ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

รีวิว Saving Capitalism

หลายปีที่ผ่านมาได้เห็นการตั้งคำถามว่าระบบทุนนิยม(Capitalism) มันยังทำงานได้ดีในระบบสังคมปัจจุบันอีกหรือไม่?ถี่ขึ้น ซึ่งคำถามนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของสารคดี เรื่อง Saving Capitalism ที่ออกเผยแพร่ในปี 2017 โดยเป็นสารคดีที่เล่าเรื่องผ่านคุณ Robert Reich อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยุครัฐบาล บิล คลินตัน ( 1993 -1997)และเป็นอาจารย์ รวมถึงเป็นนักวิเคราะห์ นักวิจารณ์ทางการเมืองชื่อดัง คุณ Reich ได้ออกหนังสือเรื่อง Saving Capitalism ซึ่งกล ายเป็นหนังสือยอดนิยม ทำให้เขาได้ออกเดินสายโปรโมทและจัดกิจกรรม รับฟังความคิดเห็นของคนในหลายรัฐของอเมริกา รวมถึงคนในทุกระดับ ตั้งแต่ชั้นแรงงาน ชั้นกลาง นักศึกษาคนรุ่นใหม่ นักธุรกิจ และนักล๊อบบี้ยิสทางการเมือง สารคดีนี้ เดินเรื่องเร็วสนุก สะท้อนให้เห็นปัญหาช่องว่างรายได้ของคนจนและคนรวย โดยสรุป คุณ Reich เชื่อว่าระบบทุนนิยมอเมริกากำลังมีปัญหา เมื่อคนจน คนชั้นกลาง ทำงานรายได้ไม่ได้เติบโต ตามรายจ่าย ค่าครองชีพ ขณะเดียวกัน คนรวยนักธุรกิจ รวยเอา รวยเอา รายได้การเติบโตเศรษฐกิจ วิ่งเข้ากระเป๋าคนรวย ผ่านช่องทางต่างๆ การใช้เส้นสายหาผลประโยชน์ จากนโยบายของรัฐ

Ray Dalio Sees Parallels to 1930s in Today’s Markets

บลูมเบริ์กลงบทสัมภาษณ์ของคุณ Ray dalio โดย Barry Ritholtz มีหลายประเด็นน่าสนใจ สรุปเบื้องต้นเก็บไว้ดังนี้ - debt cycle ในปัจจุบันคล้ายปี 1930 (late stages of this short-term business cycle) - ตัวเลขหนี้จำนวนมหาศาลทำให้เผชิญปัญหา กรณีอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น - อนาคต USD ลดทอนบทบาท(เงินสกุลอื่นจะขึ้นมามีบทบาทแทน แต่ ray ไม่ระบุรายละเอียด)และอาจจะด้อยค่าจากภาวะหนี้ -การสร้างหนี้ในอนาคตของรัฐบาลสหรัฐ จะยากขึ้น มีต้นทุนสูงขึ้นต้องเพิ่มผลตอบแทนเพื่อมาจูงใจเจ้าหนี้ต่างชาติ - Low interest rates ตัวเร่งทำให้เกิดภาวะ leveraged long กระแสเงินทำให้เกิดการเพิ่มกำลังซื้อในตลาดหุ้น ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งภาวะนี้ไม่คงอยู่ตลอดไป  -ray แนะนำนักลงทุนเตรียมแผนรับมือ ลดความคาดหวังผลตอบแทนที่สูงเหมือนอดีต รวมบริหารความเสี่ยง balance portfolios [all weather strategies + risk parity] -เมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจรอบใหม่ จะนำมาซึ่งปัญหาการเมืองต่อเนื่อง สาเหตุจากความไม่เท่าเทียมกันระหว่างคนจนและคนรวย ก่อเกิดระบอบประชานิยม การต่อสู้ของคนสองกลุ่มในสังคมที่รุนแรง

