ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

Zone Recovery Tactic

วันนี้มีน้องเทรดเดอร์มาปรึกษา เขาเอาเทคนิคเรียกว่า zone recovery area แนวคิดของฝรั่งคุณ Joseph Nemeth ที่กำลังโด่งดังใน you tube ยอดคนฟังเกือบแสน แนวคิด zone recovery เขาเอามาทำเพื่อทดแทนการ stoploss ด้วยแนวคิดง่ายๆที่ว่า ราคา มันไม่ขึ้นก็ลง ทางใดทางหนึ่ง ดังนั้นใช้พลวัตรของตลาด มาเป็นตัว cover loss ซะจะได้ไม่ต้องขาดทุน ผมไม่ขอสรุปว่าใช้ได้หรือไม่ แต่จะสาธิตการทำงานของอัลกอริทึ่ม Zone recovery tactic ด้วยการเขียนโปรแกรม robot trading เพื่อจำลองการทำงา นกับตลาดจริง สินค้าจริง แล้วมาอภิปรายข้อดีข้อเสีย ลองศึกษาเทคนิคต่างๆไว้ก็ไม่เสียหลายครับ เพราะทุกวิธี ทุกแนวคิดบนโลกนี้มันมีข้อดีข้อเสียเสมอแหละ ใครที่สนใจเทคนิคนี้ลองเข้าไปชมได้จาก link ด้านล่างครับ https://www.youtube.com/watch?v=DX34jq9q7OQ

Habits of Survival trader

มีโอกาสได้คุยกับรุ่นพี่คนหนึ่ง รู้จักกันมานานมาก ท่านอยู่ในตลาดมาเกือบ 20 ปีแล้ว เลยดูดเคล็ดไม่ลับเทคนิควิธีการเอาตัวรอด ให้อยู่ในตลาดนานๆมาฝากกัน ในรายการ Trader Talk ตอน Habits of Survival trader แวะเข้าไปดูได้จาก link ด้านล่างครับ https://www.youtube.com/watch?v=AMnxylSN6N8

GRID Trading System II (อธิบายเพิ่มเติม)

อธิบายตอบคำถามน้องเทรดเดอร์จากติว เรื่องของ GRID Trading System - กริด มีข้อจำกัด ไม่ใช่กลยุทธ์วิเศษ -นำกริดไปใช้ต้องเข้าใจ และจัดการกับข้อจำกัดให้ได้ - กริดพื้นฐานไม่ซับซ้อน แต่พัฒนาต่อให้ซับซ้อนได้เช่น non linear grid , การจัดจำนวน order ที่แปรผันตามข้อมูลพฤติกรรมราคา - ใช้ประโยชน์จาก volatility ของสินค้า -กริด ไม่จำเป็นต้อง มาร์ติงเกล , double lot เสมอไป - ใช้ volatility มาช่วยในการรวบโซน หรือการจัดการ position size - การเทรดกริดทำได้หลายแบบ ทั้งตามทิศทางราคา และสวนทิศทางราคา มีข้อดี ข้อจำกัดแตกต่างกันไป - การเทรดกริดตามทิศทางราคา สามารถใช้ความได้เปรียบในการปรับต้นทุน และลดการเพิ่ม DD ได้ด้วย - ไม่ stoploss เป็นไม้รายออร์เดอร์แต่บริหารเงินและการขาดทุนเป็นโซน ผสานกับการ hedge กับสินค้าบน negative correlation layer - กริดป้องกัน ความเสี่ยง แบบการใช้ leverage ต่ำ ดู vdo สาธิตการทำงานของ dynamic grid ได้จาก link https://www.youtube.com/watch?v=ZPASg_wa6mA

