ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

SET@14-06-2012

บันทึกสภาวะตลาดหุ้น รวบรวมข้อมูลกราฟดัชนี ปริมาณการซื้อขายประจำวันที่ 14-06-2012 วันนี้ตลาดปิดที่ 1153.01 -5.21 จุด บรรยากาศเช้าซึมๆ ค่อนข้างเงียบเหงาแต่ก็ยกตัวขึ้นมาได้ พอเปิดช่วงบ่ายตลาดเริ่มคึกคักแรงด้วยขาย มีการเทขายหุ้นใหญ่ต่อเนื่องตั้งแต่บ่ายสามโมงจนปิดตลาด กราฟ 30 นาทีภาพกรอบเล็กระหว่างวันเป็นแรงขายส่วนใหญ่ แนวโน้มระยะสั้นอ่อนตัวทิศทางลง จนดัชนีปิดทะลุเส้นค่าเฉลี่ย EMA20 แต่ยังไม่ทะลุแนวรับเดิมจุดต่ำสุดก่อนหน้าที่ 1152 กราฟ Day เกิด 2 แท่งเทียนแดง บ่งบอกการชะลอตัว โดยเฉพาะวันนี้แท่งเทียนมีไส้เทียนยาวด้านบน ปิดลบ ดัชนีปิดต่ำกว่าเส้นแนวต้าน 1156 ทำให้ดัชนีเข้ามาอยู่ในกรอบ 1156 - 1099 อีกรอบ ซึ่งเป็นกรอบ sideway เดิม MACD ยังอยู่ใน Zone ต่ำกว่าศูนย์บ่งบอกกำลังการยกตัวยังไม่มากพอ แต่ดัชนีปิดยังยืนเหนือเส้น EMA15 อยู่ได้ ลุ้นแนวรับย่อยที่ 1143 ถ้าหลุดโอกาสร่วงไปปิด GAP ล่างมีสูง ส่วนแนวต้านคือ 1156 กระแสเงินยังไหลออก ฝรั่งต่างชาติขายสุทธิ -1463.4 กราฟสะสมยังขายต่อเนื่อง

SET@12-06-2012

บันทึกสภาวะตลาดหุ้น รวบรวมข้อมูลกราฟดัชนี ปริมาณการซื้อขายประจำวันที่ 12-06-2012 วันนี้ตลาด 1162.93 +4.86 จุด ช่วงเช้าตลาดเปิดลบไปถึง 10 จุดตามตลาดอเมริกาและเอเซีย แต่ช่วงบ่ายค่อยๆไล่เด้งกลับขึ้นมาได้เรื่อยๆ และวิ่งแรงช่วงท้ายตลาดชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิด กราฟ Day ภาพรวมยังดูดีราคาปิดทะลุแนวต้าน 1153 ทะลุยอด high ก่อนหน้าได้ ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA15 เริ่มมีทิศทางความชันเป็นบวก แต่กำลังขับยังไม่ค่อยมีมาก กราฟ MACD ความชันเป็นบวก แต่ยังอยู่ใน Zone ต่ำกว่า 0 ระยะ Day ยังไม่เป็นแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนนัก ประกอบกับด้านล่างมี GAP ที่เปิดข้าม zone เส้นค่าเฉลี่ยมา ทำให้แนวโน้มทิศทางนี้ยัง weak อยู่ บวกกับถ้าดูกราฟ 60 นาที จะพบทิศทางของ MACD มันอ่อนตัวลง แต่ถึงยังไงพรุ่งนี้ลุ้น SET ขึ้นทดสอบปิด GAP บนแถว 1167  ฝรั่งยังคงขายต่อเนื่องจากเมื่อวานอีก 1286.09 ลบ เช่นเดียวกันคือ สถาบันและบล. ยังคงซื้อสุทธิ ช่วยพยุงตลาดไว้ แนวโน้มกระแสเงินต่างชาิติยังไหลออกต่อเนื่อง แม้ดัชนียังบวกขึ้น

VAD (Variable_Accumulation_Distribution)