Work Smart &Time Management

วันนี้ได้ฟัง podcast ของ Tim Ferriss เขาพูดถึง Work-Life Balance ได้น่าสนใจมาก เขากล่าวว่า การสมดุล"งานกับชีวิต" เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเผชิญ แนวคิดการ work hard มันอาจจะไม่ได้ใช้ได้เสมอไปกับทุกคน โดยเฉพาะ คนที่มีครอบครัวในวัย 30 ขึ้นไป เพราะการมีเวลาจำกัด มีภาระในชีวิตที่มากกว่าตัวคนเดียว "เวลา" กลายเป็นสิ่งที่มีค่ามาก การไปทุ่มให้ทั้งหมดกับ งานที่ทำ มันจึงไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด ยังไม่นับรวมปัญหาสุขภาพที่เกิด จากความเครียดและการทำงา นหนัก Tim ยกตัวอย่าง CEO หลายคนที่ประสบความสำเร็จ คนเหล่านี้ใส่หมวกหลายใบ ทำทั้งงานจนสำเร็จและมีเวลาดูแลครอบครัว รวมถึงทำกิจกรรมอื่นๆเพื่อสังคมอีก โดยสรุปเขาแนะนำให้หาแนวทาง Work-Life Balance ที่เฉพาะแต่ละคน โดยเราต้องมีเป้าหมาย มีแผนชีวิตและที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องแบ่งแบบ 50-50 หรือคงที่เสมอไป อาจจะแปรผันตามช่วงเวลาอายุ เช่น วัย 30 วัย 40 แผนเปลี่ยนได้ ตามสถานะการณ์ แต่สิ่งสำคัญคือต้องคิดและวางแผน ด้านการทำงานเขาแนะนำ Work Smart แทน Work Hard รู้จักบริหารจัดการเวลา อย่างมีประสิทธิภาพ บวกกับการสร้างวินัย บังคับตัวเราให้โฟกัสในแผน

วิธีรับมือกับ overthinking

ภาวะตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์ ช่วงนี้ถือว่าเทรดไม่ง่ายทั้งด้วยพฤติกรรมของราคา และประเด็น sentimental ความไม่ชัดเจนของอนาคตในหลายประเด็น รวมถึงปัจจัยเสี่ยงระดับโลก เวลาเกิดภาวะแบบนี้ส่งผลกระทบต่อการเทรด โดยเฉพาะเรื่องการตัดสินใจ อาจจะไม่ flow เหมือนช่วงตลาดปกติ ยิ่งตลาดผันผวนมาก เกิดความกลัวที่จะผิดพลาด ความสับสนและการลังเลยิ่งมีมาก ทำให้คิดฟุ่งซ่านแบบ overthinking ซ้ำไปซ้ำมาไม่กล้าตัดสินใจ ตามมาด้วยปัญหาการเทรด "ค่อมรอบ" หรือ "ผิดจังหวะ" วันนี้ผมมีแนวทางการฝึกสมองช่วยทำให้เราหย ุด overthinking เพื่อเพิมประสิทธิภาพการตัดสินใจมาแนะนำ 1. เขียน สิ่งที่คิดในหัว การคิดวนไปวนมา จากความสับสนความไม่มั่นใจ ทำให้เกิดความเครียด จากความไม่ชัดเจน สิ่งแรกที่ควรทำคือ เขียน สิ่งที่อยู่ในหัวเราลงในกระดาษ เพื่อลำดับภาพความคิดและปัญหาต่างๆลงไป ตรงนี้ถ้าเราเห็นสิ่งที่เราคิดมันวนซ้ำ หาทางจบไม่เจอ มันจะเป็นสัญญาเตือนว่ากำลัง overthinking 2. โฟกัสไปที่เป้าหมาย การตัดสินใจบนภาวะความไม่แน่นอน บางทีเราไม่สามารถทำให้ได้ result ออกมาแบบ perfect ที่สุดอย่างสมบูรณ์ 100% ดังนั้นต้องมีเป้าหมา