เรียนรู้และฝึกฝน

ตั้งแต่ทำรายการ trader talk พบว่ามี คนติดตาม มากขึ้น ในช่องของ youtube ตอนนี้สมาชิกเกิน 8000 แล้ว อันนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่ติ ดตาม หวังว่าจะได้รับสาระความรู้ ไปเต็มๆ บอกทีมงานว่าต้องสร้างเนื้อ หาดีๆและมีประโยชน์ พยายามจะไม่ทำให้ท่านที่เข้ ามาติดตามเสียเวลาไปเปล่าๆ  จำนวนสมาชิกที่ตามเกิน 50% เป็นมือใหม่ มีคำถามกลุ่มหนึ่งถามมาบ่อย มากว่าทำยังไงจะเทรดได้เก่ง ๆ คำตอบของผมง่ายครับ ไม่มีความลับอะไรนั้นคือการ ฝ ึกฝน พยายามเทรดให้ได้มาก เก็บประสบการณ์ช่วงโมงบินไป เราเรียนรู้หรือพัฒนาระบบได ้ ถ้าไม่ทดสอบไม่เทรด มันก็ไม่มีทางพิสูจน์ได้ว่า  สิ่งนั้นมันดี หรือมันใช้ได้จริง ดังนั้นต้องลงมือทำ และเรียนรู้กับมัน การสะสมชั่วโมงบินในตลาดได้ มาก มันจะทำให้เราเรียนรู้ องค์ความรู้ใหม่ๆจากสนามจริ ง ที่ช่วยเราพัฒนาได้ในอนาคต ผมเองนอกจากการอ่าน การฝัง หาความรู้ใหม่ๆแล้ว แต่สิ่งที่ผมไม่ละเลยนั้นคื อการฝึกเทรด แต่ละสัปดาห์ ผมยังต้องติดตามตลาด ทำการบ้านและฝึกเทรดอย่างต่ อเนื่องเสมอ โดยเฉพาะกลยุทธ์ระยะสั้นอย่ าง scalping ที่มันต้องใช้ skill ด้านการคิดการตัดสินใจ เพื่อให้ เราอยู่ในเกมส์ ฝีมือไม่ตก และเข้าใจ rhythm

PAMM Account

มี email ถามมาว่า MAM กับ PAMM ต่างกันอย่างไร ? สรุปคราวๆ มันเป็นระบบ allocation และการบริหารบัญชี ซึ่งเป็นลักษณะปิดภายในโบรก เกอร์(ไม่สามารถข้ามโบรกเกอ ร์ได้) MAM ย่อมาจาก Multi-Account Manager เป็นลักษณ์ software ที่ ผู้บริหารเงินใช้เทรดหรือลง ทุนผ่านบัญชีย่อยต่างๆ ที่อาจจะมีกลยุทธ์หรือมีสัด ส่วนของเงินต่างกัน ข้อดีมันง่ายอยู่ใน terminal เดียวหรือสามารถส่งคำสั่งคร ั้งเดียวแต่ execute บนบัญชีย่อยได้พ ร้อมกันในสัดส่วนเงินต่างกั น ตัวนี้จะมีที่นิยมคือของ MT4 MT5 และ Trade station PAMM ย่อมาจาก Percentage Allocation Management Module ตัวนี้ เป็นระบบบริหารเงิน ที่นักลงทุนสามารถร่วมลงเงิ นกับ Money manager ตามสัดส่วน และระบบจะแบ่งผลกำไร ตาม % เงินที่ลง PAMM นี้ซับซ้อนกว่าแค่โปรแกรมเพ ราะจะมีเงื่อนไขสัญญา ข้อตกลงทางกฏหมายและ Money manager สามารถขาร์จ ค่า fee จากผลกำไรได้ด้วย ตรงนี้ไม่ได้มีทุกโบรกเกอร์ บริการ บางโบรกเกอร์มีขนาดบัญชีขั้ นต่ำ กำหนดปริมาณนักลงทุน ระยะเวลาลงทุน และมีค่าธรรมเนียมพิเศษสำหร ับบัญชี นอกจากนี้ PAMM ยังมีการแข่งขันผลงานเพื่อด ึงนักลงทุนคนอื่นๆ ที่เป็นลูกค้าของ