Variable Accumulation Distribution เป็นเครื่องมือประเภทสมการคณิตศาสตร์เชิงสถิติอีกตัวที่เป็นที่นิยมในการใช้วิเคราะห์การกระจายและการสะสมของปริมาณซื้อขาย โดยสามารถช่วยให้เรามองเห็นภาพของการสะสมและการะบายของหุ้น เพื่อช่วยยืนยันการเกิดแนวโน้มทิศทางต่างๆได้ VAD เป็นการนำเอาทั้งปริมาณซื้อขาย มาคำนวณร่วมกับราคาเปิดปิด สูงสุดต่ำสุด(OCHL)ในช่วงเวลานั้นๆ เพื่อให้ได้สัญญาณในลักษณะ OSCILLATOR เพื่อใช้ในการดูจังหวะการเปลี่ยนแปลงปริมาณซื้อขายเทียบกับราคา VAD เป็นดัชนีค่าเฉลี่ยที่ใช้ในการแกว่งตัวแบบ  OSCILLATOR  ของ Volume อีกอันที่มีการนำราคาปิด ราคาเปิดมาใช้ในการคำนวณ ณ ช่วงเวลานั้นมีเป็นตัวนิยามระยะสะสมและระยะกระจายหุ้น แนวคิดระยะสะสม VAD มากกว่า 0 เนื่องจากราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด ถ้า VAD น้อยกว่า 0 ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด สมการการคำนวณ   VAD = MA([( Close  -  Open ) /( High   -  Low )] * Volume) การตีความหมาย 1. กรณี VAD มากกว่า 0 เกิดสัญญาณซื้อสะสมหุ้น 2. กรณี VAD น้อยกว่า 0 บอกถึงสัญญาณการกระจายหุ้น  3. พิจารณาแนวโน้มของ VAD โดยดูจากกราฟ VAD กรณีใช้เพื่อสร้างการยืนยันทิศทางราคา VAD มีทิศทางเดียวก

ทฤษฏีตาอยู่ กินพุงปลา

สมัยเด็กๆหลายท่านคงเคยได้ยินเรื่องราวของตาอิน ตานาและตาอยู่กันมาบ้าง ทั้งในแบบเรียนระดับประถม และจากเพลงฮิตติดหูสมัยก่อนอย่างเพลง"ตาอยู่"(ตาอยู่แว่นดำ) ของพี่ป้อม พี่โต๊ะ อัสนี-วสันต์ โชติกุล ก่อนอื่นสำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันยุคนั้น ผมขอยกเรื่องราวแบบฉบับย่อของนิทานตาอินกับตานาและตาอยู่ นิทานคลาสสิก ที่มีในแบบเรียนหนังสือไทยของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ รศ 108 เรื่องเล่าคติสอนใจแต่อดีตมาเล่าให้ฟังกันก่อน เรื่องราวของตาอินกับตานา สองเพื่อนซี่ที่ออกหาปลาในหมู่บ้านมาด้วยกันตั้งแต่หนุ่ม จนวันหนึ่งปลาเหลือน้อย ตาอินกับตานาจึง ตัดสินใจแยกทางกันหาปลา โดยตาอินไปทางเหนือ ตานาไปทางใต้ ตกเย็นกลับมาตาอินไม่ได้ปลาเลยสักตัว ส่วนตานาได้ปลาตัวใหญ่มาหนึ่งตัว ด้วยความเป็นเพื่อนตานา แบ่งปลาให้ตาอยู่ครึ่งหนึ่ง ตานาจะเอาข้างหัว ให้ข้างหางกับตาอิน แต่ตาอินไม่ยอม อยากได้ส่วนหัว ส่วนตานาก็โกรธบอกว่าตนเป็นคนหามาได้ ต้องได้ส่วนหัว เกิดการถกเถียงกันใหญ่โต จนต้องหาคนกลาง ระหว่างนั้นตาอยู่กับจากในเมืองเดินผ่านมา หอบกระดาษปึกใหญ่จะเอาไปทำว่าวจุฬาขาย ตาอินเห็นว่าตาอยู่แต่ตัวดี ถือกระดาษปึกใหญ่เลยค

