ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

จดหมายอำลานักลงทุนของ Andrew Lahde

บางครั้งมันเป็นเรื่องของเวลา ที่จะพิสูจน์ความเชื่อ ความเชื่อในการพึ่งพาตนเองและการลงทุนแบบพอเพียง ยั่งยืน การลงทุนที่ไม่ทำให้ชีวิตเรา เคร่งเครียดหรือเหนื่อยเกินไป การไม่วิ่งตามความโลภหรือเงาของชิ้นเนื้อในน้ำ แม้แต่ฝรั่งในโลกทุนนิยมยังเริ่มคิดได้  ขอนำบทความแปลดีๆของ คุณ Sarinee Achavanuntakul  คนนี้ก็เป็นนักเขียนในดวงใจผมอีกคน ยังไงลองอ่านดูนะครับ  Andrew Lahde ผู้ก่อตั้งและบริหาร Lahde Capital Management เป็นหนึ่งในผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์ (hedge fund) น้อยรายที่พยากรณ์วิกฤตซับไพรมถูกต้องก่อนเกิดเหตุ และทำไรมหาศาลจากการเก็งดังกล่าว (เช่น ด้วยการชอร์ตหลักทรัพย์ที่อิงซับไพรม) กองทุนของเขากองหนึ่งทำกำไรได้สูงถึง 870% ในปี 2007 – หนึ่งในอัตรากำไรสูงสุดตลอดกาลของธุรกิจเฮดจ์ฟันด์ ในเดือนตุลาคม 2008 เขาได้ประกาศอำลาวงการ ยุบเลิกกองทุนทั้งหมดภายใต้การบริหารจัดการ คืนเงินให้กับนักลงทุน ต่อไปนี้เป็นจดหมายถึงนักลงทุนฉบับสุดท้ายของ Andrew Lahde ที่ตีพิมพ์ใน Financial Times: Letter: Andrew Lahde, Lahde Capital Management แปลจาก จดหมายของ Andrew Lahde 17 ตุลาคม 2551 วันนี้ผมไม่ได้เขียนมาเพื่อคุยทับ เมื่

น้ำผึ้งในช้อนกาแฟ

ผมมักเจอปัญหาแบบนี้บ่อยๆมากคือแยกไม่ออกระหว่างการเรื่องการขอคำปรึกษากับการขอหุ้นเด็ด หลายท่านเข้ามาขอคำปรึกษาเรื่องการลงทุนในหุุ้น ผมก็พยายามแนะนำไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคนิคหรือเรื่องพื้นฐาน เท่าที่ตนเองจะรู้ ช่วยเต็มที่ แต่ที่หลายคนมักไม่เลือกที่จะขอความรู้ แต่เลือกที่จะขอหุ้น ราวกับผมเป็นอาจารย์ใบหวย คิดง่ายๆนะครับถ้าผมรู้ว่าหุ้นตัวไหนจะขึ้นเยอะๆผมคงรวยไปแล้ว ไม่ต้องมาทำงานให้ลำบาก คนอื่นๆก็เช่นกันถ้าเขารู้อนาคต รู้ในสิ่งที่ยังไม่เกิดเขาไม่มาลำบากทำงาน หาเงินหรือนั่งเล่นหุ้นหรอกครับ ดังนั้นส่วนมากที่ให้หุ้นก็คือเดาแบบมีหลักการนั้นแหละ ผิดบ้างถูกบ้าง พอผิดก็มีเหตุผลมาแก้ตัวต่างๆนานา ดังนั้นเล่นหุ้นหรือลงทุนอย่าไปเดา ทดลองทำตามระบบที่เราคิด และอยู่กับปัจจุบันดีที่สุด แต่ประเด็นมันอยู่ที่ คนส่วนใหญ่มักคิดที่จะรวยแบบรวดเร็ว การได้หุ้นเด็ด หุ้นแรง ซื้อปุ๊บก็รวย แต่ถามว่าซื้อ 10 ครั้งจะแจ๊คพอต ได้ถึง 5 ครั้งหรือเปล่า ???  ที่สำคัญเมื่อเสียแล้ว เรามักจะเสียติดๆกัน เมื่อเสียแล้วแมงเม่ามักจะติดดอยไม่ค่อยคัดลอส ทำให้เงินทุนก็ลดลง โอกาสกลับมาก็ยาก  การมีความรู้การเข้าใจวิธีคิดและความสามารถในการบริ