กรณีศึกษา PG&E stock

กรณีไฟป่าครั้งใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ลามทำลายบ้านและชุนชนจำนวนมากกว่า 10000 หลัง ผู้คนกว่า 52,000 คนต้องอพยพ ไฟป่าครั้งนี้กินพื้นที่วงกว้างคร่าชีวิตคนไปกว่า 50 รายยังไม่รวมที่สูญหายอีกนับสิบ บาดเจ็บนับสิบ เมืองชุมชนชนบทขนาดเล็กต้องสูญหายจากไฟป่านี้ เหตุการณ์นี้เองมีผลกระทบต่อหุ้น PG&E หรือ Pacific Gas and Electric ผู้ให้บริการ gas กับลูกค้าในรัฐแคลิฟอร์เนียกว่า 16 million ต้องตกเป็นจำเลยถูกสอบสวนจากรัฐ กรณีเกิดความผิดพล าดระบบส่ง Gas จนทำให้เกิดการรุกไหม้ของไฟ ซึ่งอาจจะเป็นต้นเพลิงของไฟป่าครั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าถ้าพบว่าผิดจริง อาจจะถูกฟ้องร้องจนต้องเสียค่าชดเชยกว่า $13 billion ซึ่งเงินประกันของบริษัทคุมครองเพียง $1.4 billion ราคาหุ้น PG&E รับข่าวนี้ร่วงลงทันทีต่อเนื่องหลายวันติด จนราคาไปที่ระดับจุดต่ำสุดรอบ 15 ปี จากระดับ $48.5 ลงไประดับ $17.6 ช่วงเวลา 5 วันลดลง -65% โดน Morgan Stanley ปรับ downgrade ระดับ credit rating เหลือระดับใกล้ junk level แถมโดนนักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ปรับลดราคาเป้าหมายจาก $67 ไปสู่ $27 แม้ราคาหุ้นจะดีดกลับมาได้บ้าง PG&E เป็นหุ้

151 Trading Strategies

Paper รีวิวหนังสือนี้นะครับที่ผมพูดถึง 151 Trading Strategies เขียนโดย Zura Kakushadze Quantigic Solutions LLC เขารวบรวมกลยุทธ์การเทรด ในสินค้าหลากหลาย เช่น stocks, options, fixed income, futures, ETFs, indexes, commodities, forex , Commodities, Cryptocurrencies ตั้งแต่กลยุทธ์พื้นฐาน ยันระดับการใช้ machine learning (ในCryptocurrencies ) โดยใน paper นี้เขาแจกเนื้อหากลยุทธ์ส่วนแรก 30 หน้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ options trading แต่ส่วนที่เหล ือถ้าสนใจคงต้องไปซื้อหนังสือฉบับมาอ่าน คงไม่ได้บอกว่าทุกกลยุทธ์เอาไปใช้แล้วจะทำเงินล้านอะไรแบบนั้น แต่ด้วยโครงสร้างและโมเดล มันช่วยทำให้เราเข้าใจและเรียนรู้เพื่อต่อยอดได้ อีกประการที่น่าสนใจคือ reference ใน paper นี้ผู้เขียนรวบรวมอ้างอิงแหล่งกลยุทธ์การเทรด งานวิจัยที่เกี่ยวข้องต่างๆ่ มาไว้เยอะมาก มีหลาย ref เราสามารถเข้าไปขุดไปศึกษาต่อได้อีก เหมือนเคยบอกศึกษากลยุทธ์การเทรดสมัยใหม่ อ่านงานวิจัยเหล่านี้ช่วยเปิดโลก เปิดมุมมองให้เราได้มากครับ เข้าไปดาวน์โหลดได้จาก https://papers.ssrn.com/sol3/papers.cfm?abstract_id=3247865