Over Trading

อย่า Over Trading  อยากเตือนเรื่องนี้อีกรอบ โดยเฉพาะช่วงตลาดผันผวนแบบนี้ มีท่านหนึ่งส่งพอร์ต TFEX มาให้ดูเห็นแล้วเป็นห่วงเลย เพราะท่านมีเงินไม่มากแต่อัดเต็ม ใช้ leverage เต็มที่ พอพลาดมาพอร์ตระเบิด ก็เครียด (พยายามจะใช้เงินน้อย ไปล่ากำไรก้อนใหญ่บนความโลภ) ผมบอกเสมอเทรดอนุพันธ์ พอร์ตมันล้างขาดทุนเป็นศูนย์ได้เสมอ ไม่ใช่ product มันเป็นศูนย์นะ อันนี้กลัวคนจะสับสน ถูกครับ SET50 มูลค่ามันยังไงก็ไม่เป็น ศูนย์เพราะถ้าดัชนี set50เป็นศูนย์นั้นคือ มันเกิดไม่ได้  หรือถ้าเกิดประเทศวิกฤติแล้ว(ธุรกิจหลักมาพังพร้อมกันมันก็ยาก) แม้ SET50 ไม่เป็นศูนย์เมื่อหมดอายุ แต่พอร์ตเราล้างเป็นศูนย์ได้นะครับ แยกประเด็นดีๆ เพราะถ้าเราใช้ margin สูง หรือเทรดแบบ Over trading เช่น มีเงิน 100,000 กว่าๆ แต่กดกันไป 9-10 สัญญา มันตรึงมาก พอตลาด volatile ลากไปแรงๆ ก็ต้องโดนเรียกเติมเงิน หรือถ้าไม่มีมาเติมก็โดนบังคับปิด แล้วขาดทุนพอร์ตล้างไป หรือไม่ก็ติดหนี้ ต้องหาเงินมาจ่ายส่วนต่างเพิ่มอีก พูดเรื่องนี้ เพราะไม่อยากให้ Over trading ถ้าเทรด TFEX SET50 ไม่อยากล้างพอร์ต ก็อย่าใช้ Leverage ครับ วางเงินเต็ม บวกเสริมไปอ

Finding Big Alpha In Big Data

 paper ชื่อ Finding Big Alpha In Big Data The Evolution of Active Investing ของค่าย BlackRock จากทีม Scientific Active Equity (SAE) Group  พูดเรื่อง Data science และการสกัดเอามูลค่าจาก Big data(องค์ประกอบของข้อมูล ต่างๆจำนวนมาก ที่เกี่ยวข้องกับ ระบบเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม การดำเนินงานของบริษัทและอื ่นๆ) เพื่อมาเพิ่ม edge ในกลยุทธ์การลงทุน หรือมาสร้าง al pha แบบยั่งยืนในพอร์ตโฟลิโอ ให้กับลูกค้า บทความนี้เขียนไปในมุมมองเช ื่อว่า data-driven และ scientific method จะเป็นตัวกำหนดความได้เปรีย บในอนาคตของ บริษัทโลกการเงิน และเป็นแนวทางการลงทุนใหม่ย ุคหน้า ตรงนี้บทบาทของdata scienceและองค์ความรู้การจั ดการ Big Data เข้ามาช่วยแง่การสกัดเอาสัญ ญาณหรือจุดสังเกต พิเศษบางอย่างที่ช่วยมนุษย์ มองเห็นและเข้าใจ สิ่งที่เป็นไปหรือจุดผิดปกต ิ ได้ดีขึ้น อันนี้เข้าทาง Quantitative Investing ซึ่งสายนี้ที่ เขาเน้นเรื่องการเล่นกับข้อ มูล และวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง ก็พัฒนาและสร้างกลยุทธ์ประก อบการตัดสินใจลงทุน ทำกันอยู่หลายที่ BlackRock ก็เป็นอีกเจ้าหนึ่งที่ขายตร งจุดนี้ และเชื่อว่ามันเป็น key ของการแข่งขันในอนาคต ใน

