ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

Drawdown is your friend

วันนี้มีคนถามเรื่อง Drawdown ระบบ ว่าทำไมต้องไปสนใจมันมาก คำตอบคือ ถ้าเราไม่สนใจมัน ปล่อยให้มันไปของมันเรื่อยๆ มันจะทำให้คุมไม่อยู่รู้ตัวอีกที ก็เสี่ยงมาก จนอาจจะล้างพอร์ตได้  ดังนั้นการดูเรื่อยๆ มันช่วยเราคุมการโตของ equity curve ได้ดี ลดความผันผวนของพอร์ต แถมควบคุมจังหวะหนักเบาของการใช้เงินได้ด้วย ตรงนี้ไม่ใช่เรื่องของเทคนิคอล ไม่ใช่เรื่องของการลากเป้า ดูอินดิเคเตอร์ ดูรูปแบบแท่งเทียน มันเป็นเรื่องของการ บริหารเงิน และบริหารความเสี่ยง ที่จะทำให้เรา "อยู่รอดในตลาดเก็งกำไร" และเมื่อมีทักษะสร้างกำไรได้ต่อเนื่อง โอกาสโตอย่างยั่งยืนมันก็มี เทรดเดอร์ต่างชาติ หรือกองทุน เขาให้ความสำคัญเรื่องนี้มาก เพราะการเทรดไม่ใช่เรื่องของการเดา หรือทำนายอนาคตให้แม่นอย่างเดียว การควบคุมผลของการตัดสินใจและสิ่งที่เกิดตามมาต่างหากคือ Key ที่จะทำให้ประสบความสำเร็จในระยะยาว บนภาวะตลาดที่มีความไม่แน่นอนและผันผวนสูง ปิดท้ายเอาตัวอย่าง เกณฑ์การเทรดของ Fund หนึ่งมาให้ดู ผมมีโอกาสศึกษาโมเดลของ hedge fund นี่พบว่ามีหลายส่วนน่าสนใจ โดยเฉพาะกลยุทธ์การเทรด ที่มีเกณฑ์การคุมขนาดของ Drawdown ที่เกิดแบบเคร่

Under Pressure

เพิ่งจะมีโอกาสได้ดู Burnt เป็นหนังเกี่ยวกับพ่อครัวและการทำอาหาร ส่วนตัวเป็นคนชอบทำอาหารเลยไม่พลาดที่ดูเรื่องนี้  Burnt เป็นหนังที่ทำออกมาดีทีเดียว เนื้อเรื่องสนุก ภาพอาหารที่หน้าตาดูหน้ากินตกแต่งอย่างพิถีพิถัน อารมณ์การทำงานในครัวทำอาหารที่ดุดัน เข้มข้มราวกับสนามรบ รวมถึงบรรยากาศของหนังที่แฝงกลิ่นไออังกฤษได้อย่างลงตัว ส่วนตัวผมชอบประเด็นแฝงของเรื่อง Adam Jones เชฟที่รู้ว่าข้าอยากจะเป็นเชฟกระทะเหล็กตั้งแต่อายุ 16 เขาเก็บเงินจนได้ตัวเครื่องบิน อายุ 19 ก็ไปทำงานในครัวของร้านอาหารชื่อดังเพื่อฝึกงาน ทำทุกตำแหน่ง ทำอย่างตั้งใจ จนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุน้อยกลายเป็นเชฟชื่อดังของปรารีส จุดพลิกมันคือพอไปถึงเป้าหมายแต่กลับรักษามันไว้ไม่ได้ ทุกอย่างต้องพังลงพินาจ  Adam ไม่ยอมแพ้ลุกมาอีกรอบ รอบนี้เขาต้องต่อสู้กับความคาดหวังของตัวเอง และความต้องการจะเป็นที่หนึ่งเพื่อคว้า three Michelin stars อุปสรรค์สำคัญที่เขาต้องเผชิญคือความคิดที่ว่าทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ Perfectไปหมด ความยากและการเอาชนะตัวเองของ Adam คือความสนุกของหนังเรื่องนี้ ส่วนจะจบยังไงไม่สปอยแต่อยากให้ลองไปดู ผมดูเรื่องนี้จบ

