ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

เรียนหุ้นจากหนัง: A Beautiful Mind

คนในวัยอายุเลยหลักเลขสามขึ้นไป ถ้าเอ่ยถึงหนังชื่อ "A Beautiful Mind" น่าจะเป็นที่รู้จัก หนังเรื่องนี้เป็นหนังรางวัลออสการ์ คลาสิกอมตะตลอดกาลอีกเรื่องที่เข้ามาทำให้คนไทยประทับใจกับความสนุกและบรรยากาศความรักแบบทรหดของเรื่องนี้ แต่ด้วยความเป็นหนังที่มีบทภาพยนต์ไม่ธรรมดา จึงทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ได้นำเสนอเฉพาะความบรรเทิงเริงรมย์อย่างเดียว แต่กลับแฝงแง่คิดมากมาย ที่เราสามารถนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตและการลงทุนได้เป็นอย่างดี A Beautiful Mind เป็นหนังที่สร้างจากชีวประวัติของ จอห์น ฟอบส์ แนช จูเนียร์ (John Forbes Nash, Jr.) หรือ จอห์น แนช ผู้เป็นนักคณิตศาสตร์รางวัลโนเบล ผู้คิดค้นทฤษฏีเกมส์(Games Theory) แนวคิดการหาผลประโยชน์ร่วมกัน โดยที่ทุกฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์ หนังนำเสนอเรื่องราวของ จอห์น แนช ได้อย่างน่าสนุกและประทับใจ โดยเริ่มต้นจากตอนที่ จอห์น แนช ศึกษาปริญญาเอกทางคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยพริ้นซ์ตัน (Princeton University) และทำหน้าที่เป็นอาจารย์ผู้สอนวิชา คณิตศาสตร์ที่ MIT ด้วยความที่เขาเป็นอัจริยะ จึงทำให้ จอห์น แนช มีวิธีคิดและมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากคนอื่น โดยเฉพาะเรื่องการเ

4 traders and chat room

ข่าวนี้เทรดเดอร์สาย FX จะพบเลยนะครับ ว่ามันเป็นการทำให้เกิดการหักล้างความเชื่อที่ว่าตลาดใหญ่อย่างตลาดอัตราแลกเปลี่ยนไม่สามารถปั่นได้ แท้จริงทุกอย่างที่อยู่บนระบบผลประโยชน์ มันมีกลวิธีมีโอกาสในการพลิกแพลง แทรกแซงหรือทำให้ไม่เป็นปกติได้เสมอ ใครจะคิดว่า ตลาดอัตราแลกเปลี่ยนโลก จะโดนขย่มและแทรกแซง จากผลงานของ 4 เทรดเดอร์ที่มีพอร์ตค่าเงินมหาศาลของธนาคารยักษ์ใหญ่ระดับโลก และเครื่องมือสื่อสารแสนธรรมดาอย่าง chatroom JPMorgan Chase, Citigroup, Barclays , RBS ต่างยอมรับผิด และจ่ายค่าปรับมูลค่ามหาศาล $2.5 billion  สำหรับ UBS ยอมรับผิดตกลงจ่ายค่าเสียหาย $203 million กรณีแทรกแซง key interest rates สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นจากเรื่องนี้คือ กลุ่มยักษ์ใหญ่ ที่มีทรัพยากร มีนักกฏหมายในมือเก่งๆ ยอมที่จะจ่ายคนละหลายร้อยล้านเพื่อจบเรื่องนี้ แปลว่าคงจะผิดจริงๆ ไม่สามารถหลบเลี่ยงผลสุดท้ายได้ และการสมยอมให้รับผิดกับรัฐน่าจะเกิดจากการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์บางอย่าง เช่นการที่ ธนาคาร จะไม่ถูกยึดใบอนุญาติการประกอบธุรกิจ เพราะถ้าเป็นอย่างงั้นคงเป็นเรื่องใหญ่และทำให้เกิดการล้มของกิจการได้แน่นอน กรณีนี้ที่

