ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

Jeff Bezos & Regret Minimization Framework

เรื่อง "การตัดสินใจ" ตัวอย่างจากจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจของคุณ Jeff Bezos ที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะเลือกที่จะทิ้งงานเงินเดือนดี มั่นคงและอยู่ในช่วงกำลังรุ่งโรจน์ ตอนปี 1994 คุณ Jeff Bezos เป็น nerd on wallstreet ดาวรุ่งอีกคน ซึ่งตอนนั้นวัย 35 ปีหลังจากทำงานได้ 4 ปีเขาดำรงตำแหน่งเป็น vice president(VP) อายุน้อยที่สุดของบริษัทเฮ็ดฟันด์พันล้านชื่อดังอย่าง D. E. Shaw & Co โดยทำห น้าที่ดูแลกลยุทธ์พอร์ตลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับ Internet & Technology ซึ่งตอนนั้นกำลังบูมมาแรงสุดขีด เงินเดือนและโบนัส ในช่วงตลาดขาขึ้นตอนนั้น ตัวเลขก็คงไม่ต้องพูดถึง เขาเชื่อใน Internet Technology และ e-commerce จึงเลือกที่จะลาออกมาเดินตามความฝันสร้างธุรกิจของตัวเอง โดยเขาสนใจในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ ซึ่งเขาทำการศึกษาเลือกตัดสินใจ สร้าง amazon dot com ขึ้นมาเพื่อขายหนังสือ เขาและภรรยาใช้เงินเก็บ และมีผู้ร่วมลงทุนคนแรกในบริษัทคือคุณแม่ของเขา ที่นำเงิน $3000 มาช่วยสนับสนุน จากนั้นเขาและภรรยาก็ลาออกจากงาน ขับรถมุ่งหน้าย้ายจาก New York ไปยัง Seattle เมืองที่เขาคิดว่าจะหาจ้างทีมพัฒ

Jeff Bezos เส้นทางแห่งความสำเร็จ 01

ภาพนี้มาจากรายการ 60 minutes เป็นห้องทำงานของ Jeff Bezos ในสำนักงานใหญ่ของ  amazon.com  ในตอนนั้น ความไม่ธรรมดาคือ ตอนปี 1999 บริษัท amazon เปิดบริการขายหนังสือและ CD(หนัง,เพลง) บนอินเตอร์เน็ตด้วยกระแสความบูมของ Dot com ดันราคาหุ้น amazon มูลค่ากว่า 30 billion นับจากเข้าตลาดในปี 1997 และทำให้ Jeff Bezos กลายเป็นเศรษฐีพันล้าน แต่เขายังเลือกใช้ โต๊ะไม้สี่ขาธรรมดา ห้องทำงานเล็กๆ ขับรถเก่าๆคันเดิม เพราะเขามีความเชื่อว่า บริษั ทควรใช้เงินของนักลงทุนเท่าที่จำเป็น  ซึ่งย้ายเพียงสำนักงานจากโรงรถในบ้านพักมายังอาคารปัจจุบัน เพื่อรองรับพนักงานที่เพิ่มขึ้น ใช้เงินลงทุนในการสร้าง คลังสินค้าทั่วประเทศสหรัฐและยุโรป , ลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ใช้กุญแจสำคัญการบริหารคลังสินค้า รวมไปถึงการสร้างระบบการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้เพื่อแนะนำสินค้า(Data mining +Recommendation system) ระบบการให้คะแนนรีวิว บน web application ที่ตอนนั้นคือสิ่งใหม่ที่ amazon พยายามใช้เป็นจุดขายสู้กับร้านหนังสือปกติธรรมดาทั่วไป ตอนทัายในรายการพิธีกรถาม Jeff Bezos กลัวไหมว่าราคาหุ้นจะตกลง มูลค่าบริษัทจะสูญหายไป(ตอนนั้นหุ้น

