน  ผมเคยใช้เวลา เกือบ 2 ปีในการเทรดหุ้นเก็งกำไรเป็นหลัก ตั้งแต่เช้าถึงดึก ทั้งตลากหุ้นไทย tfex ตกเย็นก็ต่อด้วยการเทรดทองคำ ตอนนั้นมีความคิดเบื้องต้นที่ว่า อยากพัฒนาระบบเทรดและอยากเพิ่มความสามารถในการเทรดหุ้นของตัวเอง ถ้าเราทำงานไปด้วยเล่นหุ้นไปด้วย เวลาในการอ่านหนังสือ ในการทุ่มเทเพื่อติดตามหาข้อมูลมันอาจจะไม่พอ และอาจจะช้า ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงที่เปลี่ยนผ่านชีวิตการทำงาน เลยทำให้ตัดสินใจลองทำดู สิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้ จากการใช้ชีวิตเลี้ยงชีพด้วยการเทรดหุ้น มันไม่ใช่แค่การดูกราฟ หรือนั่งวิเคราะห์ หุ้นแต่มันเป็นมิติเรื่องการบริหารจัดการ โจทย์ที่ว่าทำอย่างอย่างไรที่จะเทรดหุ้นให้มีเงินพอเลี้ยงชีพ ห

คุณค่าและราคา

หน้าร้อนปีนี้ดูจะสาหัสเอาการทีเดียว ผมลองวัดอุณหภูมิและจดบันทึกสะสมไม่น่าเชื่อว่าแต่ละวันจะร้อนขนาด 40 องศาได้นานต่อเนื่องเกือบสองสัปดาห์มาแล้ว เดินตากแดดออกจากบ้านหรือที่ทำงานในตอนกลางวัน ตัวแทบจะละลาย นี่คงเป็นผลกรรมของมนุษย์ที่ธรรมชาติกำลังลงโทษเรา ด้วยสาเหตุจากภาวะโลกร้อน ในอนาคตอุณหภูมิในฤดูร้อนก็คงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่เราทำกันได้ในวันนี้มากกว่าการบ่นว่า "ร้อน" ก็คงเป็นการปรับตัวเองให้เขากับธรรมชาติ และช่วยกันปลูกต้นไม้คนไม้คนละมือเพื่อเพิ่มความชื้น เพิ่มอากาศบริสุทธิ และเป็นร่มเงาให้กับพวกเรา นอกจากความร้อนที่จะเข้ามากวนใจเราแล้ว ยังมีบิลค่าไฟฟ้า ที่เข้ามารบกวนจิตใจอีกประการ เมื่อเราร้อนเราก็ต้องหันหน้าไปพึ่งเครื่องทำความเย็น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรับอากาศ พัดลม ตู้เย็น ร่วมแต่เป็นอาวุธหลักที่เราใช้ในการต่อสู้กับเจ้าความร้อน อาวุธเหล่านี้ล้วนกินไฟฟ้า เป็นอาหารและเป็นอุปกรณ์ที่กินไฟฟ้าจุ เมื่อเทียบกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆในบ้าน ยิ่งรัฐบาลใจดีปรับค่า FT ซึ่งอ้างว่าให้สอดคล้องกับค่าพลังงานเชื่อเพลิง ทำให้ค่าไฟฟ้าแต่ละบ้านมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มมากขึ้นอีก 5-10% ทำให้ประชาชนต

Instagram รวยได้ด้วยไอเดีย

ถ้าเอ่ยถึงชื่อ Instagarm คนที่ใช้อินเตอร์เน็ตคงไม่มีใครไม่รู้จัก app ตกแต่งและแชร์รูปภาพชื่อดังที่วันนี้หลายคนติดอกติดใจ ชื่นชอบในภาพถ่ายแบบสีแปลกอารมณ์ยุคสไตล์โพลาลอยด์ Instagram เป็นผลิตของสองผู้ประกอบการวัยหนุ่มคือคุณ Kevin Systrom และ Michel "Mike" Krieger สองนักพัฒนาโปรแกรมเมอร์ ที่ร่วมกันปั้นบริษัทจากความฝันและความชื่นชอบในการถ่ายภาพ จนกลายเป็น app ที่โด่งดังมีผู้ใช้มากมายทั่วโลก และทำให้เขาทั้งสองได้กลายเป็นเศรษฐีพันล้านเพียงชั่วข้ามคืนจากดีลการซื้อกิจการจาก เฟสบุ๊ค  Kevin Systrom ได้เริ่มก่อตั้งบริษัทที่มีพนักงานเพียง 5 คนเมื่อ โดยได้รับเงินสนับสนุนจาก Baseline Ventures and Andreessen Horowitz ในตอนแรกพัฒนาโปรแกรม Burbn โปรแกรมตกแต่งภาพและแชร์สถานที่พร้อมข้อความ หลังจากนั้นไม่นาน Kevin Systrom ก็ได้รู้จักกับ Krieger ซึ่งเป็นผู้ใช้ Burbn และได้เข้ามาแลกเปลี่ยนไอเดียจนได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทและได้ช่วยกันสร้าง Instagram ในเวลาต่อมา  Kevin Systrom และ Michael "Mike" Krieger เป็นอีกส่วนผสมที่ลงตัว ทั้งคู่เรียนจบจาก สแตนฟอร์ด โดย Kevin Systrom จบมาทางด้าน

จุดบรรจบของเทคนิคคอลและพื้นฐาน C-A-N-S-L-I-M # 2

ตอนที่สอง ผมจะกล่าวถึงเทคนิคการลงทุนแบบ C - A - N - S - L - I - M ของคุณ วิลเลียม โอนิล (William O’Neil) ปรมาจารย์ด้านการลงทุนของโลกอีกท่าน ผมชอบเทคนิควิธีนี้เพราะเป็นการผสมผสานทั้งเรื่องของปัจจัยพื้นฐาน การเติบโตของธุรกิจ บวกกับการพิจารณาแนวโน้มราคาหุ้นและแนวโน้มตลาด ควบคู่กันในการลงทุน ผมนำเอาเทคนิคนี้มาประยุกต์และใช้ในการลงทุนระยะยาวของตัวเอง  โดยประยุกต์เอาแนวคิดและเทคนิคบางอย่างใส่ลงไปด้วย เพื่อให้เหมาะกับสภาวะตลาดหุ้นบ้านเราและเหมาะกับจริตการลงทุนของตัวผมเอง สิ่งที่เขียนในหัวข้อนี้เป็นเพียงตัวอย่างการประยุกต์เท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่ตายตัว เพื่อนๆสามารถศึกษาหลักการของ C - A - N - S - L - I - M ให้เข้าใจและลองนำไปประยุกต์ใช้ดูครับ C - A - N - S - L - I - M ประกอบด้วยตัวแปรที่ต้องพิจารณา 7 ตัวได้แก่  1. C= Current quarterly earnings per share. 2. A = Annual earnings per share. 3. N = New product/management/price high. 4. S = Supply/Demand: Small Cap + Volume 5. L = Leader 6. I = Institutional Sponsorship 7. M = Market Direction โดยจำแนกปัจจัยหลัก 5 ด้านคือ งบการเงิน,สภาพคล่อง,ผลิตภัณฑ