Edward Thorp: เทพเจ้า Quant ในตำนาน

อยากให้เสพ เรื่องนี้กันผมเลยตั้งใจทำวีโอบรรยาย เกี่ยวกับ  หัวข้อ Beat the market by Edward Thorp เพื่อให้ สมาชิกได้ทำความรู้จักกับ Super Quant trader ระดับตำนานอย่างคุณ Edward Thorp เขาเป็นเจ้าของและผจก.กองทุนเฮ็ดฟันด์ชื่อดังและประสบความสำเร็จอย่าง PNP ที่ยิ่งใหญ่และสามารถทำผลตอบแทนชนะตลาดได้มากกว่า 20 ปีติดต่อกัน เขาเองยังเป็น systematic trading  เป็นนักวิจัยพัฒนาระบบ ที่นำแนวคิดการบริหารจัดการเงินแบบ  Kelly criterion มาแนะนำให้ wallstreet รู้จัก นอกจากนี้ใน VDO ผมยังนำเรื่องของ กลยุทธ์การเทรดแบบ arbitrage เบื้องต้น ,  การบริหารเงินแบบ Kelly criterion และ การบริหารความเสี่ยงด้วย correlation matrix มาฝากพวกเราอีกด้วย เรียนฟรี และนำไปใช้ได้จริง  ลองเข้าไปรับชมเสพความรู้ได้ที่  https://goo.gl/exhJU1

great humility and great fear

บทสัมภาษณ์ของ ray dalio อันนี้ดี เลยขอมาสรุปความใส่ blog เอาไว้ ไม่แปลคำต่อคำ แต่ขอถอดความมาให้อ่านกัน ผมว่ามันเป็นคำสอน ให้เทรดเดอร์พัฒนาตัวเองได้ดี  เรยพูดถึงเรื่องของความสำเร็จของเขา ที่มันไม่ได้มาจากการรู้ไปทุกเรื่อง หรือพยายามติดกับแค่สิ่งที่ตัวเองรู้ แต่เขาชอบที่ทดลอง ลองผิดลองถูก เพื่อจะดิวกับความไม่รู้ของตัวเอง หรือการเข้าไปทำความเข้าใจกับสิ่งที่ตนยังไม่รู้ "People think that my success is ... because of what I know," Dalio explained. "It's not. It's due more to how I deal with not knowing. history repeats itself เราสามารถเรียนรู้จากอดีต จากความผิดพลาดที่เกิดก่อนหน้าได้เสมอ การละวางตัวตน มีความอ่อนน้อมถ่อมตน มีความกลัวบ้างมันจะทำให้่เรารู้จักวางอัตตา และทำให้ไม่ประมาท  อันนี้จริงนะ ผมเองบางทีมันมีช่วงเวลาหนึ่งเหมือนกัน คือ ช่วงมือขึ้น ระบบทำงานดี  กำไรเยอะ ทำอะไรก็ถูกมากกว่าผิด มันทำให้เราโอหัง หรือเกิดความ ทนงตัวเองได้ สุดท้ายถ้ามันเกาะกินตัวเรามากๆ มันนำมาซึ่งอัตตา และนำมาซึ่งความประมาท  สำหรับผมผมมองว่า การเรารู

Something trader can learn from Game of Thrones.

ช่วงนี้กำลังอินกะ Game of Thrones เป็นซีรีย์ที่แม้บ้างครั้งจะบ้า จะโหด จะมีบทพูดที่ยืดยาว หรือตัวละครเยอะ จนบางทีเราอาจจะจำชื่อไม่ได้ แต่ความสนุก และการน่าติดตามก็ยังคงอยู่ Game of Thrones ไม่ได้มีแค่ เลือดกับนม เท่านั้น แต่สาระ แง่คิด บางอย่างเราก็สามารถสังเคราะห์ได้จาก การนั่งดูซีรีย์ ตอนแล้วตอนเล่า เช่นกัน โดยเฉพาะ เทรดเดอร์หรือนักเก็งกำไร การออกล่าเงินในตลาดก็ไม่ต่างอะไรกับการทำสงคราม มีแพ้ มีชนะ สำคัญคือ รบอย่างฉลาดและรักษาตัวให้รอด อย่าตายเร็ว เราสามารถเรียนรู้อะไรได้ เยอะ ผมสรุปสำคัญๆมาให้ดังนี้ 1. เพื่อนและที่ปรึกษา ตัวละครเด่นๆที่รอดมาได้ และเอาชนะทุกปัญหา มักมีเพื่อนดีค่อยช่วย คอยให้คำปรึกษา แม้บางครั้ง จะเป็นสิ่งที่ขัดใจและต้องถกเถียงกัน แต่ด้วยความหวังดี มันก็ทำให้เรารอดพ้นอุปสรรค์และก้าวเดินต่อไปได้ Jon Snow หรือ Arya Stark ต่างรอดมาได้ และมาถึงภาคนี้ได้ก็เพราะ มีคนช่วยดี Arya Stark มี mentor ดีสอนเรื่องการต่อสู้ และแถมมีเพื่อน ช่วยในแผนอุบายต่างๆให้บรรลุตามหวังอีกด้วย ในตลาดหุ้น ตลาดเก็งกำไร การเทรด คนเดียว ยากมากจะรอด แม้คุณจะเก่ง แค่ไหน ก็ต้องมีเพื่อนคอยคุยหรือป