Dirty Money

Netflix ปล่อยสารคดีชุดใหม่ ชื่อ Dirty Money ออกฉาย เบื้องต้นเรตติ้งความนิยมค่อนข้างดี ผมมีโอกาสได้ดูแล้ว มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ เลยอยากมาแนะนำ สารคดีเรื่อง Dirty Money สร้างโดย Netflix Original Series ผู้กำกับคือ Ciara Boniface เนื้อหาค่อนข้างเข้มข้นและหนักดี เล่าถึงเรื่องของ "เงิน" ที่เกิดจาก ความโลภ การทุจริต อาชญากรรม ซึ่งเวียนว่ายอยู่บนระบบเศรษฐกิจของโลก เนื้อหาจับประเด็นหลากหลาย มาถ่ายทอดความเป็น Dirty Money ได้อย่างลงตัว แน่นอนว่าหนึ่งในเรื่องราวก ็คือ นักธุรกิจ ผู้บริหารกองทุนสาย Activist ใน wall street ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของความโลภ ที่หาเงินล่าเงิน จนเกิดผลกระทบต่อประชาชนธรรมดา ซึ่งในสารคดียกกรณีของ Martin Shkreli ที่ใช้อำนาจบริหารขึ้นราคา 5,000% ในยาสำหรับผู้ป่วย AIDS ด้วย และยังมีอีกหลายกรณีที่ Dirty Money นำเสนอวิธีการหาเงินบนความเดือดร้อนของผู้อื่นได้อย่างน่าติดตาม มีโอกาสลองไปหามาชมกันครับ ทาง Netflix ชมได้จาก https://www.netflix.com/title/80118100

Bitcoin & George Soros

พูดถึง currency ในโลกนี้เทรดเดอร์หรือนักค้าค่าเงินอันดับต้นต้องมีชื่อของปู่ George Soros ชายผู้เป็นตำนานที่เคยล้มธนาคารกลางอังกฤษมาแล้ว ยังไม่นับรวมผลงานทำกำไรจากการเทรดค่าเงินสกุลต่างๆในระดับหลายพันล้านเหรียญ ปีนี้ในงาน World Economic Forum 2018 ที่ Davos คุณปู่ George Soros พูดถึง Bitcoin แกให้ความคิดเห็นแบบตรงไปตรงมาว่า Bitcoin is not a currency อันนี้ลองฟังจากปากในคลิปได้ สรุปโดยรวม มุมมองของคุณ Soros จะว่าไปก็ไม่ต่างจากนักลงทุนหรือผจก.กองทุนค นอื่นๆ โดยเฉพาะการพิจารณาไปที่พฤติกรรมของราคา ปู่บอกราคาที่สะท้อนมูลค่าของบิตคอยไม่ stable ไม่สามารถรักษามูลค่าที่แน่นอนเช่น currency ทั่วไป ด้วยผันผวนสูงมากกว่า 25% มันยากใช้ในการจ่ายค่าจ้างแบบทันทีทันใดเช่นเงินตราปกติ เพราะค่าแรงรายวันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลดลงเกิน 25% ส่วนราคาบิตคอยเกิดจากการไล่ราคาเพื่อหวังทำกำไร(speculation)ของคนในตลาด Soros ให้ความสำคัญกับ Block chain technology ที่เขาบอกว่ามันเป็นนวัตกรรมที่มีสามารถใช้ในทางบวกและทางลบได้ เช่นปัจจุบันมีคนบางกลุ่มใช้บิตคอยเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบทรัพย์สินจากรัฐ ซึ่งปัจจุ