My Way

วันนี้ได้คุยกับน้องสองคน ที่ออกเดินบนเส้นทางเทรดเดอร์เหมือนกัน คนแรกดูเหมือนจะไปได้ดี อีกคนเหมือนกำลังจะหมดแรง(เพิ่งล้างพอร์ตมา) ทั้งสองคนเริ่มมาเกือบพร้อมๆกัน รายละเอียดของทั้งสองคนแตกต่างกัน แต่ประเด็นเรื่องความขยัน ความพยายาม ทั้งสองคนมีเหมือนกัน สิ่งหนึ่งทำให้แตกต่างคือเรื่องของทัศนคติและเรื่องของจิตใจ ในช่วงเวลาที่ออกเดินแล้ว ยังมองไม่เห็นปลายทาง แต่ต้องลงมือทำอะไรที่มันหนักมันยากลำบาก ผิดหวังนับครั้งไม่ถ้วน มันเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย แล้วมันจะยิ่งยากไปอีก ถ้าเราต้องสู้กับความคาดหวังของคนรอบข้าง สู้กับความกดดันจากครอบครัว ซึ่งจุดนี้ไม่ใช่ทุกคนจะผ่านมันไปได้ ผมเองก็เริ่มมาจากศูนย์ผ่านมาหมดทุกภาวะกดดัน จึงเข้าใจสถานการณ์ความกดดันและความเครียดของน้องดี สุดท้ายไม่ว่าเราจะทำอะไร อยากฝากไว้นิด ต้องฟังเสียงข้างในตัวเราให้มากกว่าการรับฟังคำพูดของคนอื่น แล้วหมั่นถามตัวเองเสมอว่า เรายังมีความสุขกับสิ่งที่ทำจริงๆหรือไม่? เพราะไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ มันจะไม่มีประโยชน์อันใดเลย ถ้าปราศจากความสุขในสิ่งที่กำลังลงมือทำ ขอเป็นกำลังใจและเอาใจช่วยน้องทั้งสองคนครับ รูปประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Brexit

น้องๆเทรดเดอร์ ถามเรื่องนี้เยอะ เพราะบ้านเรานิยมเทรด GBP ผมเลยเขียนเรื่องนี้มาให้อ่าน ตอนนี้เป็นกระแสมากกับการโหวตแยกตัวของ UK จาก EU โดยที่ทำให้ค่าเงินปอนด์ มีผลกระทบหนักโดยเฉพาะสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะตอนนี้ที่อังกฤษ เริ่มมีการเดินหน้าแคมเปจ Brexit ชัดเจนแล้วแถมหัวหอกที่รณรงค์การโหวตแยกตัวเป็น สส.คนดังและคนโปรดของประชาชน คือนาย  Boris Johnson(ผมทรงเดียวกับโดนัลด์ ทรัมป์เลย) นายกเทศมนตรีนครลอนดอน คนนี้สส.อนุรักษ์นิยมพรรคเดียวกับ นายก David Cameron แต่เหมือนเสียงแตกเพราะ พรรคอนุรักษ์นิยม สส. หลายคนก็สนับสนุน คุณ Johnson เดินหน้าหาเสียงสนับสนุนโหวตแยกตัว . โดยการโหวตแยกตัวจะมีวันที่ 23 มิถุนายน ซึ่งที่น่าสนใจคือ ประเด็นนี้ละเอียดอ่อนและเหมือนผลยังไม่ชัดเจน พลิกได้จากการเดินหน้าจัดกิจกรรมของนักการเมือง 2 ฝั่งที่สนับสนุนและไม่สนับสนุน ผลการสำรวจโพลล่าสุดประชาชน 48% ไม่ต้องการแยกแต่ 33% ต้องการแยก 19% ยังไม่ตัดสินใจ ถ้าโหวตออก exit คงไม่ดีด้าน การเงินการคลัง UK ส่งสินค้าเกือบ 51.4% ไปขายใน EU ถ้าแยกสิทธิพิเศษทางภาษีและอื่นๆในการส่งออกหายไป  ยังไม่รวมสิ่งที่พูดกันคือเรื่อง ควา