ผลตอบแทนจากประสบการณ์

เมื่อคืนเป็นอีกคืนที่ happy มากเพราะพอร์ตน้ำมัน ทำ cashflow ได้สูงเป็นสถิติ รอบหลายเดือน จากการรีบาวนด์กลับทิศทางยกตัวขึ้น ทำให้ระบบ GRID เริ่มสร้างกำไร ปรับต้นทุนในโซนเทรด $40-$50 ได้ เมื่อย้อนไปอ่าน diary เขียนไว้ในปี 2013 ตอนนั้นเทรด crude oil ตอนโซน $99 เขียนแนวคิดวิธีการเทรดเรื่องการเก็บ cashflow ไว้ชัดเจน ที่ดีใจคือ ตัวเองยึดมั่นในระบบที่เราพัฒนา เทรดได้ตามแผน ไม่ว่าน้ำมัน จะเข้าสู่ภาวะโหดร้ายแค่ไหน พอร์ตผมก็ยังไม่ล้าง อยู่รอดและทำกำไรได้ต่อเนื่อง แม้จะไม่มีกำไรไม้ละหมื่นละแสน แต่เวลาที่ผ่านไป การได้เทรดทุกวัน ติดตามตลาดทุกวัน มันสร้างประสบการณ์และการเรียนรู้มากมาย นี่ต่างหากคือกำไร ที่แท้จริง ที่ผมคาดหวัง เพราะผมเชื่อว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตลาดในปี 3 ปี 5 ปีข้างหน้าผมก็จะสามารถอยู่รอดและปรับตัวให้เข้ากับสภาวะที่เกิดได้ โดยไม่ต้องไปเสียจริต เสียเวลาเดาอนาคต เล่นไปตามระบบ ไม่หวั่นไหวไปตามข่าว ตามบทวิเคราะห์ที่ออกตามสื่อหลัก ถึงน้ำมันจะไป $10 จริงๆ ผมเชื่อว่าด้วยระบบเทรด และองค์ความรู้ที่มี โดยเฉพาะการบริหารจัดการความเสี่ยง สิ่งเหล่านี้ก็น่าจะทำให้ พ

จงให้ความรู้แต่อย่าอวดรู้

อวดรู้ กับ การให้ความรู้มันเป็นคนละเรื่องกัน สุดท้ายคนรับจะมองเห็น เจตนา ได้เอง มีน้องคนหนึ่งมาปรึกษา บอกว่าอยากแชร์ความรู้ บ้าง แต่กลัวคนจะหาว่าอวดรู้ ผมแนะนำไปเลยว่า อย่าไปสนใจคนอื่นเลย ทำไปเถอะ เพราะสุดท้าย เจตนาดี มันมีคนมองเห็นเอง แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในโลกออนไลน์ มันมีทั้งคนอวดรู้ และให้ความรู้จริงๆ ก รณีเป็นคนฟัง บางทีต้องแยกแยะดีๆ  มองครั้งแรกอาจจะไม่เห็น แต่เวลา นี่จะเป็นตัวพิสูจน์ได้ดีเลย

ฝันให้ไกลไปให้ถึง

ว่าจะไปดู Furious 7 ทั้งที่ไม่เคยดูภาคอื่นๆเลยส่วนตัวผมไม่ชอบหนังสไตล์นี้เท่าไหร่  แต่จะไปดูเพราะ จา พนม ชอบจา พนมตรงที่ เขาสามารถพัฒนาศักย์ภาพตัวเอง ทำในสิ่งที่ตัวเองรักและชอบ จนมันก้าวขึ้นไปถึงจุดที่โดดเด่นระดับโลกได้  แน่นอนว่า มันไม่ได้มาง่ายๆ จา สัมภาษณ์เด็กๆบ้านจนเกิดในชนบท แต่เขาชอบหนัง action มาตั้งแต่เด็ก จากหนังจีนกำลังภายใน อย่างยุคของเฉินหลง เขาดูหนังจบกลับบ้านมาซ้อมมาหัดคิวบู้ และศึกษาศิลปะการต่อสู้ ซ้อมหนัก และได้เข้าฝึกฝนการเป็น สตันกับ พันนา ฤทธิไกร ตอนเรียนจบม.ปลาย จากนั้นก็เดินเส้นทางนี้มาตลอด  จนปี 2535 ได้เข้าวงการแสดง เป็นตัวประกอบ สตันแมน และบทแอ็กชั่น ในหนังไทยเล็กๆน้อยๆ (ตลอดเส้นทางในวงการบันเทิง เขาเป็นสตันแมนทนเจ็บตัวแลกเงิน ในหนังหลายสิบเรื่อง มากกว่าหนังที่เขาแสดงจริงเสียอีก) จนปี 2546 ได้แจ้งเกิดกับ องค์บากและตามมาด้วย  ต้มยำกุ้ง  จุดขายไม่ใช่หน้าตา แต่คือ เล่นจริง เจ็บจริง ไม่ใช่ตัวแสดงแทน ทำให้ชื่อของ จา พนม กลายเป็นที่รู้จักทั้งไทยและต่างประเทศ แน่นอนว่าเมื่อดัง มีเงินมีชื่อเสียง ปัญหาต่างๆก็ตามเข้ามา ทั้งเรื่องธุรกิจ หนี้ส

