ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ investment

เมื่อหุ้นโดนน้ำท่วม

ชั่วโมงนี้ถ้าไม่พูดถึงเรื่องน้ำท่วมคงจะเฉยไปแล้ว โดยเฉพาะหับคนกรุงเทพ ที่เฝ้ารอการมาถึงของน้องน้ำอย่างใจจดใจจ่อว่าจะเข้ามาถึงบ้านเมื่อไหร่ ผมว่าวิกฤตครั้งนี้มันสะท้อนหลายสิ่งหลายอย่างออกมาทั้งมิติเรื่องสังคม(อีกพวกให้ปิด อีกพวกให้เปิดประตูน้ำ เปิดคันกั้นน้ำ ทะเลาะกัน ตีกัน ยิงปืน ปิดถนน) และการเมือง(ทั้งการเมืองท้องถิ่นและการเมืองระดับประเทศ ที่ขยันเล่นการเมืองท่ามกลางความเดือดร้อนของประชาชน) รวมถึงเรื่องการบริหารจัดการและการเตรียมรับมือกับภัยพิบัติ ที่เมืองไทยยังขาดเรื่องนี้อยู่มาก  ผมเองก็ไม่คิดว่าชีวิตนี้จะมีโอกาสได้เจอกับภัยพิบัติและมีโอกาสได้เป็นผู้อพยพ จากบ้านที่อยู่มานานหลายสิบปี ก็คราวนี้เอง มีโอกาสได้เป็นส่วนหนึ่งของภัยพิบัติ ที่เกิดก็เป็นประสบการณ์ที่ดี มันทำให้เราได้มีสติ เตือนให้เราไม่ประมาท ผมเองมีโอกาสได้เห็นรถขันละหลายล้านบาท บ้านหลังละเกือบยี่สิบล้าน รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมมูลค่าหลายหมื่นล้าน จมไปกับน้ำ ทำให้รู้เลยว่าทรัพย์สินนั้นเป็นสิ่งที่ไม่จีรังยั้งยืน ใครจะคิดว่าสักวันเราจะพ่ายแพ้กับพลังธรรมชาติ พลังที่เราเคยภูมิใจว่าเราสามารถควบคุมและใช้ประโยชน์จากมันได้  ในวิกฤตินี้

วัยรุ่นพันล้าน#2

ตอนที่แล้ว เนื่องจากเขียนถึงเรื่องราวของวัยรุ่นที่อยากเอาดีบนถนนสายการลงทุน ผมมีอีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าสนใจ ของเทรดเดอร์รุ่นใหม่ที่ใช้ความมุ่งมั่นในเล่นหุ้น เริ่มลงทุนตั้งแต่เรียนจบมหาวิทยาลัย เขาใช้เวลา 8 ปีสร้างตัวเองให้มีเงินระดับพันล้านบาทจากเงินออมเริ่มต้น ชายคนนี้คือ Kotegawa Takashi นักเก็งกำไรชาวญี่ปุ่น ลองอ่านเรื่องราวของเขาเพื่อว่าจะได้เป็นแรงบันดาลใจในการลงทุนต่อไปครับ นักลงทุนรายย่อยคนนี้พึ่งจะอายุ 29 ปี แต่ทว่า พอร์ตของเขามีมูลค่าสูงถึง 19,000,000,000 เยน หรือประมาณ 5,700,000,000 บาท หนุ่มคนนี้คือ Kotegawa Takashi หนุ่มน้อยคนนี้มีชือเรียกอีก 2 ชื่อ คือ BNF และ J-com otoko (นายเจคอม) BNF เป็นชื่อที่เขาใช้เรียกตัวเองเวลาเขียนตอบกระทู้ในเว็บไซด์ 2 channel (คล้ายกับ พันทิพย์ บ้านเรา) ส่วน J-com otoko นั้นเป็นชื่อที่นักข่าวเรียกเขาจากการที่เขาสามารถทำกำไรจากการเทรดหุ้น j-com ประมาณ 600 ล้านบาทภายในเวลาสิบกว่านาทีและทำให้เขามีชื่อเสียงรู้จักไปทั่วเพียงข้ามคืน ชื่อของBNF เป็นข่าวครั้งแรกเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2005 เมื่อผู้รับชอบการซื้อขายหุ้นของ Mizuho Securities ออกคำสั่งขา

วันรุ่นพันล้าน#1

มีน้องคนหนึ่งเป็นสมาชิกใน fanpage เขียน email มาคุยเรื่องหุ้น น้องคนนี้มีความรู้สึกว่า กำลังจะเรียบจบ ม.ปลาย แต่เขาไม่อยากทำงานประจำ อยากเล่นหุ้นอยู่บ้าน โดยน้องเขามีวิธีคิดที่เหมือนใครหลายคนที่ผมรู้จักมาคือ คิดจะเล่นหุ้นเก็งกำไรให้ได้ผลตอบแทนวันละ 300 - 500 บาทให้พอเป็นค่าใช้จ่าย และเป็นเหมือนช่วงการฝึกเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเป็นเทรดเดอร์ พันล้านในอนาคตต่อไป ผมชอบแนวคิดของน้องคนนี้จัง มันมีความฝันความทะเยอทะยานและความสดซ่อนอยู่ในข้อความที่เขียนมาปรึกษา นึกถึงเรื่องของเถ้าแก่น้อย ในหนังวัยรุ่นพันล้าน เรื่องราวของคนที่อยากรวย อยากก้าวหน้า ตั้งแต่วัยรุ่นกระทง มันเป็นเรื่องที่ดีน่ายกย่อง แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องสำเนียกคือ ชีวิตจริงมันไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ก่อนจะประสบความสำเร็จ ยังไงก็ต้องมีโอกาสลิ้มรสความล้มเหลวได้เสมอ ผมขอนำเอาข้อเสนอแนะที่ผมเขียนตอบน้องคนนี้ไปมาเรียบเรียงไว้ในบล๊อคของผม เพื่อว่าจะมีวัยรุ่นคนไหนที่อยากได้คำแนะนำแนวนี้ไปลองปรับใช้ดู ความกดดันจากคนรอบข้าง ผมว่าการที่เราอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ทำงานนี้ เราอาจจะต้องหาคำตอบให้กับครอบครัว เพื่อนบ้าน ตลอดจนคนอื่นๆที่มักถามเราว่าทำงานอะ

ลาออกมาเล่นหุ้นอย่างเดียว ดีไหมครับ???