Berkshire 4.0

บทความนี้ bloomberg นำเสนอเรื่องการเลือกหุ้นเข้าพอร์ต ของ Berkshire ในยุคหลัง ที่ผู้เขียนบทความอธิบายการเปลี่ยนแปลงที่เกิด โดยในยุคก่อนวิกฤติการเงิน หุ้นหลักที่ Buffett เลือกเป็นกลุ่ม “simple” businesses เช่น Coca-Cola Co., the BNSF railroad, Dairy Queen, Deere & Co. ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นกลุ่ม consumer ธุรกิจที่มีความได้เปรียบคู่แข่งและมีแบรนด์เป็นที่ยอมรับ ยุคหลัง ภายใต้บทบาทที่เพิ่มขึ้นของ Todd Combs และ Ted Weschler Berkshireเข้าเก็บหุ้นกลุ ่ม Bank และ Technology company จำนวนมากรวมกันแล้ว ราวๆ 67% ของพอร์ตและเพิ่มต่อเนื่อง เช่น Oracle Corp , Apple Inc. Delta Air Lines Inc , JPMorgan Chase & Co. ,Bank of America Corp., Wells Fargo และ PNC Financial Services Group Inc. ปีผ่านมาก็มีการซื้อสะสมหุ้นเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยยะ เรียกว่ามุมมองในหุ้นกลุ่มนี้แตกต่างจากอดีตที่ Buffett และ Charles Munger เคยเขียนจดหมายถึง shareholders เหตุผลการไม่เข้าลงทุนหุ้นกลุ่ม Technology อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2018-11-16/berkshire-hatha

Principle to Algorithms

นั่งอ่านข้อความของคุณ ray dalio บนทวิตเตอร์ชอบโพสล่าสุดของแกมาก เกี่ยวกับการใช้ถอด Principle ของเราในเรื่องต่างๆ ให้กลายเป็น "Algorithm" จากนั้นใช้มันช่วยพัฒนา ยกระดับการตัดสินใจ(decision making) ของเรา ใช้เพื่อการทดสอบ principle นั้นๆกับสถานการณ์ต่างๆที่เกิด, ที่สำคัญการสร้าง algorithm มีระบบชัดเจน ช่วยขจัดอารมณ์ ที่ก่อให้เกิดอคติ ในการตัดสินใจของเราได้อีกด้วย ดีกว่าการไปนั่งมโน หรือคิดไปตามความเชื่อที่ฟัง ได้รับรู้มาจากคนอื่น การคิด วิเคราะห์ เป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน จนสามา รถสร้างชุดความคิดเป็น algorithm ได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หรือเรื่องที่ไม่เกิดประโยชน์ ตรงข้ามการเรามีมุมมอง มี principle ในเรื่องใดที่ชัดเจน ถ่องแท้ การถ่ายทอดความคิด และการสร้าง algorithm มันจะไม่ใช่เรื่องยากเลย จะเริ่มจากการหัดเขียน Mindmap เรียบเรียงลำดับความคิดและสร้าง flowchart ประกอบก็ได้ สุดท้ายถ้า advance ขึ้นไปแปลง algorithm ในกระดาษเขียน code ภาษาคอมพิวเตอร์ให้เครื่องช่วยทำงาน ช่วงทดสอบ prinicple ของเรากับข้อมูล หรือ enviroment ต่างๆต่อไป

8 things I learned from Perry Kaufman

เช้านี้นั่งฟัง podcast สัมภาษณ์รายการ BST หัวข้อ Strategy Development with Perry Kaufman บรรยายแนวทางการพัฒนาระบบเทรด ไว้ดีมากหลายประเด็น จากการถามตอบกว่า 60 นาที ผมสรุปประเด็นที่น่าสนใจมาแบ่งปัน ไว้ให้ไปศึกษากันดังนี้ 1. Long Run พัฒนาระบบที่ดี ไม่ใช่แค่ดูผล Backtesting หรือ optimize ให้มีค่าสถิติดีๆ ต้องเน้นการอยู่รอดและทำงานได้จริงแบบ long run ในตลาด Kaufman บอกว่าเขาทดสอบระบบในหลาย scenario เพื่อหาค่าผลลัพธ์แบบเฉลี่ย ถ้าค่าเฉลี่ยออกมามันใช้งานได้ ไม่จำเป็นต้องสุดยอด เขาเริ่มทดลองใช้เทรดจริงในตลาด 2. keep it simple ไม่จำเป็นต้องสร้างเงื่อนไข การเทรดที่ซับซ้อน ยิ่งเยอะยิ่งยากต่อการปรับปรุง หรือวินิฉัยปัญหา เน้นเรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพ แต่ละส่วนมีบทบาทชัดเจน เช่น volatility filter มันทำหน้าที่กรองความผันผวน ซึ่งเสริมส่วนทำงานการวิเคราะห์ Trend เป็นต้น นอกจากนี้ถ้า เงื่อนไขใดซ้ำซ้อนไม่เกิดประโยชน์ ต่อผลลัพธ์ ก็ควรจะขจัดทิ้ง 3. Knowledge การพัฒนาระบบเทรด ควรเริ่มจากความเข้าใจหลักการพื้นฐาน นั้นหมายรวมการหาข้อมูล การวิเคราะห์พฤติกรรมการเป็นไป การไหลของเงิน fundflow มูลเหตุจูงใจท