ก้าวแรกสู่สังเวียน

มีน้องคนหนึ่ง เพิ่งจบ ม.6 เข้ามาปรึกษา อยากมาเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลา จะไม่เรียนมหาลัยแล้ว จะลุยเลย ... ก่อนเริ่มผมอยากหยุดคิดทำความเข้าใจก่อนคือ มันไม่ได้หมายความว่าการเทรดคือ วันๆนั่งส่องกราฟอยู่บ้าน อ่านกราฟเป็น ดูเส้นตัดกัน เฝ้าจอได้ไม่ต้องศึกษาอะไรแล้วก็จบ การเทรด โดยเฉพาะถ้าพัฒนาระบบขั้นสูงเพื่อประสิทธิภาพ ความรู้ ความเข้าใจ สำคัญมาก ความรู้จะเกิดได้ทางหลัก เช่น จากการอ่านการศึกษา อันนี้บอกเลยว่า ถ้าขาดทักษะทางวิชาการก็ยากจะต่อยอด จะมาอ่านบทความภาษาไทย เรียนแบบเวอร์ชั่นไทย ถ้าพื้่นฐานพอมีแต่ขั้นสูงบอกเลยว่า แทบไม่มีครับ ถ้าอยากพัฒนาเร็วก็ต้องอ่านบทความต่างประเทศ ดังนั้นทักษะภาษาอังกฤษก็ต้องมี บทความส่วนใหญ่เป็นวิชาการ โดยเฉพาะพวก การบริหารเงิน บริหารความเสี่ยง ตรงนี้ทักษะคณิตศาสตร์ สถิติก็ต้องได้พอประมาณ อีกทางของความรู้ด้านการเทรด มันมาจากการทดลองการวิจัย ตรงนี้อาศัยทักษะของการทำงาน การคิดเป็นระบบ อาศัยความรู้ด้านคอมพิวเตอร์(ระดับหนึ่ง) มันจึงไม่ใช่ ว่าไม่รู้อะไรเลยแล้วจะไปได้รุ่งไปได้ไกล ในยุคที่ต้องแข่งขันสูง แถมคนต้องแข่งกับพวก คอมพิวเตอร์(algorithmic trading) น้

Shkreli Shkreli

ถ้าพูดถึงผู้ชายที่คนเกลียดขี้หน้ามากที่สุด คนไม่พ้น hedge fund manager คนนี้ Martin Shkreli วัย 32 ปีประสบความสำเร็จมากจากการบริหารกองทุน และลงทุนในบริษัทยาและ Bio tech ก่อนเข้า take over บริษัทยา Turing Pharmaceuticals ขึ้นมาเป็น CEO และใช้นโยบาย ขึ้นราคายาDaraprim ไป 5,556% จาก $13.50 ไป $750 ข้ามคืน ยาที่สำหรับรักษาโรคเอดส์โดยเฉพาะกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื่อ ที่อยู่ในตลาดและใช้กันมานานกว่า 62 ปีที่ราคา $13.50 เนื่องจากบริษัทยาของเขา เป็นเจ้าเดียวที่ถือสิทธิบัตรการผลิตยาต้านไวรัสเอดส์ตัวนี้ ทำให้เกิดความไม่พอใจตามมา โดยทำให้ Shkreli ได้ประโยชน์จากมูลค่าของบริษัทที่พุ่งขึ้นไปมหาศาล จากรายได้การขายยาในราคาใหม่ Shkreli บอกว่านโยบายนี้เขาทำเพื่อบริษัทและหุ้นส่วนนักลงทุน เพื่อให้ธุรกิจเติบโตและมีผลประกอบการที่ดี ปัจจุบันถูก FBI จับกลุ่มข้อหา securities fraud ในภาพเป็นความกวนตีนที่ทำให้คนเกลียด ท่าทีการตอบคำถามต่อหน้าสภาครองเกส ที่เรียก Shkreli ไปให้ข้อมูลกรณีทุจริต ยังไม่พอหลังจบงาน Shkreli ยังออกมาทวิตเตอร์ เสียดสีคณะกรรมการของสภาครองเคส อีก เรียกว่าหมอนี้มันสุดๆจริงๆ ลอ