ขอนำคำตอบของคำถามจากน้องคนหนึ่ง ที่ส่งข้อความเข้ามาถามผมว่า "จะลาออกมาเล่นหุ้นอย่างเดียว ดีไหมครับ???" มาแชร์ให้เพื่อนๆได้อ่านกัน เพราะผมคิดว่าหลายคนที่เคยได้กลิ่นหรือลิ้มชิมรสของเงินจากตลาดหุ้นมาแล้ว ล้วนมีความคิดแบบนี้ 

ลงทุนให้เหมาะกับอาชีพ

วิชาชีพ คำนี้คือคำสองได้แก่  “ วิชา ” + ” อาชีพ ” คำที่มาเจอกันและผสมกัน มีความหมายแบบสามัญว่า มันคือวิชาที่เราใช้หาเลี้ยงชีพ ทั้งชีพของเราและชีพของครอบครัว เป็นวิชาที่ผสมกับหยาดเหงื่อแรงงาน บวกเวลาอันมีค่า เพื่อนำไปแลกกับเงิน มาใช้ในการดำรงชีวิตในสังคม ทุกคนที่ทำงานแลกเงิน ล้วนแล้วต้องมีวิชาชีพ ไม่ว่าจะจบมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษาใดๆหรือไม่จบ เพราะทุกคนที่มีอาชีพล้วนผ่านการเรียนรู้ทักษะที่ใช้ในการประกอบอาชีพ ทั้งจากการเรียนในห้องเรียนและเรียนโดยตรงจากการปฏิบัติงาน ซึ่งยิ่งมีชั่วโมงบินสูงๆมีอายุการทำงานสูงๆวิชาชีพท่านยิ่งกล้าแข็ง เก่งกล้า ทำงานแลกเงิน แต่แน่นอนว่า การนำวิชาชีพไปแลกเงินเดือนที่ดูเหมือนจะน้อยนิดเมื่อเทียบกับต้นทุนทางสังคมที่ต้องจ่าย ทั้งค่าเสื้อผ้า ค่ารถ ค่าคอนโด รวมถึงโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ มันทำให้การมองเห็นอนาคตอันสดใสริบหรี่เต็มที่ ยิ่งพยายามเอาเวลาที่มีค่าไปแลกเงินมามากเท่าใด ความสุขในชีวิตก็ยิ่งลดลง ดังนั้นจะดีแค่ไหนที่เราสามารถเอาวิชาชีพที่ร่ำเรียนมา หรือมีความชำนาญ ไปใช้ในการสร้างผลตอบแทนทางการเงินด้วยการลงทุนในตลาดหุ้น มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า อาชีพที่ทำท

คุณหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่า???

บ่อยครั้งที่ผมมักเจอนักลงทุนรายย่อยหลายคน active กับการเล่นหุ้นมากจนรู้สึกว่ามันเยอะไป อันนี้ผมไม่ได้คิดจะตำหนิว่าไม่ดี แต่อยากนำมาตั้งคำถามและชวนให้คิดกัน ถ้าคุณเข้าข่าย ตั้งหน้าตั้งตาจะหาหุ้นเด็ดเพื่อซื้อมาครอบครองทุกวัน ลองมาปรับเปลี่ยนวิธีลงทุนดูหน่อยไหมครับ เล็กสั้นขยัน Match ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า อาการที่คนส่วนใหญ่เป็นมักจะเป็นการอยากทำกำไร อ๊ะ!! แล้วผมไม่เป็นหรือ ผมก็เป็นแต่โรคอยากทำกำไรมากจัด มันเหมือน การเสพติดความสำเร็จ ได้เท่าไหร่ไม่สำคัญขอให้ได้ก็ สุโค่ยแล้ว อิ่มเอิบใจเอาไปอวดเพื่อนๆได้ จะเสี่ยงแค่ไหนไม่เป็นไรขอแค่ไม่อยากตกรถก็พอ  บ่อยครั้งเราจะเห็นคนที่พยายามหาหุ้นมาเล่นได้ตลอดเวลา ประมาณว่า พอร์ตไม่แห้งกันเลยทีเดียว ออกแนว money never sleep  อยากซื้อขายหุ้นทุกวัน ได้ match แล้วมีความสุข เหมือนประหนึ่งว่าฉันขยันทำงาน  ผมเองกลับคิดว่ามันอันตรายนะ เพราะเมื่อเรามีความคิดแบบนี้ มันส่งผมให้เกิดการอยากซื้อหุ้นมาก จนเรามองข้ามความละเอียด และเกิดความประมาทไป ทำให้ไม่มีความอดทน ไม่รู้จักรอ จิตใจเราจะรวนเรเกตุง ไปตามคำชักชวน คำบอกเล่าของคนอื่นๆ ประมาณว่าตัวไหนดี พี่เอาหมด ซื้อไปแล