ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

travel & trade

สัปดาห์นี้มีโอกาสตอนรับเพื่อนต่างชาติ จากอเมริกา เขามาเที่ยวเมืองไทย คนนี้ไม่ธรรมดาตรง ที่เขาเป็น trader สายค่าเงิน ที่ผมรู้จักในเว็บต่างประเทศ ได้คุยกันเรื่องทำระบบเทรด ได้แชร์ไอเดีย ตอบคำถามกัน เลยทำให้ รู้ัจักมักจี่กัน คุณจอหน์ นี่น่าสนใจเพราะเขาเป็นเทรดเดอร์อาชีพ(trading for living) มาเป็นสิบปีแล้ว เมื่อลูกชาย ออกจากบ้าน(18) เข้ามหาวิทยาลัย  เขาเลยคิดจะออกเดินทางรอบโลก เปิด chapter ใหม่ของชีวิต แบบเที่ยวไปเทรดไป โดยเขาเดินทางแบบแบกเป้กับภรรยา ท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆ หลายทวีป  โดยใช้เวลา 3 วันต่อสัปดาห์ในการเทรดที่ร้านกาแฟ หรือโรงแรม อีก 4 วันก็เที่ยว พักผ่อนสบายใจ ระบบเทรดแกหลากหลายมาก มีทั้ง daytrade เก็บกระแสเงินสด ไว้ใช้จ่าย มีแบบระยะกลางรอบสัปดาห์ และมีแบบ marcro เพื่อคุมเชิงในตลาดหุ้น ตลาดคอมโม (พยายามตะลอมถามเทคนิคการจัดพอร์ตของแกเหมือนกัน วันหลังมาแชร์ต่อ)ปัจจุบัน แกเลยมีชีวิตที่ผมว่า น่าสนใจมาก สำหรับคนชอบเดินทางรักการท่องเที่ยว และอยากมีชีวิตสไตล์นี้ อีกอย่างที่ผมชอบในสิ่งที่จอหน์พูดคือ แกไม่เคยใช้คำว่า อิสรภาพทางการเงินเลยนะ คิดเหมือนกันตรงที่ว่า แกบอกว่า

ปรากฏการณ์น้ำมันถูก

บันทึกนี้ ขอเขียนเรื่องของ น้ำมัน(Oil) ก่อน คราวๆ เอาข้อมูลมาให้ร่วมกันศึกษา (ไม่ได้ชี้นำ ไม่เดาทิศทางราคาอะไรทั้งนั้นนะครับ) ช่วงนี้มีความสำคัญในตลาดน้ำมันคือ กำลังเข้าใกล้วันหยุด Thanksgiving และส่วนใหญ่ปลายปีเทรดเดอร์ มักจะหยุดเทรดพักผ่อนกัน เพราะทำงานเครียดกันมาทั้งปี 11 เดือนแล้ว ยิ่งถ้า port เป็นบวกพอตัว หรือมากกว่าเป้า เดือน 12 นี้มักจะเป็นโบนัส แต่ถ้าใครยังขาดทุน ปลายปีต้องทำงานต่อเร่งปิดบัญชียอดประจำปี ดังนั้นเดือน ธค. ธรรมชาติส่วนใหญ่ตลาดจะเงียบกว่าคึกคัก ยิ่งถ้าเลยกลางเดือนไปแล้ว ส่วนใหญ่ตามสถิติเดือนนี้ จะ sideway ซะเยอะ น้ำมันมีอีกประเด็นต้องจับตาในสัปดาห์นี้ คือ ผลการประชุมของโอเปก ในวันที่ 27-11-2014 อันนี้หลายสำนักคาดว่า โอเปกคงไม่ลดหรือคงกำลังการผลิต แม้อิหร่านและบางประเทศพยายามจะล๊อบบี้และกดดันให้โอเปก ลดกำลังการผลิตลง 1 ล้านบาร์เรล/วัน เพื่อพยุงราคา แต่ตรงนี้ยังเสียงแตก มาดูราคาน้ำมัน(Crude Oil) เห็นว่าช่วงนี้คือจุดต่ำสุดในรอบปีกันแล้ว  1. Range :Week >> 73.22 - 107.50 2. Diff ค่าต่าง YOY >> -20.28%  ราคาล่าสุด อยู่ในระดับ 76.2(25/1