เมื่อไม่มีกลยุทธ์ใดดีที่สุด

มีคำถาม 2 คำถามที่ขอตอบรวมกัน เป็นโซลูชั่นเดียว คำถามแรกถามผมว่า แนวคิดการเทรด รวมถึงกลยุทธ์ในตลาดหุ้น มีเยอะจะรู้ได้ยังไงว่าอันไหน ดีไม่ดีใช้ได้หรือไม่ได้ คำถามที่สอง ถามผมประมาณว่าพี่คิดว่าใคร เป็นเซียนที่เก่งที่สุดในโลก อยากจะบอกว่าถ้าเราเป็น คนฉลาดเรียนรู้ อย่ารีบปฏิเสธแนวคิด ที่แตกต่างจากเรา ลองเรียนรู้ และปรับปรุง นำสิ่งดีๆมาใช้ ส่วนสิ่งหนึ่งที่ต้องทำให้ได้ คือต้องทดลองให้เป็น คิดวิเคราะห์ ชุดความคิด หรือกลยุทธ์ต่างๆที่นำเสนอออกมา ว่าอันไหนของจริง อันไหนของปลอม อันไหนใช้ได้ หรือใช้ไม่ได้ ข้อมูลเชิงตัวเลขสถิติ มันจะบอกเราได้มาก กว่าคำโฆษณา หรือคำบอกเล่าปากต่อปาก พูดเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะต่างประเทศมีคนทำแบบนี้เยอะครับ แต่ส่วนมากคนทั่วไปเข้าไม่ถึง มีอันนี้ของ aaii ที่เปิดฟรีบางส่วน เราลองไปดูไอเดีย การทดสอบระบบและพิสูจน์กลยุทธ์ได้ มีทุกแนวทั้งการเทรด การลงทุน ไม่ว่าจะ Graham,O'Shaughnessy,O'Neil's CAN SLIM,Buffettology ,Murphy Technology หรือ Lakonishok ใครสนใจ ลองเข้าไปดูเป็นแนวทางได้ ถ้าอยากได้ผลการวิจัยละเอียดก็เสียเงิน สมัครเป็นสมาชิก ของ aaii เขาเ