Chat with Joel Kruger

นำคลิปรายการ chatwithtraders มาแนะนำ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ ใน EP15 รายการนำคุณ Joel Kruger มาแชร์ประสบการณ์บนเส้นทางเทรดเดอร์อาชีพ โดย Joel Kruger เรียนจบกฏหมายสนใจด้านการเทรด เลยไปสมัครทำงานที่ investment bank จนได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นนักกลยุทธ์ด้านค่าเงิน(currency strategist) และเข้าเป็นเทรดเดอร์ประจำ fx desk ของบริษัทหนึ่ง หลังจากนั้นเมื่อมีประสบการณ์และความมั่นใจ เขาได้ลาออกมาเป็นเทรดเดอร์อิสระ คุณ Kruger เล่าประสบการณ์หลายปีของเขาและแนะนำอะไรหลายอย่า งเกี่ยวกับการเป็น fx trader ที่น่าสนใจมากคือแนวคิดเรื่องของการบริหารเงินและบริหารความเสี่ยง เขาบอกว่าปัญหาของมือใหม่คือ เรื่องของการ Over trading พยายามเร่งทำเงินทำกำไรมากเกินไป จนติดกับดักการใช้ Leverage ที่สูงหลายร้อยเท่า ซึ่งไม่ได้เหมาะกับพฤติกรรมราคา ทน market volatile ของสินค้าค่าเงินไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องล้างพอร์ต สูญเสียเงินไป Kruger แนะนำมือใหม่ว่า เริ่มจากการเรียนรู้ตลาด เรียนรู้พฤติกรรมราคา และทดลองพัฒนาระบบเทรดของตัวเองก่อน ไม่ต้องสนใจทำเงินหรือโกยกำไร เริ่มจาก Leverage ต่ำ เช่น 1:1 เทรดบัญชีเล็กๆ ให้ไ

Bitcoin & Nassim Taleb

สำหรับ Bitcoin ต้องออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นกองแช่งหรือกองเชียร์ ผมเป็นเพียงผู้ศึกษา ดังนั้นจะพยายามเก็บรวบรวมข้อมูลและมุมมองของบิตคอยจาก กูรู ที่มีประสบการณ์ในโลกการเงินเอาไว้ เพื่อเป็นกรณีศึกษาในอนาคตต่อไป เมื่อวานมีมุมมองจากกูรูท่านหนึ่ง ที่ผมอยากฟังความคิดเห็นมากนั้นคือ Nassim Nicholas Taleb คนนี้เป็นนักสถิติ และผู้บริหารกองทุนเฮ็ดฟันด์ชื่อดัง ประสบการณ์โชกโชน บริหารพอร์ตทำกำไรจากวิกฤติการเงินและฟองสบู่มาหลายครั้ง คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณมาก เชื่อว่าถ ้าใครศึกษาด้านการเงินหรือกลยุทธ์การเทรด น่าจะเคยอ่านหนังสือเช่น ‘Black Swan’, Antifragil ,Fooled by Randomness และงานวิจัยของเขามาบ้าง Nassim Taleb เขียนถึง Bitcoin ยาวแต่ไม่ได้พูดเรื่อง ราคาและ Bubble โดยตรงแบบ ray dalio หรือ warren buffett แต่เขาเขียนเชิงมุมมองของระบบการเงินโลก ที่ว่ามันกำลังจะเปลี่ยนไปจากการกำเนิดของ Bitcoin และกระแสของ cryptocurrency โดยระบบเงินตราสำหรับการแลกเปลี่ยนที่เคยถูกควบคุมและแทรกแซงจากรัฐบาลจะถูกสั่นครอน เมื่อสังคมส่วนใหญ่เริ่มรู้จักแนวคิดของ cryptocurrency มากขึ้นตามกระแสที่เกิด ซึ่งบิตคอย จะเป็นเหมื

Free Tick Data (FXCM)

ถ้าศึกษาหรือทดลองทำงานด้าน Quant หนีไม่พ้นเรื่องของ Data แน่นอนว่าถ้าหาฟรีไม่ได้ก็มีต้องซื้อจาก Data Provider ซึ่งก็จะมีต้นทุน กรณีที่เริ่มต้นมีบางแหล่งที่แจกจ่ายข้อมูลฟรีให้ได้ทดลองนำไปใช้อยู่ วันนี้มาแนะนำแหล่งข้อมูลฟรีจาก FXCM ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่รองรับ Quant Trading System ล่าสุดเปิดช่องทางแจกจ่ายข้อมูลราคาในตลาดค่าเงิน(FX) จำนวน 21 คู่เงิน ระดับ Tick Data (Raw Data ละเอียดสุดยังไม่จัดกลุ่มตาม timeframe) โดยเป็นข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2015 ถึงปัจจุบันและจะมีการ Update ข้อ มูลใหม่ๆทุกๆสัปดาห์ การ Download ทำได้ผ่าน API แบบเป็น gz file ก็ได้หรือจะใช้ Python เขียนโปรแกรมสำหรับการ Download อัตโนมัติก็ได้เช่นกัน โดยเราสามารถเลือกรูปแบบ output file ที่ต้องการได้ ซึ่งผมมีโอกาสทดลองทั้งสอบแบบแล้ว พบว่าใช้งานได้ดีมาก ไฟล์ tick data ของค่าเงิน USDJPY ระยะ 1 ปีที่ดาวน์โหลดได้ เมื่อแตกไฟล์แล้วขนาดราวๆ 150 MB มี Feature ได้แก่ DateTime,Bid,Ask จำนวนราวๆ 1.8 ล้านบรรทัด หน้าตาเหมือนกับภาพด้านล่าง ตรงนี้เป็น csv สามารถนำเข้า database นำไปใช้ในการทำ data analysis ต่อได้เลย(ไม่