Bitcoin 2018 New Low

15-11-2018 ราคา Bitcoinทำจุดต่ำสุดรอบปี หลุดแนว $6000 ไปปิดระดับ $5884 สิริรวม -10% กว่าๆ เช่นเดียวกับ cryptocurrencies สกุลหลักอื่นๆเช่น ethereum(-12.78%) ,ripple (-9.78%) , litecoin(-13.2%) สองวันแรงขายมหาศาล เข้ามาในตลาด cryptocurrency โดยเฉพาะ Bitcoin จากภาพเป็นข้อมูลสภาวะตลาดล่าสุด เทียบกับช่วง Peak ปลายปี 2017 จะพบมูลค่าตลาด cryptocurrency ลดลงมากพอควร เช่นเดียวกับระดับราคาที่ถดถอยลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงปี 2018 ส่วนถ้าจะหาเหตุผลว่าราคาลงเพราะอะไร อันนี้คงตอบยากต่างคนต่า งสำนักก็มีเหตุผลมาอธิบายกันไป สิ่งที่ชัดเจนและเป็น fact คือ แรงขาย ที่เกิดต่อเนื่องในรอบ 2 ไตรมาส คงรอติดตามกันต่อไป เครดิตข้อมูลในภาพ 20-11-2018 Bitcoin ยังลงต่อหลังหลุด $5000 คืนนี้ ล่าสุดแนว 4500 ยังเหนี่ยว แม้จะโดนเทขายลงไปช่วงสั้นๆทำ low แถว 4200 แล้วมี volume ซื้อเข้ามาซื้อพยุงต่อได้ ล่าสุดยืน $4577 ส่วนคริปโตสกุลหลัก LTC ETH กอดคอลงไม่ต่างกัน สิริแล้วสัปดาห์นี้ลงไปราวๆ -30%

บันทึกราคาน้ำมัน Nov 2018

ราคาน้ำมันดิบ ลดลงรุนแรงเมื่อคืน WTI ลบไปราวๆ -7.0% ถือว่าเป็นการถดถอยภายในวันที่มากที่สุดในรอบหลายปี ประเด็นกดดันยังเป็นเรื่องตัวอุปทานน้ำมันโลกลดลงในปีหน้า ส่วนด้าน OPEC ออกรายงานเชื่อว่าคาดการณ์ตัวเลขผลิตน้ำมันปีหน้าจากประเทศผู้ผลิตน้ำมันยังคงขยายตัว รวมถึงล่าสุดตัวเลขการผลิตจากสหรัฐ U.S. production เข้าระดับ 11.6 million barrels ต่อวัน ในช่วงเดือน พย. นี้ นวค.มองว่าอนาคตราคาน้ำมันยังไม่สู้ดี weake world demand และ oversupply บวกกับประเด็น trade war ความตรึงเครียดจะกดดันการเติบโตเศรษฐกิจโลกและการขยายการลงทุนทางธุรกิจ ด้านราคาน้ำมัน WTI จากต้นเดือน ตุลาคม ไปทำจุดสูงสุดระดับ 76.75 หลังจากนั้นมีประเด็นเรื่องของซาอุ และการวิพากษ์วิจารณ์ของปธน.สหรัฐ ราคาน้ำมันรับประเด็น sentiment ไหลลงมาเรื่อยๆพร้อมแรงขายต่อเนื่อง หลุดแนว 70 และ 60 ล่าสุดทำจุดต่ำสุดระดับ $55 ใกล้โซน price cluster เดิมที่ระดับ $53 รอบนี้แรงขายกดดันทำให้ราคาถดถอยลงราวๆ -28% ในระยะเวลา 6 สัปดาห์ จากการวิเคราะห์ข้อมูล ราคา คงชัดเจนว่าเข้าภาวะการเปลี่ยน zone ดังนั้นปรับแผน ย้อนกลับมาเทรดโซนเดิมช่วงกลางปีต่อไป