Trade Alert System

สัปดาห์ก่อน เจอคำถามคล้ายๆกันจาก 2 ท่านและน้องทีทำระบบเทรด คือ อยากได้ระบบแจ้งเตือนเมื่อการเข้าซื้อขาย ประมาณว่าส่งข้อความมาบอก ทาง มือถือ น้องอีกคน ทำโรบอตเทรด อยากได้เครื่องมือ record แจ้งเตือน การเข้าออร์เดอร์ ออกออร์เดอร์ เพื่อ track ตัว equity แบบเรียลไทม์ (อันนี้คนทำ robot จะเข้าใจ บางทีมันรันหลาย system เราตามดูตลอดหน้าจอไม่ไหว แต่แน่นอนเราย่อมอยากรู้ว่ามันเข้าออก ใช้เงินเราไปแค่ไหนจะได้ติดตามทัน) ทุกคำถามมีคำตอบเสมอ ผมขอแขร์จากประสบการณ์ตรง ที่ตัวเองใช้ก็แล้วกัน ผมใช้ช่องการ alert ทาง email ของ Metatrader4 นะใช้งานไม่ยาก และค่อนข้างสะดวก ฟรีด้วย แค่มี SMTP Server(ส่วนมาก mail service ฟรี ทั้ง gmail hotmail yahoo จะมีกันอยู่แล้ว)  ข้อดีอีกประการของการแจ้งเตือนแบบนี้ คือ กรณีออกไปข้างนอก แม้จะมี mt4 mobile ให้ใช้ แต่ถ้าต้องเปิด ออนตลอดในมือถือ อาจจะทำให้เปลือง resource ทำให้เบื้องแบตและค่า airtime ได้อีก การแจ้งเตือนแบบ email เป็นครั้งคราว เฉพาะใกล้เกิดสัญญาณ จึงสะดวกและสามารถบันทึกผลที่เกิดได้ด้วย ครับ  มาดูวิธีการใช้งานกัน 1. Set Up Service ทาง email -too

Mr right or Mr rich

ประสบการณ์เป็นเรื่องสำคัญมาก สำหรับเทรดเดอร์ ต่อให้ฉลาดไอคิวดี เรียนสูงแค่ไหน ถ้าขาดทัศนคติที่ถูก ขาดการป้องกันความเสี่ยงและเข้าใจพฤติกรรมราคาสินค้าที่จะเทรดให้ดี ยากที่จะรอดครับ ยังไม่ต้องพูดถึงรวยนะ  ผมคนหนึ่งที่ ไม่ได้สนใจกำไรเป็นประธาน ทุกครั้งผมเทรด จะเข้า position ไม่ว่าจะมากน้อย ผมมองความเสี่ยงก่อนเสมอ ผมไม่เคยประมาท จะเทรดถูกมากถูกหรือถูกน้อยนี่มาทีหลัง เลยสิ่งที่มาอันดับแรกคือต้องไม่ประมาท รอบคอบตามแผนตามระบบที่สุด stoploss นี้ต้องมีและวางไว่ล่วงหน้าได้เลย เหมือนกับจ่ายค่าประกันรถยนต์ยนต์ คือ คำนวณขนาดที่จ่ายได้ให้แน่นอน พร้อมจ่าย และต้องมีเพือรักษาระดับเงินทุนของพอร์ตเอาไว้ให้ได้ เพราะยังไงโอกาสผิดมันมีเสมอ เราต้องพร้อมจะจ่ายเมื่อเข้าเดิมพัน (แน่นอนว่า SL นี้ก็ใช้ทักษะใช้โมเดลการบริหารจัดการเงินที่ดี ไปวางมั่ว + เข้าค่อมรอบไม่ได้ ถ้าโดนกินก็ไปจะโทษ hunter อะไรมั่วไปกันอีก ฮั่นเตอร์มันไม่รู้จักเรามันไม่มากินเราคนเดียวหรอกครับ ถ้ากินมันกินทั้งหมด ถ้าเราโดนบ่อยๆคนเดียว เปลี่ยนกี่โบรกก็โดนแบบนี้ไม่ใช่แล้ว) ผมเทรดทองคำมาตั้งแต่ปี 2009 เทรดมาหลายปี ตอนพีค 1800