เรียนหุ้นจากหนัง

ผมจัดอันดับ หนังเกี่ยวกับหุ้นที่นักลงทุน หรือนักเก็งกำไรไม่ควรพลาดมาให้ 10 อันดับ วันหยุด สงกรานต์ปีนี้ใคร ไม่ได้ไปไหนลองหา DVD มาชม แล้วอยากได้แง่คิดเพิ่มเติม ดาวน์โหลด ebook สรุปเรื่องราวและแง่คิดได้ที่ http://goo.gl/S14eDo ---------------------------------------- 1. Wall Street : 1987  >> ว่าด้วยวีรกรรม ของ กอนดอน เก็กโก้ ที่สะท้อนภาพความโลภ ความต้องการไม่มีที่สิ้นสุด https://www.youtube.com/watch?v=FCctqbRrsBQ 2.Boiler Room  >> การหลอกลวง หลอกขายหุ้นเน่า เพื่อ ฉกฉวยผลประโยชน์บนความโลภของคน  https://www.youtube.com/watch?v=UoTx9RpL5W4 3.The Scam >> เรื่องจริงที่แมงเม่าต้องเจอ เล่ห์เลี่ยมทางการเงิน รวมถึงจุดจบของความโลภ https://www.youtube.com/watch?v=qzuNpOqtBM0 4. Rogue Trader  >> ความโลภ ที่นำมาซึ่งการเลือกเดินเส้นทางผิด ยอมทรุจริตขายศักดิ์ศรีของตัวเอง https://www.youtube.com/watch?v=vgqSVVLFmds 5.The Wolf Of Wall Street >> ความโลภ ของมนุษย์ การห

เรียนหุ้นจากหนัง: Life Without Principle

ว่ากันว่าความโลภ เป็นเหมือนพลังวิเศษที่สามารถนำคนเรามาพบกัน Life Without Principle เป็นหนังฮ่องกงที่ใช้แนวคิดเรื่องความโลภและการกระหายเงิน มาดำเนินเรื่องผูกโยงเอาตัวละครต่างๆที่ไม่เกี่ยวข้องกันมาโยงไว้ด้วยกัน หนังเรื่องนี้เป็นหนังสไตล์ฮ่องกงโดยแท้ มีทั้งนักเลง ตำรวจ ความรัก การทรยศหักหลังและหุ้น ดำเนินเรื่องแบบหลายช่วงเวลาบนสถานการณ์เดียวกัน เพื่อแสดงให้เห็นพฤติกรรมของตัวละครที่มีต่อความโลภและเงินตรา ในเรื่องราวที่แตกต่างกันไป Life Without Principle "เกมคน กลเงื่อนเงิน" เป็นเรื่องราวในช่วงปี 2554 นำเอาเรื่องของวิกฤตหนี้สินกรีซและความกังวลเรื่องวิกฤติการเงินในยุโรปมาเป็นตัวเดินเรื่อง ผสานกับความโลภและความอยากของตัวละคร ที่มีการกระทำเพื่อให้ได้เงินมาในรูปแบบที่แตกต่างกันไป โดยตัวละครแรกคือ พนักงานบริษัทหลักทรัพย์สาว (เดนีส โห) ที่ถูกกดดันจากหัวหน้าให้ขายหน่วยลงทุนที่ลงทุนในประเทศ BRIC ให้ได้ตามยอด ด้วยความกดดันทำให้เธอต้องพยายามหาลูกค้ามากมาย  Teresa  พนักงานบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งความต้องการจะขายหน่วยลงทุนในยามเศรษฐกิจไม่แน่นอน ทำให้เธอต้องยอมหรอก