Stop Searching for the Holy Grail

วันนี้ได้อ่านบทความ Stop Searching for the Holy Grail ของคุณ Charlie Bilello กูรูนักกลยุทธ์ด้านการลงทุนของ Pension Partners, LLC เขาแชร์การวิจัยและเขียนเรื่องของแนวคิดการสร้างระบบเทรดไว้น่าสนใจ Charlie Bilello เอาตัวอย่างการทดลองในการเทรดด้วยการใช้เครื่องมือพื้นฐานอย่าง MA ในหลายๆซีนาริโอมาเปรียบเทียบกับ Buy & Hold Strategies ในทองคำ ช่วงเวลา 1975 -2017 ผลการทดสอบดังภาพและตาราง แต่สิ่งที่คุณ Bilello แนะนำนั้นน่าสนใจ เขาบอกว่าแทนจะไปนั่งหา Holy Grail จากโมเดลหรือจากเครื่องมื อเทคนิคอล ใช้พยากรณ์อนาคต ที่ทำไม่ได้ เราควรจะรู้จักใช้เครื่องมืออย่างเข้าใจ ทำความเข้าใจในเรื่องของพื้นฐานสินค้า + พฤติกรรมราคา และเลือกวางกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องไป optimize หรือพยายามปรับแต่งระบบให้เกิด best performance แบบ over fitting เพื่อทำกำไรมากๆเสมอไป เพราะภาพรวมระยะยาวพฤติกรรมราคาเปลี่ยนได้เสมอตลาดปัจจัยต่างๆ ดังนั้นเลือกใช้กลยุทธ์การเทรดที่อยู่รอดในระยะยาวทำผลตอบแทนดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด ก็ถือว่าสมควรแล้ว ที่สำคัญมีแผนรับมือสถานการณ์ที่จะเกิด ไม่ว่าตลาดจะดี หรือเลวร้าย เพราะ

Bull/Bear Ratio

ปี 2017 นี้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 ร้อนแรงมาก +19.45% ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดกลุ่มนำตลาดส่วนใหญ่ก็ยังออกมาดี เช่นเดียวกับ story ประเด็นการลดภาษี ของโดนัล ทรัมป์ ที่ตอนนี้เหมือนจะเป็นสิ่งที่ตลาดสหรัฐ กำลังจับตามองมาก หลังจากเป็นเชื้อเพลิงจุดชนวนพลักดันดัชนีมาตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งปลายปีที่แล้ว ซึ่งปัจจุบันตามรายงานข้อมูลเจ้า Bull/Bear Ratio ของตลาดสหรัฐอยู่จุดสูงสุด Bull/Bear Ratio เป็น market-sentiment indicator แนวคิดเบื้องหลังก็ไม่ซับซ้อน เป็นการหา ratio  ที่สะท้อนมุมมองของ นักวิเคราะห์ กูรู และเซียน ต่างๆ โดยเป็นการเทียบระหว่างฝั่งที่มองว่าอนาคตดัชนีตลาดจะขึ้นต่อ(Bull) หรือ ตลาดปรับตัวลง(Bear) บางสายเขานำ weight ความนิยมในการเป็นผู้นำจิตวิญญาณของ นักวิเคราะห์ หรือกูรู คนนั้นๆมาคำนวณประกอบด้วย (แนวคิดนี้มีบริษัท startup ทำ data analysis +NLP จริงจังและทำเป็น application ขายบริการเลยนะครับ) สูตรการคำนวณก็ตามภาพด้านล่างเลย ส่วนการตีความก็ตรงไปตรงมา ถ้าออกมา positive แปลว่า market sentiment ค่อนข้างดี ยังมีความคาดหวังและแรงเชียร์ต่อ ตรงนี้บางตำราแนะนำให้ใช้ร่วมกับการ