2015 commodity performance table

หน้าตาเหมือนตารางธาตุเลย จริงๆแล้วมันคือ performance table ของ สินค้า commodity ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมาถือว่า ปีที่ตกต่ำ แต่คนเทรดขาลงหรือ short นี่รวยนะ ลองดูในภาพกลุ่มถ่านหิน น้ำมัน ทองคำตลอด 5 ปี เรียกว่า ลบหนักและลบมากกว่าบวก กลุ่มขา short เลยค่อนข้างได้ผลตอบแทนดี แน่นอนว่าใครไปซื้อหรือเน้น long ก็เน่าไป แต่การตกต่ำต่อเนื่องนานๆ ก็ทำให้หลายคนลุ้นแสงสว่างปลายอุโมง ว่ามันจะมีโอกาส กลับคืนขึ้นมาได้หรือไม่ แต่อย่างว่าครับถ้า demand มันยังไม่กลับมา เศรษฐกิจประเทศบริโภคคอมโม อย่างจีน ยังไม่ฟื้น ก็คงไม่ง่ายจะเห็นราคาคอมโมดิดี้กลับมาเป็นขาขึ้นเหมือนอดีต (แต่จับตามมองอย่างใกล้ชิดก็ไม่เสียหาย)  ถ้าเทรดคอมโมดิดี้ จะพบ มันไม่ได้เหมือนอดีต ที่เป็นทรง cycle ชัด แต่ตลาดนี้กลายเป็น มีความผันผวน เปลี่ยนแปลงแบบปีต่อปี เช่นปี 2010 มีคนไม่น้่อยคิดว่า มันคือ วัฏจักรขาขึ้น จบขาลง เพราะ การโตของราคา แต่ไม่กี่ปีต่อมา ราคากลับชะลอและตกต่ำ ทำเอา หลายเทรดเดอร์ หลายกองทุน ปวดตับ ขาดทุนหนักกันไป ดังนั้นโมเดล อดีต ยุคก่อนปี 2000 ถ้าคิดจะเอามาใช้ในปัจจุบันกับ ภาวะตลาดคอมโม แบบนี้ คงต้องคิด วางแผนให้ดีๆ

Bonus Bonus

ได้โบนัสมาจะทำยังไง??? โบนัส นี่เป็นเครื่องมือการตลาดของโบรกเกอร์ เป็นตัวดึงดูดใจให้คนมาเปิดบัญชี และใช้เพิ่มความต้องการในการเทรด บางที่ให้ 100% ของ deposit ก็มี ส่วนใหญ่ถ้า เทรดเดอร์ใช้ไม่เป็น มันจะเป็นดาบสองคม ที่ทำให้ล้างพอร์ต เพราะไปคิดว่ามันเป็นเงินฟรี เป็นเงินที่ทำให้ over trading จริงๆถ้าจะใช้โบนัส บอกเลยว่า เริ่มต้นต้องไม่คิดว่ามันฟรี อ่านรายละเอียดข้อกำหนดดีๆ เพราะเขามีกำหนดเอาคืน แต่บางทีเราไม่ได้อ่านรายละเอียด อีกประการ บางคนเทรดเยอะ หรือเอาไปเทรดแล้วติด พอถึงเวลาโบรกเกอร์ดึงโบนัสคืน เจอ margin level ตกต่ำ ถูก stopout หรือบังคับปิดได้อีก  ดังนั้นถ้าจะเอามาใช้ แนะนำให้ใช้ทำ Buffer ในกระสุนสำหรับเทรด อย่าใช้เป็นกองหลัก หรือถ้าจะใช้ให้ใช้แบบประหยัด เช่นถ้าได้มา $1000 ก็ใช้เทรด ไม่เกิน 0.05 หรือคิด leverage ต่ำไม่เกิน 1:50 ก็พอ ถ้าใช้เป็นมันก็จะมาช่วยเสริมประโยชน์ให้เรามากขึ้นครับ และนำมาใช้สร้าง cashflow ให้เป็นเงินเริ่มต้นได้อีก ตัวอย่างผมได้ bonus มา 100% แทนจะเอามาเทรด ผมเอามันมาทำ buffer เป็นกระสุนสำรอง ไว้ยิง scalping สั้นๆ พอเก็บได้สัก 20% ก็ไม่ใช้เทรด รอคื