"สมาธิ" วิธีการฝึกจิตสำหรับนักลงทุน

เคยมีนักลงทุนคนหนึ่ง เจอผมในงานสัมนา ด้วยความที่จำชื่อได้ เลยเข้ามาทักทาย ระหว่างการสนทนามีคำถามหนึ่งที่เขาได้ถามขึ้นมาว่า "คุณคิดว่าคุณเล่นหุ้นเก่งหรือเปล่า" ผมตอบได้ไม่ยากเลยว่ายังไม่เก่งครับ เพราะคำว่า “เก่ง” นั้นแต่ละคนจะตีความต่างกันออกไปขึ้นกับการเปรียบเทียบ หรือจุดอ้างอิงในทรรศนคติของแต่ละบุคคล ผมเองไม่ใช่คนเก่งแต่ผมเป็นคนขยันมาก ผมชอบอ่านหนังสือและทำให้เมื่อมาสนใจเรื่องหุ้น เลยได้มีโอกาสอ่านหนังสือและตำราต่างประเทศทั้งแบบเล่มและแบบ pdf ที่หาอ่านได้ฟรีเยอะพอสมควร ทำให้พอจะรู้อะไรเยอะเกี่ยวกับระบบเทรดและการวิเคราะห์หุ้นเชิงเทคนิค จึงนำมาแบ่งปันกัน  แต่เรื่องหนึ่งที่ผมยังคิดว่าตัวเองยังต้องพัฒนาอีกมากคือเรื่องของการฝึกจิตใจ และการบริหารอารมณ์ไม่ให้มันเข้ามามีผลต่อการเล่นหุ้น เพราะบ่อยครั้งผมเองก็ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองให้นิ่งได้ 100% ยังมีกิเลสที่มากวนใจทำให้เราออกนอกทางไปบ้าง แต่แน่นอนว่าขอบเขตยังชัดเจนคือยังไม่ทำให้ขาดทุนหรือเสี่ยงเกินตัว ดังนั้นถ้าจะเก่งได้จริงในมุมมองผม เราต้องฝึกหัดเรื่องของ “จิตใจ” มากๆ เรื่องนี้เราหลอกลวงหรือสร้างภาพไม่ได้ เพราะตัวเราย่อมรู้ตัวเร

การตัดขาดทุน (Cut loss)

ช่วงนี้ถ้าใครติดตามข่าวเศรษฐกิจ คงชวนให้กังวลและวิตกไม่น้อยเพราะเรื่องของ วิกฤติหนี้ยุโรป ที่กรีซก็ใกล้จะมาถึงจุดจบ และพบสัญยาณชัดเจนในการลามไปถึงสเปนและอิตาลี บวกกับแต่ละประเทศยังมีปัญหาการเมืองภายในที่เริ่มไม่สเถียร เพราะประชาชนต่างไม่ยินดีกับมาตรการรัดเข็มขัดอันแสนโหดของภาครัฐ เมื่อวิกฤติการเงินโลกกำลังจะประทุ แน่นอนว่ามันย่อมมีผลต่อการเคลื่อนไหวของกระแสเงิน(Fund flow) โลกที่ตลาดหุ้นมักจะกลายเป็นของร้อน ที่มีโอกาสเสี่ยงสูง กระแสเงินมักจะวิ่งไปหาสินทรัพย์ที่มั่นคงกว่าเช่น พันธ์บัตร ทองคำ ตลาดหุ้นทั่วโลกย่อมได้รับ ผลกระทบและมีแนวโน้มลดลงไปตามๆกัน สำหรับนักเก็งกำไร ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการขาดทุน แล้วไม่จำกัดการขาดทุนปล่อยให้เงินทุน ค่อยหายไปหรือเน่าเสียไป หลายคนอาจจะเถียงว่า ไม่มีทางเป็นไปได้เพราะหุ้นไม่ขายไม่ขาดทุน วลีที่ใช้หลอกแมงเม่าหน้าใหม่ ผมเองไม่เคยเชื่อในคำนี้ เพราะว่าการไม่ขายหุ้น นั้นไม่ได้แปลว่าไม่ขาดทุน แท้จริงแล้วคุณขาดทุนทางโอกาส มีค่าเสียโอกาสของเงิน แทนที่จะนำไปลงทุนในครั้งใหม่ให้ได้กำไรเพิ่ม ถ้าคุณคิดว่าหุ้นดีไม่ขายไม่ขาดทุน อาจจะลองไปคุยกับคนที่มี PTT ตอนปี 2007 ที่ราคา