Bath bomb จากโครงงานวิทย์สู่ธุรกิจเงินล้าน

4 ปีที่แล้ว สองสาวพี่น้อง Caroline และ Isabel Bercaw วัย 10 , 11 ปีเริ่มต้นทำ Bath bomb ในโครงงานวิทยาศาสตร์ ด้วยความสนุกและรักการทดลอง ทำให้สองพี่น้องตัดสินใจ เปลี่ยนการทำ Bath bomb ให้กลายเป็นธุรกิจเล็กๆ ด้วยการยืมเงินจากคุณพ่อ $350 ลงมือผสม ผลิตพัฒนาสูตรและสร้าง Bath bomb สีสันต่างๆกลิ่นต่างๆใช้เวลาสามเดือนผลิตจำนวน 150 ลูกออกขายในบูทเล็กๆ ตามห้างสรรสินค้า และงาน art fair ทั้งสองยังคงต้องเรียนหนังสือจึงใช้เวลาว่างผลิตสินค้าเพื่อออกขายในวันหยุด ด้วยความชอบทดลองผสมสีสัน แ ละสร้างกลิ่นต่างๆ บวกกับาการสนับสนุนของ พ่อและแม่ของสองพี่น้อง เธอเปิดบริษัท DaBomb Fizzers และดำเนินธุรกิจเป็นทางการเมื่อ 2 ปีก่อน มาวันนี้ธุรกิจของเธอเติบโต ผลิตสินค้าออกขายราว 500,000 ลูกต่อเดือน ธุรกิจโตมีมูลค่าหลักหลายล้านเหรียญ(multi-million dollar) กลายเป็นเจ้าของธุรกิจเงินล้านตั้งแต่ยังไม่จบ มัธยมปลาย สองพี่น้องยังคงสนุกในการทดลอง และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาต่อเนื่อง เธอให้สัมภาษณ์ในรายการว่าแม้เรียนจบอนาคตยังคงคิดจะทำธุรกิจนี้ต่อไป ปล. มีลูกมีหลานก็สอนให้คิด ให้เห็นคุณค่าของเงิน หรือหัด

Volatility and the Alchemy of Risk

วันนี้ผมมีโอกาสได้อ่าน research paper เรื่อง “Volatility and the Alchemy of Risk” เขียนโดย Christopher Cole แห่ง Artemis Capital Management เขานำเสนอประเด็นที่น่าสนใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะความเสี่ยงในภาวะ low volatility ซึ่งประเด็นร้อนเรื่อง Global Short Volatility Bubble ที่อาจจะเกิดในช่วงนโยบายทางการเงิน แบบพิเศษไม่ปกติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลาง ชาติใหญ่ๆของโลก ผู้เขียนนำเสนอประเด็น ความเสี่ยงในภาวะ low volatility ใน asset ทำให้ผู้เล่นรายใหญ่ใช้ leverage ในการ betting  บนราคาสินทรัพย์ในทิศทางเดียวกัน จนปัจจุบันมูลค่าโตกว่า $2 trillion บทความเทียบ สถานการณ์ปัจจุบัน กับช่วงที่เกิด Black Monday 1987 ยุคตลาดขาขึ้น พร้อมกับทิศทางขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ย หลังเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว จากการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ นอกจากนี้ยังโยงไปถึง 4 องค์ประกอบสำคัญของความเสี่ยงคือ การเพิ่มของ volatility, gamma risk, ค่า correlation ที่ไม่คงตัวระหว่าง asset class และการเพิ่มของ interest rates ประเด็นมันละเอียดอ่อน และเป็นมุมมองเฉพาะ ตรงนี้อาจจะไปตรงข้ามกับความคิดคนทั่วไป ดังนั้นผมไม่ขอแปล