kickstarter :การลงทุนที่เสี่ยงที่สุดของผม

Venture Capital คือรูปแบบของธุรกิจร่วมทุน ที่ให้เงินสนับสนุน ธุรกิจเกิดใหม่หรือบริษัท start up ให้เติบโต แน่นอนว่า ความเสี่ยงสูงเพราะ โอกาสที่โปรดักซ์หรือกิจการจะไปไม่รอดก็มี ตรงนี้เสี่ยงมากและต่างจากการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ แต่แน่นอนว่า high risk ก็ high return เพราะหลายๆกิจการ หลายๆโปรดักซ์มันเป็น innovation เป็นสินค้าประเภท game changer ในกลุ่มอุตสาหกรรมเลยก็ว่าได้ หลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นเรื่องเสี่ยง เรื่องยาก แต่ลองมองย้อนกลับไปดู กลุ่มนักลงทุนที่ร่ำรวยประสบความสำเร็จจากการลงทุนในบริษัท start up ก็มีเยอะโดยเฉพาะบริษัทกลุ่มไอที เช่นอย่างกรณีของ Facebook หรือ Google และอื่นๆเป็นต้น  แน่นอนว่าการเป็น VC โดยตรงอาจจะใช้เงินมาก และมีรายละเอียดที่เยอะมาก สำหรับบุคคลธรรมดาอย่างเราๆท่าน แต่ก็ไม่ใช่ว่าคุณหรือผมจะไม่สามารถลงทุนสไตล์ VC ได้ เพราะปัจจุบันมีเว็บบริการระดมทุนแบบ  Crowd Funding  ให้เราเลือกใช้บริการมากมาย (แน่นอนว่าเลือกที่น่าเชื่อถือด้วยนะครับ) เรียกว่าเราสามารถเป็นผู้ร่วมลงทุนในกิจการเริ่มต้นได้เช่นกัน ผมเองนำมายกตัวอย่างให้ดู 1 อันที่ผมใช้งานประจำนั้นคือ kickst

The psychology of trading

กำลังเตรียมนำเอาเรื่องจิตวิทยาการเทรดมาบรรยาย เลยเอาหัวข้อสัมมนา ในงานของ TEDx Talk มาเสริม คนพูดก็ไม่ธรรมดาเขาเป็น เทรดเดอร์ ผู้มากประสบการณ์ ที่เคยเขย่าโลก ด้วยออกมาเปิดโปงระบบผลประโยชน์ในโลกการเงิน และตลาดหุ้น แต่แน่นอนว่า คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เชื่อในสิ่ง ที่เขาคิดนำเสนอ แต่เรื่องแบบนี้ บางครั้งคงต้องรอดูเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ประเด็นที่ Alessio Rastani พูดในงานนี้ดี ไม่ได้กล่าวลอยๆ เหมือนตอนไปออกรายการ BBC  วันนี้เขามาแนะนำ เรื่องของจิตวิทยา ที่มีผลต่อการตัดสินใจ และการหาจุดได้เปรียบ เรื่องนี้ คล้ายๆ โมเดล contrarian หรือเทคนิคการเข้าซื้อด้วย sentiment โมเดล มีตัวอย่างมาด้วย ผมว่าน่าสนใจดี เลยนำมาแนะนำต่อ  Alessio Rastani พูดหลายเรื่อง เขาโยงแนวคิดที่ว่า จริงๆ ตลาดหุ้น นั้นไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับ ระบบเศรษฐกิจ แต่มันคือเกมส์การเงิน ที่ชี้นำกันไปมา และเล่นกับการรับรู้ ตีความของ คน หรือนักลงทุนรายย่อยในตลาด  สรุปสาระคราวๆ คือ จุดซื้่อดีที่สุด คือจุดที่แย่ที่สุด จากปัจจัยภายนอก เชิงมหาภาค โดยเข้าซื้อภาวะเกิดการ panic การกลัว จนทำให้เกิดการถดถอยของราคาหุ้น (บนเงื้อนไขค