Trading Boot Camp

Trading Boot Camp รายการใหม่ที่จะปูพื้นฐาน(ร ะดับ Basic)และติวกลยุทธ์เทคนิคก ารเทรด การบริหารเงิน บริหารความเสี่ยงให้กับเทรด เดอร์ ผ่าน vdo ตอนสั้นๆเป็นหัวข้อ ที่มีเนื้อหากระชับและเข้าใ จง่าย ใช้เวลาสั้นๆประมาณ 20 นาที ในการเรียนรู้ ตั้งใจทำโปรเจคนี้นานแล้ว เพิ่งจะหาเวลาว่างลงตัวได้เ ริ่ม โดยทั้งรายการจะมีทั้งหมดปร ะมาณ 120 ตอน ผมทยอย update ไปเรื่อยๆ ทุกสัปดาห์ จนถึงต้นปี 2017 คนอยากเรียนเรื่องการเทรด  คอยติดตามแล้วกัน อันนี้คือส่วนหนึ่งของโปรเจ ค เทรดเดอร์กลับบ้าน ที่เคยคุยให้ฟัง เป้าหมาย เราจะให้ความรู้ ปูเทคนิคการเทรด ให้ เพื่อที่จะได้สร้างเป็น skill สำหรับ การเก็งกำไร ที่ถูกต้อง บนความเสี่ยงที่เหมาะสมและอ ยู่รอดในตลาด และจะได้ใช้การเทรดเป็น การหารายได้เสริม จากธุรกิจ หลัก หรืองานประจำ ตอนแรกเรียนเรื่อง market analysis พื้นฐานของการเก็งกำไร เบื้องต้น https://www.youtube.com/ watch?v=gONS-QshmWQ

Why technical analysis fail to work

ผมมีโอกาสได้คุยกับเทรดเดอร ์หลายท่าน ช่วง 2 ปีที่ผ่านมามีคำถามเยอะมาก ว่า technical analysis มันใช้งานได้อยู่ไหม? ผมเองก็ยังยืนยันคำตอบเดิมว ่ามันใช้งานได้ ถ้าเราใช้เป็นใช้อย่างเข้าใ จ จริงๆไม่ค่อยแปลกที่หลายคนเ จอปัญหา เพราะ 80% ของสายใช้เทคนิคอลปกติ มันไปทาง trend flowing หรือ momentum trading พอตลาดมันขาดโมเมนตรัมหรือผ ันผวนจากภาวะเศรษฐกิจ ปัญหามันเกิดทันที ยิ่งถ้าใครใช้แบบมโนศาสตร์ หรือขาดความเข้าใ จดีพอ พฤติกรรมราคา พฤติกรรมตลาดที่ไม่ปกติ มันทำให้เกิดการเสียหายขาดท ุนได้เยอะ คำแนะนำอีกอย่างของผมคือ อยากให้เทรเดอร์หันมาใช้ เทคนิคอลแบบเป็นวิทยาศาสตร์  หัดเรียนรู้ หัดทดสอบ ทดลอง และปรับปรุงวิธีการใช้งานให ้เหมาะสมได้ด้วยตัวเอง อย่าติดกับตำราเก่าๆ เกินไป บางเรื่องมันถูกคิดมันถูกสร ุปมาตั้งแต่ยุค 1990 -2000 อาจจะเป็นจริง สมเหตุสมผลในตอนนั้น แต่ตลาดปัจจุบันไม่ว่าจะตลา ดหุ้น ตลาดค่าเงิน ตลาดทองคำ ตอนนี้มันเปลี่ยนไปมากแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของขนาดเม็ดเ งิน เรื่องของกลยุทธ์ที่ซับซ้อน ขึ้น(Algorithmic trading /  HFT) และเรื่องของระดับค่า volatility ของราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นจาก อดีตมาก ดัง