The Trader Experience

เมื่อวานนั่งทำแบบสำรวจเบื้องต้นกับเพื่อนๆน้องๆเทรดเดอร์ ที่ร่วมโครงการโปรเจค robot fighting ด้วยกัน ผมถามทุกคนเหมือนกันว่า ถ้าให้เลือกระหว่าง A. ให้เงิน 1 ล้าน B . ให้ถอยหลังย้อนเวลาชีวิตจากปัจจุบันไปได้ 1 ปี เลือกอะไร ออกตัวก่อนว่าคำตอบไม่มีผิดถูก บางคนอยากได้เงินล้าน ถวิลหาเงินล้านก็คงเลือกข้อ A กัน แต่ที่น่าสนใจคือผลสำรวจเทรดเดอร์ที่ร่วมทำแบบสอบถาม 90% เลือก B ย้อนเวลากลับไป 1 ปี ผมก็เช่นกัน ยิ่งถ้าให้ย้อนเวลาไป 10 ปี มีความรู้ ความสามารถเท่าปัจจุบันมันหาประโยชน์ สร้างการเปลี่ยนแปลงในชีวิตได้มากโขเลย เหตุผลเพราะการเรารู้ว่าผิดพลาดอะไรในอดีต บางทีแค่ย้อนเวลากลับไปได้ แค่1 วัน แก้ไขสิ่งผิดนั้นได้ทันมันก็ทำให้เกิด ผลลัพธ์ที่แตกต่างอาจจะมีมูลค่ามากกว่าเงินล้านได้ โดยเฉพาะเทรดเดอร์ เราเรียนวิธีการ/กระบวนการ(method)สร้างเงินและรักษาเงิน(ป้องกันความเสี่ยง) ตรงนี้ระยะยาวมันมีค่ามากกว่าแค่ตัวเลขหรือตัวเงิน เพราะถ้าเราทำได้ถูกได้ดีได้แน่นอนแล้ว มันโต มันขยายได้ ตามความรู้ ตามประสบการณ์ ของเรา คำถามนี้อาจจะดูไม่ realistic แต่มองดีๆ เราอาจจะพบว่าแม้ย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งผิดใน

Cryptocurrencies บนดิน ความพยายามจัดการปัญหาของรัฐบาลญุี่ปุ่น

FT นำเสนอบทความและข้อมูลของ cryptocurrencies ในประเทศญุี่ปุ่นที่เป็นชาติซึ่งมีบทบาท และเข้าไปมีส่วนร่วมกับ cryptocurrencies มาอย่างต่อเนื่อง แม้ประชาชนจำนวนมากจะเจ็บหนักจาก bitcoin กรณี Mt Gox ล้มสลายตอนปี 2014 แต่ปัจจุบันก็ยังมีความนิยมมากในการเทรดซื้อขาย crypto currencies โดยเฉพาะ bitcoin Coincheck, bitcoin exchange ใน Tokyo ระบุญุี่ปุ่นมีลูกค้าที่เข้ามาเทรด bitcoin ตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆถึงมากกว่า 60 ปี โดยรัฐบาลญุี่ปุ่นออกกฏชัดเจนคือ บริษัทค้าขาย bitcoin ในประเทศต้องมีการร ะบุตัวตน และบัญชีของลูกค้าอย่างชัดเจน รวมถึงมีรายละเอียด กฏเกี่ยวกับการให้เงินกู้และคุมระดับความเสี่ยงของการเทรด ที่ regulator ต้องตรวจสอบได้ ดูเหมือนจะแตกต่างจาก concept ของ Bitcoin ในการพัฒนาตอนเริ่มต้นอย่างมาก แต่ก็คงเป็นเรื่องปกติ เพราะคนญุี่ปุ่นส่วนใหญ่ 80% ที่เทรด Bitcoin ไม่ต่างอะไรกับ asset อื่นๆเช่นค่าเงิน คือเน้นเก็งกำไรหาประโยชน์ส่วนต่างราคา ในยุคดอกเบี้ยเงินฝากมันติดลบ ปัจจุบันดูตัวเลขปริมาณการซื้อขายของญีุ่ปุ่นเทียบกับทั้งโลก ก็จะเห็นความแตกต่างมหาศาล กลายเป็นกลุ่มผู้เล่นที่มีบทบาทกับการเคลื่อนไหวข