"วินัย" คำที่นักเก็งกำไรต้องรู้จัก

สำหรับเทรดเดอร์ ถ้า" แนวโน้ม " เป็นดั่งเพื่อนของเรา(Trend is your friend) คำว่า" วินัย " ก็เปรียบประดั่งผัวหรือเมียของเรา( Discipline  is your wife) เพราะการที่จะอยู่รอดในตลาดหุ้น ไม่ว่าจะลงทุนในแนวใดต้องมีวินัย ถ้าขาดวินัยในการลงทุนแล้วต่อให้คุณจะเก่ง หรือฉลาดแค่ไหนก็ไม่ประโยชน์ จะไม่สามารถเอาชนะจิตใจของตัวเองได้ ขาดวินัยในการลงทุนก็เปรียบประดุจ เรือที่ขาดหางเสือ แล่นไปได้แต่ก็ไร้ทิศทาง โอกาสที่จะแล่นไปให้ถึงจุดหมายก็ยากเต็มแก่ ยิ่งเป็นนักเก็งกำไรในตลาดหุ้น การต้องต่อสู้กับความผันผวนของตลาดจะเป็นสิ่งที่เราต้องเผชิญอยู่ทุกวัน เมื่อตลาดผันผวน มีความไม่แน่นอน ยิ่งจะทำให้เกิดการชักจูงจิตใจทำให้เกิดอารมณ์ที่อ่อนไหว ไปตามสิ่งที่ปรากฏ เมื่อเรานำอารมณ์มาใช้ในการตัดสินใจ นั้นหมายถึงการนำมาซึ่งหายนะ ดังนั้นเทรดเดอร์หรือนักเก็งกำไร จะต้องมีจิตใจที่หนักแน่น มีวินัยยึดมั่นในระบบเทรด เชื่อมั่นกลยุทธในแผนที่วางไว้ หลายคนล้มเหลวกับการเทรดหุ้นเพียงเพราะขาดวินัย เมื่อระบบเทรดให้สัญญาณขาย แต่จิตใจอ่อนแอรับไม่ได้กับการขาดทุน ก็ทำให้ละเลย จนส่งผลเสียให้ต้องติดดอยขาดทุนรุกรามจากไม่กี่เป

OBV (On Balance Volume)

การมองแนวโน้มราคาหุ้นว่าจะมีทิศทางขึ้นหรือลงให้ขาดนั้น บางครั้งเราไม่อาจจะมองได้จากข้อมูลราคา เพียงอย่างเดียว  จำเป็นที่ต้องใช้การสังเกตและวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายที่เกิดขึ้นด้วย จึงมีการนำเอาสมการคณิตศาสตร์ มาประยุกต์สร้างเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขายในรูปแบบอินดิเคเตอร์ เพื่อใช้ในการยืนยันแนวโน้มของราคาหุ้น โดยอาศัยหลักที่ว่า ถ้าราคาหุ้นมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นหรือลง ปริมาณการซื้อและย่อมมีการเพิ่มขึ้นแบบมีนัยยะจากจุดเริ่มต้น บ่งบอกถึงผู้ลงทุนให้ความสนใจในหุ้นตัวนั้น และบ่งบอกความแน่นอนของแนวโน้มที่เกิดขึ้นด้วย  OBV (On Balance Volume)  On Balance Volume เป็นดัชนีที่ใช้ในการแกว่งตัวของ Volume โดยมีหลักการคิดเบื้องต้นว่า ปริมาณของหุ้นวันที่ปิดบวก (ราคาปิดสูงขึ้นจากราคาเปิด) เป็นการสะสมหุ้น ส่วนปริมาณของหุ้นวันที่ปิดลบ (ราคาปิดต่ำกว่าจากราคาเปิด) เป็นการกระจายหุ้นออกไป โดยวิธีการคำนวณมาจาก สมการ -กรณีที่ ราคาปิดวันนี้ > วันก่อน                                 OBV ใหม่= OBV เดิม+ปริมาณหุ้นวันนี้ -กรณีที่   ราคาปิดวันนี้ < วันก่อน                               OBV ใหม่= OBV