ศิลปินไส้เปียก

วันนี้นั่งคุยกับรุ่นพี่คนหนึ่ง เขากำลังกังวลกับอนาคตของลูกที่เลือกไปเป็นศิลปินวาดภาพ แทนการทำงานบริษัท สิ่งที่พี่ท่านนี้กังวลคือแกกลัวว่า อนาคตหนทางศิลปินของลูก อาจจะสร้างรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ เข้าตามสโลแกนว่าศิลปินไส้แห้ง เรื่องเดียวกันทำให้ผม นึกถึงธุรกิจหนึ่งที่ผมชอบมากจากการได้มีโอกาสติดตามดู shark tank(ตั้งแต่ซีซั่น 1-9) มันเป็นเรื่องของคุณ Steve Gadlin เขาเป็นนักวาดการ์ตูนและนักเล่าเรื่องตลก สิ่งที่เขาทำแตกต่างจากศิลปินทั่วไปคือ เขาใช้ความคิ ดสร้างสรรค์บวกกับเทคโนโลยี สร้างธุรกิจขึ้นมา อธิบายง่ายๆคือเปิดเว็บไซต์ I Want to Draw a Cat For You รับวาดภาพการ์ตูนแมว พร้อมคำบรรยายตลก(่joke)กวนๆฮาๆแบบเฉพาะ ขายให้ลูกค้าออนไลน์ โดยคิดค่าวาดภาพ $9.95 พร้อมส่งภายใน 24 ชั่วโมง ผลตอบรับดีมากเขาขายงานได้ถึง 1,200 ภาพผลงานของเขาถูกกล่าวถึงออนไลน์ ลูกค้ามีการแชร์ภาพ ส่งต่อออนไลน์ ทำให้ธุรกิจเขาเติบโต ปี 2012 Steve นำธุรกิจนี้ไปออกรายการ shark tank เพื่อหาเงินทุนมาขยายธุรกิจ หาทีมงานวาดภาพและทำระบบสั่งสินค้าทางเว็บใหม่ เขานำเสนอไอเดียและแนวคิด ให้กับเหล่า shark จนสุดท้าย Mark Cuban ยอมลงทุน $

BackTesting and Data-mining bias(Systematic Trading)

เมื่อคืนได้พูดถึงกระบวนการทดสอบระบบเทรด เพื่อทำให้เกิดความมั่นใจก่อนนำไปใช้งาน ประเด็นสำคัญที่ต้องระวังคือเรื่องของ Data-mining bias หรือการพยายามจะปรับ optimize ตัว algorithm เพื่อให้เกิดค่าที่ดีเกินจริงจากการ Over fitting กับข้อมูลที่นำมาทดสอบ หลักการประยุกต์เหมือนที่ได้แนะนำไปมีหลากหลายวิธี เช่นการใช้การสร้างใช้ Bootstrapping จำลองข้อมูล,การทำ WFA, การทำ stress testing (จำแนกการทดสอบระบบกับจุดภาวะต ลาดไม่ปกติ) สิ่งสำคัญควร focus ไปที่โอกาสของการขาดทุนและความเสี่ยงที่จะเกิดให้มาก เพราะตรงจุดนี้จะช่วยทำให้เราเตรียม tactic หรือแผนรับมือเสริมประกอบเพื่อช่วยลดผลกระทบจากการเทรดจริงได้ ดังกล่าวไปเรื่องของการ BackTesting และกระบวนการพัฒนาระบบเทรดไม่ใช่เรื่องใหม่ มี paper วิชาการที่นำเสนอเทคนิคต่างๆให้เราอ่านเยอะมากเลย ตั้งแค่ขั้นพื้นฐาน ยันขั้นสูง ลองเข้าไปดูเบื้องต้นได้จากใน link ข้างล่าง ผมคัด paper ที่ผมใช้งานประจำมาให้น้องๆได้เตรียมตัวศึกษาก่อนแข่งกัน -Pseudo-Mathematics and Financial Charlatanism: The Effects of Backtest Overfitting on Out-of-Sample https://papers.ssrn.co