กรณีศึกษาโอปร้า เอฟเฟค

โอปร้า นี้เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลจ ริงๆ หลังเข้ามาถือหุ้น Weight Watchers International Inc เธอสามารถสร้าง story ให้หุ้นตัวนี้ได้ต่อเนื่อง ล่าสุดแค่tweet เบาๆว่าเธอลดน้ำหนักจากการก ินขนมปังทุกวัน แต่ยังลดได้ 26 pounds จากการเข้าร่วมโปรแกรมลดน้ำ หนักของ Weight Watchers  หลังจากนั้น 1 ชม. ราคาหุ้นพุ่งพรวดรับ story กระแสการโฆษณาของเธอทันที โดย WTW ปิดบวกไป 19.5% ราคาหุ้นที่วิ่งนี่ทำให้มูล ค่าหุ้นเธอพ ุ่งไป $12 million เนาๆ โอปร้าเธอถูกดึงเข้ามากู้สถ านการณ์ของ Weight Watchers ตอนเดือน ตุลาคมปีที่แล้ว ตอนนั้นราคาหุ้นลงไป 7$ ลงมาจากจุดสูงสุดแถวๆ 80$ เธอใช้เงิน $43 million ซื้อหุ้น 6.4 ล้านหุ้นจากบริษัทตอนนั้นรา คาประมาณ $6.79 ต่อหุ้นรวมมีหุ้น 10% โดยได้ทั้งสิทธิoptionsซื้อ หุ้นในราคาถูกราว 3.5 ล้านหุ้นของบริษัท จากนั้นเธอเข้าร่วมเป็นบอร์ ดบริหาร ขณะที่บริษัท ได้แบรนด์ และอิทธิพลเชิงโฆษณาของเธอ มาเสริมการตลาด กู้การตกต่ำอย่างหนัก ดูเหมือนจะคุ้มค่า เพราะหลักจากเธอเข้ามาเป็นบ อร์ดบริหาร ราคาหุ้นวิ่งจากโซน $7 ขึ้นมาที่ $13.6 ปรับตัวมาต่อเนื่อง เรียกความมั่นใจให้ผู้ถือหุ ้นได้มาก แม้ราคายังห่างจา

Mr. Perfect

คนประเภทหนึ่งที่ยากจะประสบความสำเร็จในตลาดเก็งกำไร คือคนที่พยายามจะ ถูกทุกครั้ง สมบูรณ์แบบทุกครั้ง(Mr. Perfect) เพราะการที่จะเกิดอะไรแบบนั้นมันยาก เนื่องจากเราไม่สามารถคาดเดาอนาคตได้ แม่นยำ100% ความผิดพลาด ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว เราควบคุมความเสียหาย(risk management) และเรียนรู้จากมัน จนสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิด ได้ดีในอนาคต เพียงเท่านี้แม้จะไม่สามารถถูกต้องได้ทุกครั้ง แต่โอกาสที่เราจะอยู่รอดในตลาดได้ก็มีสูงแล้วครับ

หัวใจของระบบเทรด

ทำระบบเทรดมันเป็นงานเป็นซั บซ้อนนะครับ อย่าไปเข้าใจว่ามันง่าย ไม่ใช่เอา indicator 4 5 ตัวรวมๆกันบอกเป็น system แล้วจบ  บางระบบคิด พัฒนา algorithm และทดสอบกันเป็นปีก็มี เพราะระบบเทรด หัวใจมันคือเครื่อง มือ สนับสนุนการตัดสินใจซื้อขาย เรา แม้มันไม่ใช่จอกศักดิ์สิทธิ ์ หรือลูกแก้ววิเศษที่เดาอนาค ตได้  แต่การที่มันทำงานได้อย่างม ีประสิทธิ์ภาพ สอดคล้องพฤติกรรมราคา และเราสามารถใช้ค่าความน่าจ ะเป็น(%loss) มาวางแผนกา รบริหารความเสี่ยงได้นั้น มันทำให้เราสามารถอยู่รอดใน ตลาดระยะยาวได้ ดังนั้นการพัฒนาระบบเทรด โดยเฉพาะกระบวนการทดสอบต้อง ทำอย่างละเอียด ได้มาตรฐานและ มีกระบวนการที่ขจัด error ต่างๆออกไป ตัวอย่างภาพ ผมทดสอบระบบ momentum trading ทดสอบได้ค่า แล้วเอามา run ตัว optimization ด้วย monte carlo simulation อีกหลายพันรอบ เพื่อหาค่าทางสถิติสุดท้าย ก่อนนำไปใช้ ทดสอบเทรดจริงต่อไป ส่วนถ้าจะทำระบบขั้นสูง  เรื่องแนว Quant ผมไม่ค่อยพูดถึงมากเพราะ เบืองหลังมันเป็น math และการ programming เยอะ บางทีมันต้องอาศัยพื้นฐานความรู้อื่นๆเยอะประกอบ แต่ถ้ามีโอกาสจะเอา เบื้องหลังการทำงาน ทำระบบจริงๆมาแนะนำต่อไ