Trading Workstation

ถ้าเคยเห็นภาพห้องเทรด สำหรับเทรดเดอร์ ที่เทรดหุ้นหรืออนุพันธ์แบบเก็งกำไร โดยเฉพาะพวกที่เดยเทรด สิ่งหนึ่งที่เราจะพบคือ อุปกรณ์คอมพิวเตอร์สำหรับเทรดเดอร์นั้นจะต่างจากทั่วๆไป คือจะมีจอคอมมากกว่าหนึ่งจอ หรือมีคอมพิวเตอร์มากกว่าหนึ่งเครื่อง เพื่อใช้ทำการเทรดซื้อขายหุ้น ซื้อขายสินค้าเก็งกำไร เอาจริงๆมีหลายจอเพราะเทรด และตามหลายโปรดักซ์พร้อมกัน เช่น ผมเทรดทองคำ น้่ำมัน หุ้น อินเด็กฟิวเจอร์ สะดวกถ้ามีจอเยอะ ไมไ่ด้เอาเท่ห์อะไร แต่มันง่ายที่เรามองและเห็นได้เร็ว  โดยใช้ทั้งการดูกราฟหุ้น ดูข่าว ดูราคา  ดู bid-offer มีจอมอนิเตอร์เพียงจอเดียวมันอาจจะไม่เพียงพอ  แต่ถ้าถามว่า นักลงทุนธรรมดา หรือนักเก็งกำไร ที่ไม่ได้เทรดเป็นอาชีพมีความจำเป็นที่ต้องมีอุปกรณ์หน้าจอคอมพิวเตอร์มากๆไหม ส่วนตัวผมคิดว่าไม่ ดูตลาดเดียว หรือดูวันละรอบ นี้ไม่จำเป็น ครับ แต่ถ้าคุณเล่นเป็นอาชีพ เล่นในระยะสั้น บางที ต้องตัดสินใจกับข้อมูล ที่เกิด บางทีความสะดวกเหล่านี้ เราสามารถดูกราฟ หรือดูข้อมูลการซื้อขายของหุ้นหรือสินค้าที่เราสนใจเทรด ได้แบบทันถ่วงที ที่สำคัญไม่ต้องคอมสลับหน้าจอโปรแกรมไปมา ให้เวียนหัว ส่วนจำนวน

ลาออก ยังงี้ต้องลาออก

วันนี้อ่านกระทู้ดราม่านี้ แล้วเกิดอยากแสดงความเห็น ก่อนอื่นๆออกตัวก่อนว่าฐานะคนใช้ systematic trading ไม่ได้ยุส่งเสริมให้ลาออก กลับกันซะอีก ผมมีเพื่อนๆพี่ๆในกลุ่มที่เขาทำระบบดีๆ ทำงานประจำไปด้วย บ้างคน advance ไปใช่ระบบเทรดอัตโนมัติ ATS ขนาดทำงานประจำแล้วให้ระบบมันทำงานเองอัตโนมัติอีกต่างๆห่าง  สิ่งหนึ่งที่บอกได้คือ การทำระบบเทรด ให้สำเร็จดี ไม่ได้เกิดง่ายๆในไม่กี่วัน!! ไม่ใช่การเอา indicator มาผูกรวมกันเยอะๆ แล้วจบ แต่ระบบเทรดที่ดีเกิดจากการสร้าง บนความเข้าใจตลาด เข้าใจสินค้า เข้าใจในจริตจิตใจ และเข้าใจในความเสี่ยงที่ตัวเราเองรับได้ การพัฒนาและการวัดผลต้องทำต่อเนื่อง และมีการศึกษาอย่างไม่รู้จบ มันก็คืองาน อีกรูปแบบหนึ่งนั้นแหละครับ อยากให้มองเหมือนกับว่ามันคือ ธุรกิจ(Business) ที่คุณสามารถทำได้ในต้นทุนต่ำและใช้ทรัพยากรไม่มาก(เทียบกับการเปิดบริษัททำธุรกิจจริงๆ)  แต่ต้องชัดเจน เขียนแผนธุรกิจไปเลย วางเงินตั้งต้นเท่าไหร่เป็นเงินดำเนินธุรกิจการเทรด + เงินต้นทุนค่าไฟ ค่าอินเตอรเน็ต +เงินค่าแรงตัวเอง แล้วทำบัญชีรายรับรายจ่าย เงินเริ่มต้นสำคัญ อย่าไปคิดว่าเทรดใหม่ๆจะมีเงินออกมาเลี้ยง