Renko + GRID > Quantitative Investing

ตัวอย่างระบบ GRID ในหุ้น ผมทำระบบใช้ renko brick มาเป็นตัวช่วยอ่านพฤติกรรมราคาสำหรับ GRID Trading System ในการสะสมหุ้นและสร้างกระแสเงินสด(ปันผล+การปรับต้นทุนตาม volatility) ไอเดียเบื้องต้นที่แชร์ได้ประมาณนี้ ขอแชร์เพื่อการศึกษา ถ้าจะนำระบบไปใช้ ต้องทดสอบระบบก่อนทุกครั้งที่จะเทรดเงินจริงนะครับ 1. เลือกหุ้น เจ๊งยาก ล้มละลายยาก เป้าหมายคือการสะสมหุ้น 2. หุ้นมีปันผลดี กรณีติด หุ้นใน inventory ได้ปันผลชดเชย 3. มีกองทุน หรือรัฐ ถือหุ้นใหญ่ 4. ไม่ใช้ margin วางเงินเต็มจำนวน 5. เริ่ม setup เข้าไม้แรก ตอนเกิด discount จาก SET ติดลบ ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาปกติ(MA200) อย่างน้อย 25-30% รอตอนตลาด panic >> คำสอนพี่เอ็นโดฟินเลย ซื้อหุ้นดีตอนตลาดไม่ปกติ 6. ซื้อเมื่อราคาสร้าง cluster ยืนเหนือแนวรับ 7. ซื้อสะสมตาม zone เมื่อ Brick เป็น bullish ราคายกตัวต่อเนื่อง(average up) 8. ขายในราคาสูงกว่า ราคาเข้าซื้อ(ขายเมื่อมีกำไร) 9. ขายตาม zone เมื่อ Brick เป็น bearish ปรับต้นทุนไปเรื่อยๆ 10. ทำ cashflow กระแสเงินสด จนกำไรถึงเป้า 100% ทำคลายเครียดเรโซ ดึงทุนออกปรับต้นทุนให้เป็น 0 ได้ สร้าง GRID เป็น alpha ของ

sniper trading

sniper trading เน้นเทรดให้แม่น เทรดให้คมยิ่งน้อยแต่มีประส ิทธิภาพสูง ทั้งในแง่การทำกำไรและระยะเ วลาการหมุนเวียนกระสุน  ในภาพเป็นตัวอย่างระบบเทรด sniper trading ต่างจากภาพระบบก่อนหน้าที่เ ป็น scalping เทรดสั้นเน้นรอบตาม volatility ตลาด แต่พอมาใช้กลยุทธ์ sniper trading ก่อนจะยิง ต้องคิดและมองให้ดีพอควร สิ่งที่ต้องจำกัดคือ จำนวนกระสุนและพยายามยิงให้ ผิดน้อยที่สุด(ผิดได้แต่ต้อ งไม่มาก) ผมทดลองระบบนี้เทรด มา 1 ปี(หยุดไป 2 เดือนเพราะป่วย) รวมยิงไป 81 order พยายามกำหนดเป้าของ risk per trade ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมราคา เน้นความสเถียร คือทำกำไรต่อเนื่อง เพราะไม่ต้องการให้เสี่ยงเก ินไป เช่นเดียวกัน ตอนถูกทาง ก็ต้องทำกำไรได้คุ้มค่ากับก ารรอคอยพอสมควร แต่รอบจะกำหนด RRR ไว้มากกว่า 1:5 เสมอ  ปล. ไม่ต้องไปสนใจกำไรมาก เอาไอเดียมาให้ดู น้องๆจะได้ใช้เป็นแนวทางการ ฝึก กรณีสนใจแบบนี้ เป็นเทรดเดอร์ การเทรดให้ดี ต้องทำได้ต่อเนื่องและยาวนา น เราจะเทรดดีบางเวลา หรือเฉพาะช่วงตลาดง่ายไม่ได ้ หรือจะมาขาดทุนหนักตอนตลาดผ ันผวนก็ไม่ดี เพราะ cashflow นั้นคือ รายได้มาหล่อเลี้ยงและทำให้ พอร์ตเติบโต