5 key to success Van K. Tharp

ถ้าพูดถึงเรื่อง จิตวิทยาการเทรด ต้องยกให้ Dr Van K. Tharp เป็นแนวหน้าของวงการอีกคน ที่มีบทความมีงานวิจัยดีๆเร ื่องนี้ออกมาเผยแพร่ตลอด  สัปดาห์นี้ผมจับเรื่องของ Dr Van K. Tharp มานำเสนอ โดยเรื่องของ ราคา และ อารมณ์  รวมถึงนำเอาเทคนิคการสร้างค วามสำเร็จในการเทรด โดยเฉพาะการพัฒนาความแข็งแก ร่งทางจิตวิทยา เข้าไปชมได้จาก link ครับ  https://www.youtube.com/ watch?v=gg0xZ_ehSV4

Lessons From Ray Dalio

แนวคิดคุณ ray dalio ตำนาน Hedgefund คนสำคัญ เรียนรู้เรื่องของเส้นทางอา ชีพ แนวคิด และกลยุทธ์การเทรด  รวมถึงบทเรียนคำสอน ด้านการดำเนินชีวิตและการพั ฒนาตัวเองเข้าชมได้ที่  https://www.youtube.com/ watch?v=RUpHq-1RFOU

Crude WTI vs Brent

เมื่อเช้ามีคำถามว่า "Crude WTI และ Brent ราคามาบรรจบในโซนเดียวกัน" มีนัยยะอะไร  ขอตอบคราวๆ ตามนี้ ปกติ กลุ่ม WTI และ Brent เป็น Sweet crude ทั้งคู่โดยในอดีตเลย ราคาจะห่างกันไม่มาก spread จะแคบไม่กี่เหรียญ(+/-5) โดยปกติ WTI คุณภาพและความเบาจะดีกว่า เลยแพงกว่า  แต่จุดเปลี่ยน ที่ทำให้ Brent crude oil ราคามาแพงเหนือกว่าได้ มากกว่าค่าเฉลี่ย ก็เพราะในช่วงปี 2011 เกิดประเด็น ดีมานด์น้ำม ันในอเมริกาลด ทำให้เกิด surplus หรือปริมาณน้ำมันส่วนเกินใน คลังสำรองที่ Oklahoma บวกกับตอนนั้นมีประเด็นวิกฤ ติที่ลิเบีย ทำให้ supply น้ำมันยุโรป ลดลง  ตรงนี้ทำให้ Brent แพงขึ้นมา ตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นไป ลองดูภาพ spread ประกอบ (เชิงการเทรด เทรดเดอร์สาย Quant จะทำการเทรดแบบ arbitrage หรือเทรดแบบ Long WTI short ฺBrent สองตัวนี้คู่กันมาตั้งแต่ช่ วงความไม่แน่นอนตอนนั้นอาจจ ะต้องเปลี่ยนโมเดล) ที่มันมาน่าสนใจในปี 2015 นี่คือ ราคาสองตัวทั้ง WTI และ Brent ลงต่ำสถิติรอบหลายปี ทำ new low และสำคัญสหรัฐมาแก้กฏหมายให ่ส่งออกน้ำมันได้ (ตรงนี้ไม่มีข้อมูลราคาและป ริมาณการส่งออกไปยุโรป) แต่ข่าวมันก็เข้ามากดดันทำใ ห