Facebook And Trader

เมื่อเช้ามีคนถามผมว่า พี่ใช้เวลาบน facebook วันละกี่ชั่วโมงครับ ?? ถ้าให้ทายคงคิดว่าเยอะ ใช่ไหมครับ เพราะอาจจะเห็นผมโพสบ่อย แต่จริงๆแล้ว ผมใช้เวลาในเฟสบุ๊คต่อวัน แค่ 1 ชม. เท่านั้นเอง(สำหรับเขียนบทความ ซึ่งก็ถือว่าไม่น้อยแต่ก็คุ้มค่า) เพราะเหมือนเคยบอกไปส่วนตัวใช้ facebook เป็นสมุดบันทึก เรื่องราวที่เกิดในตลาดหุ้น ตลาดทองคำ ตลาดค่าเงิน และใช้เป็นสมุดจดแชร์ความรู้ด้านการเทรด แชร์เรื่องราวเศรษฐกิจ น่าสนใจ ให้กับเพื่อนๆน้องๆได้ติดตาม พอผมอ่านเจอบทความ เรื่องราวๆดีๆก็จะนำมาเขียน แปะแชร์ไว้ให้ ซึ่งทุกวันผมจะเข้ามาโพสเรื่องราวๆ บทความ กราฟ หรือเรื่องราวแล้วก็ไป ไม่มีเวลาไปตามอ่าน ตามคอมเมนต์ ของเพื่อนๆท่านอื่นเท่าไหร่ ตรงนี้ทำให้ไม่ได้ใช้เวลาเยอะบน facebook และเป็นการอธิบายประเด็น ที่มีคนถามมาเยอะมาก ว่าทำไมผมไม่กด รับ friend ไม่ได้เลือก หรือไม่ได้หยิ่งอะไรแต่เพราะส่วนตัวไม่มีเวลา เข้าไปร่วมกิจกรรม หรือสันทนาการกับใคร ดังนั้นเลยคิดว่าไม่ขอรับ เพื่อนเพิ่มดีกว่า จะได้ไม่เป็นการหมางใจ ถ้าไม่ได้เข้าไปทักทาย ไป chat หรือติดตามกด like หรือคอมเมนต์ใดๆ ส่วนท่านอยากเรียนรู้ก็ กด follow ติดต

Alternative Data

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา StockTwits จัดงาน Stocktoberfest 2017 ที่ San Diego มีหลายคลิปสัมนาที่น่าสนใจปล่อยออกมา ผมกำลังนั่งตามเก็บอยู่ หนึ่งในนั้นที่วันนี้มีโอกาสได้ฟังจบ คือหัวข้อ alternative data เขานำผู้เชื่ยวชาญด้าน Quant ใน wall street ได้แก่ Tim Harrington จาก Battlefin, Erik Haines จาก Guidepoint, Morgan Slade จาก CloudQuant, และ Chris Petrescu จาก WorldQuant มาแลกเปลี่ยนและให้ความรู้ ประเด็น The rise of quants and alternative data Alternative data ตอนนี้กำลังเป็น hot topic เติบโตและเป็นที่ต้องการมาก คุณ Petrescu พูดถึงคำว่า quantamental แนวทางของ Quant ผสมผสานกับ Fundamental เดิม กล่าวโดยสรุปคือ alpha model ในการลงทุน จากการใช้ทั้งข้อมูล fundamental เดิม(งบการเงิน) รวมกับข้อมูล alternative data เพื่อสร้างโมเดลประเมินกิจการ ทำนายผลประกอบการ ตัวเลขรายได้ของบริษัท Alternative data ที่พูดถึงมีตั้งแต่ข้อมูลเชิงตำแหน่ง เช่น geolocation จาก mobile ,ภาพถ่ายดาวเทียม(ตัวอย่างเช่นติดตามจำนวนรถในลานจอดรถของห้าง) , ข้อมูลการใช้บัตรเครดิต ยอดบัตรเครดิตในร้านค้า หรือสถานที่ต่างๆ ,