เมื่อ IDOL กลายมาเป็น CEO

ผมเชื่อเสมอว่าชีวิตหนึ่งของคนเราที่เกิดมา ย่อมต้องมีความฝัน ความฝันทำให้เรามีเป้าหมาย และที่สำคัญเราต้องมีต้นแบบหรือ IDOL ของตัวเอง จริงๆแล้ว IDOL ของเราก็ไม่ได้ต่างกับซีม่าโรชั่นที่คันก็ต้องทา มันมีความจำเป็นในช่วงเวลาชีวิตที่ท้าทาย ช่วงชีวิตที่เรากำลังค้นหาความหมาย ค้นหาเข็มทิศ สำหรับผมมันคือช่วงชีวิตที่ออกมาจากรั้วมหาวิทยาลัย มาเจอกับโลกความจริง ถ้าเราไม่มีหลัก ไม่มีคนสอนวิธีคิดผมเชื่อว่าการเดินทางมาถึงวันนี้คงยาก ถ้าท่านบ้านรวย พ่อแม่สปอยให้ได้ การที่ต้องขวนขวายหาอนาคตอาจจะไม่จำเป็น แต่ถ้าเป็นเพียงคนต่างจังหวัดธรรมดาที่เข้ามาหาโอกาสดีๆในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพ การมีเป้าหมายและกลยุทธในการดำเนินชีวิตผมคิดว่าจำเป็น บางครั้งการตั้งเป้าหมายอาจจะไปไม่ถึงก็ไม่เป็นไร แต่เมื่อมีเป้าหมายย่อมต้องมีเส้นทางที่ก้าวเดินไป เส้นทางนั้นจะทำไม่ให้เราหลงทาง หลงทางไปกับแสงสีและความสนุกกินไอของทุนนิยมที่ทำให้เราติดกับ ถ้านึกไม่ออกว่ามันเป็นยังไง ผมอยากให้ลองมองตัวละครที่สร้างความสุขหรรษาให้เราทุกวันพฤหัสในเรื่อง "เป็นต่อ" ถ้ามองคนที่สนุกแต่ไม่มีการวางแผน ตัวละครที่สะท้อนได้เด่นชัดน่าจะเป็น ไอ้วอ

ฝน ฟ้าและกาแฟ

เมื่อวานก่อนผมมีโอกาสได้นั่งกินเอรสเปรสโซ่ของร้านกาแฟเล็กๆร้านหนึ่งที่บังเอิญรู้จักกันตอนเมื่อตอนที่กำลังวิ่งหนีฝน ร้านเล็กๆไม่สะดุดตาที่ผมใช้นั่งหลบฝนนี้มีเจ้าของร้านน่ารักใจดี ยอมปิดร้านช้ากว่าทุกวันเพื่อให้ลูกค้าขาจรอย่างผมได้นั่งหลบฝน ด้วยความที่เป็นลูกค้าคนเดียวเลยมีเวลาได้สัมผัสบรรยากาศของร้านอย่างเต็มที่  ผมชอบความที่ร้านเป็นร้านเล็ก มันดูง่ายๆสบายๆดี ชอบความละเอียดและความใส่ใจของเจ้าของร้านที่ทำหน้าที่เป็นบาริสต้า และเด็กเสริฟด้วย เข้าตำราน้อยแต่มาก วันนั้นเลยได้กาแฟอุ่นๆช่วยบรรเทาความหนาวของอากาศ กาแฟที่จะชงกาแฟที่อร่อยๆเหมือนการทำงานเป็นทีม กาแฟต้องดี คนคั่วต้องเก่งสามารถรู้ถึงวิธีการคั่วเม็ดกาแฟที่แตกต่างกันไปตามสภาวะอากาศและฤดูกาลปลูก กาแฟพันธุ์เดียวกันแต่อากาศต่างกัน รสชาติกาแฟก็ต่างไป ร้านนี้เป็นร้านที่แปลกดี ผมไม่ค่อยเห็นใครใช้กาแฟอิตาเลียนเบรนด์ทำกาแฟเอสเปรสโซ่แก้วละ 45 บาทขาย นับว่าเป็นลาภปากจริงๆ กาแฟดีต้องตั้งใจทำตั้งแต่ บด อัด ชง วันหลังจะมาโม้รายละเอียดให้ฟัง แต่ความน่าสนใจของพี่สาวบาริสต้าร้านนี้คือ พี่เค้ามีวิธีการอัดกาแฟแบบตั้งใจจริงๆ บ่งบอกได้ถึงความละเอียดและค