GAP

GAP แปลว่าช่องว่าง ในการวิเคราะห์หุ้นเชิงเทคนิค GAP เป็นตัวบ่งบอกอะไรได้หลายอย่าง และสามารถใช้เป็นจุดสังเกตความผันผวนและการเคลื่อนตัวแบบรุนแรงไม่สม่ำเสมอ ฉับพลันทันทีทันใดในรูปแบบของการก้าวกระโดด ทั้งในทิศทางขาขึ้นและขาลงของราคาหุ้น จนทำให้เกิดช่องว่างของราคาขึ้นมา GAP ที่เกิดบนทิศทางขาขึ้นนั้นจะสะท้อนผิดปกติของแนวโน้ม และความต้องการของแรงซื้อที่มาก เช่นการแย่งกันซื้อแบบรุนแรง ในขณะทิศทางขาลง GAP ก็เป็นตัวสะท้อนการอ่อนตัวของราคาหุ้นแบบถดถอย จนเกิดการแย่งกันขาย แบบมีนัยยะสำคัญ เช่นการแตกตื่นตอบสนองต่อข่าว หรือปรากฏการณ์ผลกระทบจากภายนอกต่อตัวหุ้น 1. Common Gap เป็น GAP แบบธรรมดาที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ มีความสำคัญน้อยจะเกิดได้ในช่วงที่มีการซื้อ ขาย เบาบาง สังเกตดูได้จาก Volume ของหุ้นเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ซึ่งจะมาพร้อมกับการแกว่งตัวของราคาออกด้านข้าง sideway เรียกได้ว่าเจอ GAP แบบนี้ก็ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นตกใจ 2. Breakaway Gap การกระโดดของราคาทั้งในทิศทางขาขึ้นและขาลง เรียกได้ว่าจะเกิดเมื่อมีการฟอร์มรูปแบบทิศทางของราคาที่ชัดเจนแล้ว และมีการกระโดดของ Volume เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ท

หุ้น Facebook ตอนที่ 2: ใครรวยจากหุ้น

หลังจากนำเสนอเรื่อง IPO ของ Facebook ในตอนแรกไปหลายคนสนใจเข้ามาแลกเปลี่ยนประเด็นนี้กันเยอะ โดยเฉพาะกรณีที่ราคาหุ้นของ Facebook ล่วงลงอย่างแรงหลังเข้าตลาดทำให้ ใครหลายคน โดนเฉพาะนักลงทุนรายย่อยในอเมริกาผิดหวัง เพราะกระแสเชียร์ก่อนเข้าตลาดนั้นดีมาก แต่พอผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ราคาก็ดิ่งเหว ทำเอาคนที่ซื้อราคาจองขาดทุนกันถ้วนหน้า ผมขอเอาข้อมูลทรัพย์สินของผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Facebook มาเปิดเผยให้ดูกัน หลังจากหุ้น Facebook ได้เข้าสู่ตลาด NASDAQ ทันทีทีระฆังดังขึ้นและมีการเปิดขาย IPO ก็จะมีเศรษฐี มหาเศรษฐีเงินล้าน เกิดขึ้นหลายคน โดยทั้งหมดเป็นผู้ถือหุ้นใน Facebook โดยแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ผู้ก่อตั้ง กลุ่มทุน ลูกจ้างและพนักงานบริษัท หลายคนเป็นเศรษฐีป้ายแดงมาดๆจากการมีหุ้นของ facebook ผมขอยกตัวอย่างกลุ่มและคนบางส่วนที่มีบทบาทมาให้ดูเพื่อเป็นกรณีศึกษา โดยใช้ราคา IPO ที่ 38 บาทมาเป็นตัวคำนวณมูลค่าทรัพย์สินของแต่ละคน 1.  Mark Zuckerberg  คุณพี่มาร์ค ผู้ก่อตั้งและ CEO มีหุ้น facebook ถึง 28.2% คิดเป็นมูลค่า $24 billion ถ้าไม่มีมาร์คก็คงไม่มี facebook ต้องยอมรับในความสุดยอดของผู้ชายคนนี้จริงๆ ม