ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2017

Bull/Bear Ratio

ปี 2017 นี้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 ร้อนแรงมาก +19.45% ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดกลุ่มนำตลาดส่วนใหญ่ก็ยังออกมาดี เช่นเดียวกับ story ประเด็นการลดภาษี ของโดนัล ทรัมป์ ที่ตอนนี้เหมือนจะเป็นสิ่งที่ตลาดสหรัฐ กำลังจับตามองมาก หลังจากเป็นเชื้อเพลิงจุดชนวนพลักดันดัชนีมาตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งปลายปีที่แล้ว ซึ่งปัจจุบันตามรายงานข้อมูลเจ้า Bull/Bear Ratio ของตลาดสหรัฐอยู่จุดสูงสุด Bull/Bear Ratio เป็น market-sentiment indicator แนวคิดเบื้องหลังก็ไม่ซับซ้อน เป็นการหา ratio  ที่สะท้อนมุมมองของ นักวิเคราะห์ กูรู และเซียน ต่างๆ โดยเป็นการเทียบระหว่างฝั่งที่มองว่าอนาคตดัชนีตลาดจะขึ้นต่อ(Bull) หรือ ตลาดปรับตัวลง(Bear) บางสายเขานำ weight ความนิยมในการเป็นผู้นำจิตวิญญาณของ นักวิเคราะห์ หรือกูรู คนนั้นๆมาคำนวณประกอบด้วย (แนวคิดนี้มีบริษัท startup ทำ data analysis +NLP จริงจังและทำเป็น application ขายบริการเลยนะครับ) สูตรการคำนวณก็ตามภาพด้านล่างเลย ส่วนการตีความก็ตรงไปตรงมา ถ้าออกมา positive แปลว่า market sentiment ค่อนข้างดี ยังมีความคาดหวังและแรงเชียร์ต่อ ตรงนี้บางตำราแนะนำให้ใช้ร่วมกับการ

Bath bomb จากโครงงานวิทย์สู่ธุรกิจเงินล้าน

4 ปีที่แล้ว สองสาวพี่น้อง Caroline และ Isabel Bercaw วัย 10 , 11 ปีเริ่มต้นทำ Bath bomb ในโครงงานวิทยาศาสตร์ ด้วยความสนุกและรักการทดลอง ทำให้สองพี่น้องตัดสินใจ เปลี่ยนการทำ Bath bomb ให้กลายเป็นธุรกิจเล็กๆ ด้วยการยืมเงินจากคุณพ่อ $350 ลงมือผสม ผลิตพัฒนาสูตรและสร้าง Bath bomb สีสันต่างๆกลิ่นต่างๆใช้เวลาสามเดือนผลิตจำนวน 150 ลูกออกขายในบูทเล็กๆ ตามห้างสรรสินค้า และงาน art fair ทั้งสองยังคงต้องเรียนหนังสือจึงใช้เวลาว่างผลิตสินค้าเพื่อออกขายในวันหยุด ด้วยความชอบทดลองผสมสีสัน แ ละสร้างกลิ่นต่างๆ บวกกับาการสนับสนุนของ พ่อและแม่ของสองพี่น้อง เธอเปิดบริษัท DaBomb Fizzers และดำเนินธุรกิจเป็นทางการเมื่อ 2 ปีก่อน มาวันนี้ธุรกิจของเธอเติบโต ผลิตสินค้าออกขายราว 500,000 ลูกต่อเดือน ธุรกิจโตมีมูลค่าหลักหลายล้านเหรียญ(multi-million dollar) กลายเป็นเจ้าของธุรกิจเงินล้านตั้งแต่ยังไม่จบ มัธยมปลาย สองพี่น้องยังคงสนุกในการทดลอง และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาต่อเนื่อง เธอให้สัมภาษณ์ในรายการว่าแม้เรียนจบอนาคตยังคงคิดจะทำธุรกิจนี้ต่อไป ปล. มีลูกมีหลานก็สอนให้คิด ให้เห็นคุณค่าของเงิน หรือหัด

Volatility and the Alchemy of Risk

วันนี้ผมมีโอกาสได้อ่าน research paper เรื่อง “Volatility and the Alchemy of Risk” เขียนโดย Christopher Cole แห่ง Artemis Capital Management เขานำเสนอประเด็นที่น่าสนใจหลายเรื่อง โดยเฉพาะความเสี่ยงในภาวะ low volatility ซึ่งประเด็นร้อนเรื่อง Global Short Volatility Bubble ที่อาจจะเกิดในช่วงนโยบายทางการเงิน แบบพิเศษไม่ปกติเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลาง ชาติใหญ่ๆของโลก ผู้เขียนนำเสนอประเด็น ความเสี่ยงในภาวะ low volatility ใน asset ทำให้ผู้เล่นรายใหญ่ใช้ leverage ในการ betting  บนราคาสินทรัพย์ในทิศทางเดียวกัน จนปัจจุบันมูลค่าโตกว่า $2 trillion บทความเทียบ สถานการณ์ปัจจุบัน กับช่วงที่เกิด Black Monday 1987 ยุคตลาดขาขึ้น พร้อมกับทิศทางขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ย หลังเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว จากการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ นอกจากนี้ยังโยงไปถึง 4 องค์ประกอบสำคัญของความเสี่ยงคือ การเพิ่มของ volatility, gamma risk, ค่า correlation ที่ไม่คงตัวระหว่าง asset class และการเพิ่มของ interest rates ประเด็นมันละเอียดอ่อน และเป็นมุมมองเฉพาะ ตรงนี้อาจจะไปตรงข้ามกับความคิดคนทั่วไป ดังนั้นผมไม่ขอแปล