หนัก เบา ช้า เร็ว

ช่วงนี้มีแต่คนบ่นว่าขาดทุนบ้างล่ะ ตกรถบ้างล่ะ เพราะตลาดผันผวนมากมายไปตามปัจจัยต่างๆภายนอก นี้ยังไม่นับช่วงเดือนเม.ย วิปโยคที่มักจะมีหมู่มวลม๊อบออกมาชุมนุมอีก ไม่รู้ว่าอนาคตทิศทาง SET จะสดใสซาบซ่าอยู่หรือเปล่า บวกกับมาเจอเรื่องร้ายๆแบบภัยพิบัติที่ญี่ปุ่น รวมถึงการระเบิดของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่ามีโอกาสจะรุนแรงแบบ เชอร์โนบิล ที่สร้างความเสียหายระยะ 30 กิโลเมตรเกิดจากการรั่วไหลของกัมตภาพรังสี แต่ความเสียหายอาจจะบรรเทาได้จากการเตรียมรับมือและวินัยของคนญี่ปุ่น ที่มีความพร้อมและมีการปฏิบัติที่เป็นระเบียบ สิ่งที่หนีไม่ได้คือความเสียหายทางเศรษฐกิจที่อาจจะมีมูลค่าสูง ยิ่งถ้าต้องมีการอพยบคนในเขตใหญ่แบบเมืองโตเกียว นี้แหละครับสิ่งที่อนิจจัง ไม่เที่ยงใครจะเชื่อว่าประเทศของโดเรมอน ที่มีความพร้อมและความเจริญทางเทคโนโลยีระดับต้นๆของโลกต้องเผชิญกับการทดสอบจากธรรมชาติที่รุนแรงขนาดนี้ คนไทยอย่างผมคงได้แต่เอาใจช่วยให้ผ่านเรื่องร้ายๆนี้ไปได้ด้วยดี อย่ารีบวิ่งเดี่ยวจะล้ม ผมพบว่าคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาลงทุนมักจะพึงพอใจกับการได้กำไรก้อนใหญ่ หรือเศร้าเสียใจกับการขาดทุน ซึ่งในภาวะตลาดแบบ non t

