ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

I Will Teach You To Be Rich โดย Ramit Sethi

วันนี้ระหว่างเดินทาง นั่งฟัง Ramit Sethi (New York Times bestselling author) เจ้าของหนังสือ "I Will Teach You To Be Rich" สัมภาษณ์และสนทนาในรายการ The Compound มีหลายประเด็นที่ชวนให้คิดต่อดี โดยเฉพาะเรื่อง การบริหารเงินส่วนบุคคล ที่ Ramit Sethi บอกเลยว่า เขาไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดแบบเดิมๆ ประเด็นหนึ่งที่ผมชอบคือ Ramit Sethi ชวนให้เราตั้งคำถามว่า - อะไรคือสิ่งที่เราชอบใช้เงินมากที่สุด - ลองจินตนาการว่าถ้าเราสามารถเพิ่มงบในการใช้จ่ายสิ่งนั้นเป็น 5 เท่า 10 เท่า แล้วมันจะสร้างคว ามสุขสนุกสนานได้เพิ่มตามหรือไม่ เขาท้าทายให้เราลองทำแบบนี้ จริงๆเพื่อค้นหาว่า มันมี item อะไรที่เราใช้เงินเยอะ แต่มันไม่ได้ทำให้เรามีความสุขหรือ enjoy ซึ่งคนส่วนใหญ่ จะมี 2-3 สิ่งที่หมดเงินใช้จ่ายไปมากแต่ไม่ได้ทำให้มีความสุข เมื่อเทียบกับสิ่งอื่น เมื่อพบ 2 รายการหลัก เขาก็แนะนำให้เรา ลองตัดเงินทุนที่นำไปใช้จ่ายกับมันลง เรื่อยๆ อย่างน้อยคุมได้ 10% ของรายได้ เพื่อนำเงินส่วนนั้น ไปใช้วางแผนทำอย่างอื่น เช่นการลงทุน หรือใช้ออมเงิน เพื่ออนาคตต่อไป ซึ่ง Ramit Sethi บอกว่ามันดีกว่าการมานั่งประหยัด

แนะนำ Ooca จิตแพทย์ออนไลน์

8 ปีก่อนเคยมีซีรีย์เรื่อง Web Therapy ของ Lisa Kudrow ออกฉาย เรตติ้งดีทีเดียวในอเมริกา ยังคิดเลยว่าน่าจะมีบริการแบบนี้ ในเมืองไทยบ้าง เพราะมันน่าจะช่วยคนที่มีข้อจำกัดหรือติดปัญหาในการเข้าถึง จิตแพทย์ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอาชีพ อย่างเทรดเดอร์ ที่ต้องเผชิญกับแรงกดดัน จากผลงาน(ยามขาดทุน หรือผิดหวัง) และภาวะตลาดผันผวน รวมไปถึงแรงกดดันจากครอบครัว จิตแพทย์ หรือคนที่ช่วย พูดคุยแนะนำ ทบทวนความคิดและปัญหาด้านจิตใจของเรา น่าจะช่วยลดความเครียด และความกดดัน ได้มาก วันนี้ไปเจอคลิปของ Ooca จ ิตแพทย์ออนไลน์ เป็น startup ที่น่าสนใจมาก ผมยังไม่เคยใช้บริการ แต่เดียวคงมีโอกาสได้ลอง เพราะตอนนี้น้องเทรดเดอร์ ที่รู้จักกำลังหา จิตแพทย์ เข้ามาช่วยให้คำปรึกษาอยู่ แต่ด้วยเวลาและชั่วโมงทำงาน ทำให้การไปพบแพทย์ตามโรงพยาบาล ไม่ง่าย คิดว่า Ooca น่าจะเป็นอีกทางเลือก ลองดูแนวและรายละเอียด ได้จาก link ด้านล่าง ใครสนใจลองไปโหลด app มาทดลองกัน ปล. เป็นเทรดเดอร์นี้เครียดนะครับ ถ้าไม่มี support system ด้านจิตใจที่ดี จะเป็นปัญหามาก ส่วนตัวผมเจอมาเยอะหลายรายแล้ว ที่เป็นเทรดเดอร์แล้วต้องประสบปัญหาด้านจิตใจ ป่วยทั้