Global Macro Views Q3/2018

อ่านบทความของคุณ Mark Rzepczynski CEO ของ AMPHI Research เจ้าของเว็บ Disciplined Systematic Global Macro Views เขียนเรียบเรียงภาวะตลาดและเศรษฐกิจ ล่าสุดที่ผ่านมาไว้น่าสนใจ โดยสรุป เศรษฐกิจของสหรัฐตัวเลขออกมาเติบโต เช่นเดียวกับการขยับขึ้นของอัตราเงินเฟ้อเป็นไปตามเป้าของธนาคารกลาง ปัจจุบันอยู่ช่วงต้องจับตามองต่อไป ในภาวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และผลกระทบต่อราคาสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ตลาดหุ้น พันธ์บัตร ค่าเงินดอลลาร์ เป็นต้น ล่าสุดมีการปรับตัวของราคาหุ้น ในตลาด ต่างๆของโลกโดยเฉพาะในตลาดสหรัฐ แต่ตัวเลขผลประกอบการส่วนใหญ่ของบริษัทยังออกมาดี (รอดูผลกระทบ repricing กับช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นต่อ) แต่ระมัดระวังความผันผวนที่จะเกิด ด้านทองคำและสินแร่มีค่า ราคามีการปรับตัวขึ้นมา หลังจากทำจุดต่ำสุดของปี ไปสอดคล้องช่วงตลาดหุ้นปรับตัวลง แต่ภาพรวมยังไม่มีแนวโน้มที่แข็งแรงและมีความผันผวนอยู่ ส่วนตลาด Bond ชะลอตัวมีแรงขายออกมาแต่แนวโน้มยังเป็นบวก ค่าเงิน USD แข็งแกร่งแนวโน้มบวก รับช่วงพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed อ่านเพิ่มเติม https://mrzepczynski.blogspot.com/2018/11/th

Next downturn by Nassim Nicholas Taleb

วันนี้นั่งฟังคลิปสัมภาษณ์ของคุณ Nassim Nicholas Taleb ฉายาใหม่ Black swan man ซึ่งแกสมเป็นศาสดาด้านนี้จริงเพราะมีแฟนเขียนการตูน อิงเรื่องราวของแกด้วย(อันนี้ผมยังไม่ได้อ่าน เดี่ยวอ่านจบจะมาเล่าต่อ) ประเด็นการสัมภาษณ์ค่อนข้าง Dark ตามสไตล์ความคิดเห็นแนวของแก โดยสรุปคุณ Taleb มองว่าสถานการณ์ปัจจุบันดูเหมือนจะดี แต่จริงๆมันไม่ได้ดี ระบบเศรษฐกิจ ภาคการเงินเปราะบางและอ่อนไหว มากกว่าตอนปี 2007 โดยเฉพาะถ้ามอง ในมุมของ Debt ทั้งฝั่งของ corporate และ government เรื่องหนึ่งที่แกเน้นคือการก่อหนี้ที่สูงและต้องกู้ยืมมาก โดยเฉพาะการกู้เพื่อมาใช้หนี้เก่า ทั้งรัฐบาลสหรัฐและภาคเอกชน ยิ่งมาปะทะกับช่วงต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูง มันย่อมจะทำให้เกิดความอ่อนไหว คุณ taleb เชื่อว่าคนที่ได้ประโยชน์จากการลดอัตราดอกเบี้ย สุดท้ายจะต้องเป็นคนได้รับผลกระทบหนักจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย สุดท้ายถ้าภาวะหนี้ระเบิด(เกิดDebt Crisis) ตลาดที่เชื่อมโยงกับ debt และ interest rate อย่าง อสังหา ก็จะได้รับผลกระทบก่อน ตามมาซึ่งตลาดหุ้น ยังมีประเด็นเรื่องภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ที่จะยากในการรักษาให้ตลาดหุ้น bullish หรืออย