วิถีทางของเทรดเดอร์

วันนี้มีคนมาขอคำแนะนำผมเรื ่องการเป็นเทรดเดอร์ คำแนะนำผมคือ เราควรวางแผนแต่ตอนนี้ว่า อีก 5 ปี เราเห็นภาพตัวเองเป็นอย่างไ ร ต้องการเลือกที่จะเป็นแบบไห น เพื่อจะได้ลงมือทำและพัฒนาต ัวเอง อย่างไม่หลงทาง ไม่ว่าจะเป็น - Full time trader >> เทรดเดอร์อิสระ ไม่มีสังกัด - Part time trader >> เทรดไปเลี้ยงลูกไป ทำธุรกิจส่วนตัวไป ใช้การเทรดมาเป็นรายได้เสริ ม - Travel Trader >> เทรด 2 วันเที่ยว 5 วันทำงานได้ในทุกป ระเทศทั่วโลก - Prop Trader >> มือเทรดประจำบริษัทประจำกอง ทุนออกล่าเงิน โลดแล่นสร้างชื่อเสียงในวงก าร เราเลือกได้ ทุกเส้นทาง ล้วนมีข้อดีและมีจุดเด่นเฉพ าะ แต่เราต้องเลือกรูปแบบ การพัฒนาตัว พัฒนาความสามารถ รวมถึงสร้างกลยุทธ์เพื่อจะไ ปถึงจุดที่ประสบความสำเร็จใ นเส้นทางนั้นๆ สิ่งสำคัญที่สุด อย่าเอาแค่เงิน มาเป็นตัววัด หรือตัวเลือก ให้เราทำอย่างนั้น อย่างนี้ พยายามดูว่า รูปแบบไหนเหมาะกับเรา ตอบโจทย์ชีวิตของเรา และอย่าไปเสียเวลา พยายามทำในสิ่งที่เราไม่อยา กเป็น หรือไม่ต้องการจะเป็น เพราะนอกจากจะไม่สำเร็จในระ ยะยาวแล้ว ความสุขบนเส้นทางการเป็นเทร ดเดอร์ก็จะไม่เกิดอีกด้วย ว

Lessons from the Greatest Stock Traders

Lessons from the Greatest Stock Traders เป็นหนังสือที่ดีและเหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ เพื่อได้แนวทางการศึกษาและพัฒนา  Cway Book club จัดทำสรุปและรีวิว หนังสือเล่มนี้เบื้องต้นไว้ ท่านที่สนใจเข้าไปฟังได้จาก link ด้านล่าง https://www.youtube.com/watch?v=_4HItUzr-nY

Time-series analysis

มีคำถามมาทางกล่องข้อความ ถามว่า เทคนิคอล ยังใช่ได้อยู่ไหม? คือ ใครว่ายังไง ผมก็ไม่รู้ แต่ส่วนตัวผมผมมองว่ามันก็ย ังเป็นเครื่องมือที่สามารถใ ช้ในการเทรดได้ เพียงแต่ต้องใช้ให้เป็น ต้องใช้อย่างเข้าใจและเหมาะ สมกับพฤติกรรมราคาเท่านั้นเ อง  ตรงนี้ต้องอาศัยการเรียนรู้  การสังเกตอาศัยการทดสอบ อีกประการที่ต้องเข้าใจคือ เทคนิคอลส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Art หรือกลุ่ม Indicator มันมักมีข้อจำกัดในตัวเอง มีจุดที่สมมต ิฐานเริ่มต้นของการพัฒนา ไปไม่ถึงหรือไม่รวม ดังนั้นเทรดเดอร์ ผู้ใช้ต้องตระหนัก เข้าใจในจุดนี้ เพื่อหลีกเลี่ยง อย่างกรณีถ้าเราหลัก time-series analysis แบบเชิงสถิติ มาเทียบเคียงกับเครื่องมือเ ทคนิคอล จะพบว่าการวิเคราะห์เทคนิคอ ลจะครอบคลุมหรือเน้นแค่ภาวะ ของแนวโน้ม(Trend) กับการเคลือนที่เป็นรอบ Season/ Cycle(n) แต่ในความเป็นจริงพฤติกรรมราคาหุ้น ราคาสินค้าต่างมันมันมีโอกา สเกิดความผันผวนหรือเคลื่อน ที่แบบ random เกิดความไม่ปกติได้เสมอ volatile ตรงนี้เป็นเหมือนจุดบอด ของเครื่องมือ ที่ถ้าไม่สนใจ ไม่วางแผนรับมือ การใช้เทคนิคอลแบบสุดโต่ง หรือใช้แบบมโน(เดาอนาคต) จึงทำให้เสียและขาดทุนหนักใ นที่สุด