การแก้ปัญหาอินเตอร์เน็ตเบื้องต้น

เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็มี โทรศัพท์จากน้องสาวคนสวย มาขอคำปรึกษา ตอนแรกนึกจะถามเรื่องหุ้น แต่ที่ไหนได้คุณน้องถามเรื่องอินเตอร์เน็ต เพราะกำลังจะตั้ง Bid หุ้นห่านทองคำ แต่ที่ไหนได้ดันต้องนั่งมาเซ็งห่าน เพราะ อินเตอร์เน็ตไม่อำนวย กว่าจะโทรไปบอกมาร์ให้ตั้งซื้อให้ ราคาก็วิ่งไปแล้วหลายช่อง สุดท้ายต้องตัดใจเป็นอันชวดเก็บหุ้นในราคาที่ต้องการไปเลย ผมว่าเหตุการณ์แบบนี้หลายท่านที่เป็นนักลงทุนรุ่นใหม่ที่ใช้บริการเทรดหุ้นทางอินเตอร์เน็ตต้องเจอ ปัญหาแบบนี้ยียวนชวนเซ็งได้พอๆกับตอนแม่ข่ายของโบรกเกอร์ล่ม แต่ต่างกันตรงทีตอนนี้อาจจะไม่รู้ไปฟาดงวงฟาดงากับใคร แถมไม่มีเพื่อร่วมชะตากรรมอีก ยิ่งถ้าเป็นช่วงกำลังจะขายหุ้นในราคาที่ตั้งใจ แล้วดันพลาดช่วงสำคัญสัก 10 นาที ราคาอาจจะไหลลงไปแล้วหลายช่อง ทำให้กำไรลดลงได้มากโขทีเดียว วันนี้ผมมีเทคนิคการแก้ปัญหา และการตรวจสอบปัญหาเบื้องต้นง่ายๆมาฝากกัน ตรวจสอบเบื้องต้นว่าปัญหาคืออะไร สิ่งแรกที่ควรทำคือการตั้งสติ และพยายามหาปัญหาเบื้องต้นให้ได้ว่ามันมีปัญหาอะไรบ้าง และอะไรมันใช้ไม่ได้ อย่าไปร้องแร่แห่กระเชิงว่า "เน็ตเสีย เน็ตเสีย" ถึงท่านจะโทรไปถามช่าง ไปบอกเจ้าห

คุณหมกมุ่นเกินไปหรือเปล่า???

บ่อยครั้งที่ผมมักเจอนักลงทุนรายย่อยหลายคน active กับการเล่นหุ้นมากจนรู้สึกว่ามันเยอะไป อันนี้ผมไม่ได้คิดจะตำหนิว่าไม่ดี แต่อยากนำมาตั้งคำถามและชวนให้คิดกัน ถ้าคุณเข้าข่าย ตั้งหน้าตั้งตาจะหาหุ้นเด็ดเพื่อซื้อมาครอบครองทุกวัน ลองมาปรับเปลี่ยนวิธีลงทุนดูหน่อยไหมครับ เล็กสั้นขยัน Match ประเด็นมันอยู่ตรงที่ว่า อาการที่คนส่วนใหญ่เป็นมักจะเป็นการอยากทำกำไร อ๊ะ!! แล้วผมไม่เป็นหรือ ผมก็เป็นแต่โรคอยากทำกำไรมากจัด มันเหมือน การเสพติดความสำเร็จ ได้เท่าไหร่ไม่สำคัญขอให้ได้ก็ สุโค่ยแล้ว อิ่มเอิบใจเอาไปอวดเพื่อนๆได้ จะเสี่ยงแค่ไหนไม่เป็นไรขอแค่ไม่อยากตกรถก็พอ  บ่อยครั้งเราจะเห็นคนที่พยายามหาหุ้นมาเล่นได้ตลอดเวลา ประมาณว่า พอร์ตไม่แห้งกันเลยทีเดียว ออกแนว money never sleep  อยากซื้อขายหุ้นทุกวัน ได้ match แล้วมีความสุข เหมือนประหนึ่งว่าฉันขยันทำงาน  ผมเองกลับคิดว่ามันอันตรายนะ เพราะเมื่อเรามีความคิดแบบนี้ มันส่งผมให้เกิดการอยากซื้อหุ้นมาก จนเรามองข้ามความละเอียด และเกิดความประมาทไป ทำให้ไม่มีความอดทน ไม่รู้จักรอ จิตใจเราจะรวนเรเกตุง ไปตามคำชักชวน คำบอกเล่าของคนอื่นๆ ประมาณว่าตัวไหนดี พี่เอาหมด ซื้อไปแล