The 5 books Bill Gates recommends you read this summer

หนังสือ 5 เล่มที่ Bill Gates แนะนำให้อ่าน ซึ่ง summer book list ปี 2019 นี้มีน่าสนใจหลายเล่มเลย ส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินมาก่อน(ไม่ใช่หนังสือเน้นการตลาด) เข้าไปอ่านรายละเอียดคราวๆ หมายตาเล่ม The Future of Capitalism เอาไว้ เดียวไปลองหามาอ่านดู รายชื่อหนังสือ 5 เล่มได้แก่ “The Future of Capitalism” by Paul Collier “Presidents of War” by Michael Beschloss “Nine Pints” by Rose George “Upheaval” by Jared Diamond “A Gentleman in Moscow” by Amor Towles อ่านคำแนะนำสำหรับหนังสือแต่ละเล่มจาก bill gates ได้ที่ https://www.cnbc.com/2019/05/20/bill-gates-2019-summer-reading-recommendations.html

ย้อนอดีต รำลึกความหลังกับ บันทึกการเทรด

เทรดเดอร์ค่าเงินรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จัก Effi lang แต่ชื่อของเทรดเดอร์ค่าเงินชาว บัลแกเรีย ในอดีต ก็เป็น อีกท่านที่ถ่ายทอดแนวคิดการเทรด และการบริหารพอร์ตแบบเรียล ดีๆ ไว้เยอะ สมัยก่อนเฟสบุ๊คไม่มีไม่ฮิต เวลาหาความรู้ หรือแกะระบบเทรดไปที่ forexfactory ซึ่งในนั้นมีเทรดเดอร์ฝรั่งเก่งๆ ไม่น้อยที่มาให้ความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ ผมเองเรียนเทคนิคการเทรด scalping มาจาก Effi lang เยอะมาก เขาอธิบายไอเดียและตัวอย่างได้น่าสนใจหลายประเด็น เช่นเทคนิคฝึกเก็บ  Pips แล้วใช้ leverage ที่เหมาะสมสร้าง payoff แปรผันไปตามช่วงความเสี่ยงและโอกาส ของตลาดที่เกิด เป็นต้น(ไม่ใช่ต้องไปนั่งปวดหลัง เทรดเก็บกำไรน้อย เก็บสั้นได้ผลตอบแทนต่ำเสมอไป ขณะเดียวกันก็ไม่ไปโลภ over trading เกินไป) หลายเรื่องแม้จะเก่าผ่านไป สิบกว่าปี แต่มันก็ยังนำมาปรับประยุกต์ใช้ได้ในตลาด fx ปัจจุบัน The fastest way to success is a disciplined plan. So take a day, a week a month a year if you have to, but write a plan and keep a diary, because that’s the fastest way to mature as a trader. , Effi lang 2009

How the Tech Giants Make Their Billions

ข้อมูล รายได้จากธุรกิจ ของเหล่าบริษัทยักษ์ IT พร้อมการแสดงแบบ infographic จาก  visualcapitalist.com  โดยบริษัทของสหรัฐ Microsoft, Apple, and Amazon ต่างมีมูลค่าแตะระดับ $1 Trillion จากข้อมูลบริษัท Facebook , Alphabet(หรือ Google) รายได้หลักมาจากการขายโฆษณา, ด้าน amazon รายได้หลักมาจาก online store ,ส่วน Microsoft รายได้หลักมาจากผลิตภัณฑ์ของ WIndow OS, Office และ Azure clould service โดยบริษัทที่มี revernue สูงสุดนั้นคือ Apple ที่ 265.6 billionจากข้อมูลที่รายได้หลักมาจากการขาย Iphone (63% หรือ 166.7 billion) แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ Apple มีตลาดในจีน สัดส่วนสูงถึง 20% ต่างจากบริษัท Tech อื่นๆที่เรียกว่ามีส่วนแบ่งในจีนน้อยมาก ดังนั้น ถ้า trade war ระหว่างสหรัฐและจีน ประทุแรง Apple คงหนีไม่พ้นที่โดนผลกระทบไปด้วย ซึ่งตอนนี้วิบากกรรมไปตกกับ Huawei ของจีนที่โดน สหรัฐเล่นงานอย่างหนัก อ่านเพิ่มเติม https://www.visualcapitalist.com/how-tech-giants-make-billions