Most Important Investors Of All Time

บทความนี้ของ MICHAEL BATNICK น่าสนใจมาก เขาเอาเหล่าตำนานที่ประสบคว ามสำเร็จในโลกการเงินของสหร ัฐ เช่นนักลงทุน หรือผู้จัดการกองทุนป้องกัน ความเสี่ยงสายต่างๆ มาวิเคราะห์ และหาสิ่งที่เหมือนหรือคุณส มบัติร่วมกัน มีประเด็นหลายจุดที่น่าสนใจ  เช่น - จำนวนมากเกือบทั้งหมดส่วนให ญ่เป็นคนผิวขาว( white men) และเป็นผู้ชาย - เกือบทุกคนใน list เป็นคนฉลาด เป็นนักคิดนักกลยุทธ์ที่โดด เด่น - เกือบทุกคนมีฝีมือ แต่จังหวะภาวะตลาดปีที่เริ่ มต้นก็มีส่วนช่วยได้เยอะ เหมือนเป็นแรงลมสนับสนุน เช่น Jim Chanos ตำนาน short sell เริ่มปีแรกทำกำไร 2451% - S&P500 25-ปี total return อยู่ที่ 1463% คนที่ทำผลงานดีสุด รอบ 25ปี Stanley Druckenmiller(5242%) ตามมาด้วย Paul Tudor Jones, David Swensen และ Rob Arnott ที่ 3438% - ไม่มีผู้จัดการกองทุนคนไหนเ ริ่มต้นตอน Great Depression - จุดเริ่มต้นสำคัญต่อผลงาน ในบทความนี้ยกการวิเคราะห์ return ระยะยาว กรณีเริ่มปี 1966-1990 returnของตลาด ได้ 878% แต่ถ้าเป็น 1967-1990 จะกลายเป็น 1318% - ใน list มีคนประสบความสำเร็จในกลุ่ม  Baby boomers เกิด 1946 ถึง 1960 จำนวน 33% เช่น Howard Marks,

My Favorite Macro Economic Blogs

มีคำถามทาง email อยากให้แนะนำ blog ที่ผมอ่านประจำ วันนี้เลยจะมาเขียนสรุปเรียบเรียงไว้ให้เป็น reference ในการศึกษา โดยเน้นเรื่อง global macro เป็นหลักเพราะอ่านง่าย สำหรับคนทั่วไป เรื่องบางเรื่องที่เรา ไม่ชำนาญ เราสามารถหาอ่าน หรือหาผู้รู้มาเสริม ให้เราได้เสมอ เพราะอย่างน้อยมันช่วยเปิดมุมมองและเปิดไอเดีย เราได้เยอะ เพื่อนำมาใช้วางแผนการเทรดหรือทำกลยุทธ์ภาพใหญ่ ยิ่งถ้าเราเรียนจาก นักเศรษฐศาสตร์ หรือผู้จัดการกองทุนเก่งๆ มันช่วยให้เราเห็นอะไรเยอะ Blog ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่เราสามารถติดตามมุมมองและแนวคิดของ กูรูทั้งหลายเหล่านี้ได้ วันนี้มีมาแนะนำ 10 web ที่ผมติดตามประจำ 1. CONSCIENCE OF A LIBERAL เว็บนี้ของ Paul Krugman คนดังที่หลายคนรู้จักอยู่แล้ว เขาเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ระดับ Nobel Prize และ เป็นอาจารย์ อ่านด้าน macroeconomics หรือ international economics ต้องคนนี้เลย เขาเขียนบทความ เป็นคอลัมภ์ให้กับ nytimes.com ที่สำคัญแก update บ่อยสม่ำเสมอ http://krugman.blogs.nytimes.com/ 2. Free exchange Free exchange เป็น blog รวมเรื่องสั้น เกี่ยวกับเศรษฐกิจ สังคม ประเด็นต่างๆเขียนโดย

Top hedge-fund managers made $13 billion in 2015

เหล่าทวยเทพผลงานดีจริงๆ มาหลายคนโดยเฉพาะสาย Quant เห็นฝึมือแล้วบอกเลย ว่าพวกนี้ Genius จริงทำให้ยิ่งอยากแกะอยากศึกษา วิธีคิดของคนเหล่านี้มากขึ้น ส่วนตัวผมชื่นชอบ Dr. David E. Shaw เจ้าของฉายา "King Quant" บริหารกองทุน hedge fund อย่าง D. E. Shaw & Co และยังเป็นโปรเฟสเซอร์ด้าน computer science จาก Columbia University ผลงานปี 2015 เข้าอันดับ 6 ที่ 750 million แต่ยังเอาชนะปู่อย่าง  Jame simons แห่ง Renaissance Technologies ไม่ลงเช่นเคย ที่แม้ปี 2015 จะไม่ใช่ปีทองของอุตสาหกรรมนี้แต่แกยังโกยไปได้ 1.7 billion คนเหล่านี้ เป็นตัวอย่างที่ดีในการพยายาม และการเรียนรู้ จริงๆครับ อ่านบทความเต็มได้ที่ http://www.institutionalinvestorsalpha.com/…/The-2016-Rich-… http://www.marketwatch.com/…/top-hedge-fund-managers-made-1… https://en.wikipedia.org/wiki/David_E._Shaw

ตอบคำถามเรื่อง arbitrage

จากคำถามเรื่อง Statistical Arbitrage ผมสรุปคำตอบประมาณนี้ หลักการถ้าทำด้านนี้ต้องเข้าใจ Arbitrage ก่อน จังหวะเข้าซื้อสำคัญ หลักกการต้อง study ข้อมูลสร้าง สมการความสัมพันธ์ให้ได้ก่อน(Feature หลักคือค่า correlation และ co integration ) จากนั้นรอจังหวะซื้อตอน ที่ภาวะ ค่าความสัมพันธ์ของ ค่าเงินมัน ไม่ปกติ กำไร เกิดจากการที่จุดหนึ่ง ความสัมพันธ์ไม่ปกติกลับมาจุดปกติ อันนี้คือ key ของ Statistical arbitrage แต่ คู่ 3 นี้มันทำมาเพื่อปิดรอบ ปกติทำคู่ 2 หรือ pair trading   ก็ได้ แต่มันมี error ที่เหลื่อมซ่อน ลองดูภาพประกอบความเข้าใจ จุดไม่ปกติ จากเดิมเป็น +R อยู่ดีๆ EUR กับ GBP มันเกิดกลายเป็น -R ตรงนี้เกิดไม่ปกติเมื่อเทียบกับค่า ความสัมพันธ์ธรรมชาติของเขา จึงกลายเป็นจุดเทรดที่ได้เปรียบ ที่นี้ Statistical arbitrage ในค่าเงิน Sell EURUSD และ Buy GBPUSD เมื่อเรามาแยก จะเห็นมันไม่ perfect คือรอบความสัมพันธ์มันไม่ปิด มันเกิด risk แฝง นักกลยุทธ์เขาเลยสร้างคู่สาม Triangular Arbitrage มา ถ้าจะใช้ในที่นี้ก็ sell EURUSD BUY GBPUSD ในภาวะที่ค่า correlationมันไม่ปกติ จากนั้นเพิ่มไปอีกคู่เพื่อปิด