5 things I learned from Mother Roaster

โพสก่อนหน้าเรื่อง Mother Roaster มีหลายคนชวยคุยต่อเยอะ Key Takeaway สำหรับผมนะ 1. เริ่มจากที่ชอบ ป้าบอกชัด ป้าชอบกินกาแฟ เริ่มจากตรงนั้น 2. หาจุดแตกต่าง  ไม่เหมือน ไม่ทำตามใคร กลายเป็น indy ไปเอง ป้าใช้ข้อจำกัดเรื่องเงินทุน มาเป็นจุด pivot เลือกแนวทางแบบ แมนนวล ลดต้นทุนค่าเครื่องชงหลักแสน จับตลาด นีช ป้าค่อยๆทำ แต่มีอุปกรณ์ชงหลากหลายวิธี เม็ดกาแฟ หลายสิบสายพันธ์ ซึ่งร้านใหญ่ที่เน้นขายเยอะ ขายเร็วคงทำแบบป้าไม่ได้ 3. จำกัดความเสี่ยง ป้าเลือกทำเล ที่ดี ใกล้ MRT ใกล้โรงเรียน อยู่ริมถนนสายหลัก แต่เปิดร้านไม่ใหญ่ เป็นแค่ stand ไม่มีที่นั่ง ไม่ติดแอร์ ไม่เสียค่าเช่าแพง ไม่ต้องตกแต่งอะไรมากมาย ไม่ต้องจ้างพนักงานเยอะ 4. อายุ 60 ไม่สายที่ลงมือทำ เชื่อว่าก่อนหน้า ป้าคงทำอะไรมาหลายอย่างก่อนจะมาเปิดร้านกาแฟ  มาเรียนชงกาแฟสดแบบสมัยใหม่  ในวัยเกิน 60  ถ้าชอบ ถ้าอยากทำ บางทีไม่ต้องรีบลาออกจากงาน หรือกู้เงินหลายล้านมาทำก็ได้ ค่อยสะสมเงินทุน ค่อยๆเรียนรู้ กันไป 5. จบ... คำพูดป้า มันชัดเจนในตัว เรียบเรียงความคิดชัดเจนมาก ฟังจากหลายสัมภาษณ์ ป้าเชื่อมั่นในแนวทางและแกก็ลงมือทำ ในแบบที่เหมาะสมกับทางขอ

Happy Trader & The wealth of Sapiens

- Financial wealth (เงิน,ทางเลือกในการซื้อสิ่งต้องการ) - Social wealth (ชื่อเสียง/การยอมรับ) - Time wealth (เวลา+อิสระภาพ)  - Physical wealth (สุขภาพ: กาย&จิต) สามปีที่แล้วผมทำคลิปเรื่อง Happy trader ครบรอบ 11 ปีในการเทรด บางคนฟังแล้วบอก ไร้สาระ ไม่เป็นไรไม่ว่ากันแต่อยากชวนให้พิจราณาการเป็น เทรดเดอร์ ต้องนั่งเทรดทั้งวันทั้งคืน ทำงานหนักเกินไป อาจจะได้เงินเยอะ แต่อาจจะสูญเสีย เรื่อง "เวลา" และ "สุขภาพ" สุดท้ายก็ไม่ work เพราะไม่ว่าจะ เวลา หรือสุขภาพ ล้วนเมื่อสูญเสียไปแล้ว มันหาคืนไม่ได้ ต่างจาก "เงิน" ที่ขาดทุน ยังหาโอกาสแก้คืนกลับมาได้ ดังนั้น ทั้ง 4 ข้อด้านบนคือโจทย์ใหญ่ของการเป็นเทรดเดอร์ (หรือประกอบอาชีพใดๆก็ตามในโลกนี้) เราจึงจำเป็นต้องวางแผน หรือหาทางที่จะ optimize ให้ เกิดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด บนความพอดี ความเหมาะสม (ไม่ได้แปรว่าไม่ต้องขยัน หรือทำงานหนัก แต่ต้องทำอย่างฉลาดและพอดี) ในทั้ง 4 ตัวแปร  ซึ่งส่วนใหญ่ จำนวนไม่น้อยอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือสนใจ เพราะบางทีเรามุ่งเน้นไปที่ "เงิน" โดยเข้าใจว่า เงิน คือ ความม