ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

volatility analysis

พูดถึงการทำ volatility analysis กับการวิเคราะห์พฤติกรรมราคาเชิงสถิติขั้นสูง แนะนำ Volatility Laboratory (V-Lab) ไป พวกเราที่สนใจเข้าไปดูได้ที่ link ด้านล่าง ทดลองใช้งาน app ได้ฟรี มี data set ทั้ง Currency, Commodity, Stock Index ,ETFs และอื่นๆให้ลอง Volatility Laboratory (V-Lab) ผลงานทีมวิจัยพัฒนาของ Stern NYU (ที่นี้ด้าน Quant ดังอยู่แล้ว) เขาเน้นเครื่องมือวิเคราะห์ volatility และ correlations บนโมเดลหลายประเภท แถมมี เอกสาร ให้อ่านเรื่องของทฤษฏีและการคำนวณของแต่ล ะโมเดลด้วย เช่นเรื่อง Value at Risk (VaR), Volatility Analysis,Volatility Clusters, Fat Tail เป็นต้น เว็บจะอธิบายแนวคิดหลักและยกโมเดลอย่าง GARCH , EGARCH มาประกอบ ตรงนี้อยากเห็นผลการคำนวณการกดเข้ารัน application ได้สะดวกมากไม่ต้องมาเขียน code รันโมเดลเอง อยากศึกษาเรื่องของ volatility เพิ่มเติมก็ลองเข้าไปใช้งาไนด้ฟรีจาก link ด้านล่าง https://vlab.stern.nyu.edu/ ปล. ภาพด้านล่างเป็นการอนุมาน Volatility ของ SET50 เราจะเห็นเลยว่าช่วงสองเดือนนี้ ไม่ธรรมดาจริงๆ ปล. GARCH(p,q) คงไม่สอนนะครับอธิบายยาวไปอ่านดูใ

นวัตกรรมที่อยากให้เกิดในตลาดหุ้นเมืองไทย

วันนี้มีพี่ท่านหนึ่ง ถามว่าอยากเห็นนวัตกรรมไหนเกิดขึ้นมากสุดในบ้านเรา จริงๆจะว่าไป นวัตกรรม นี้มันคงหมายถึงการสร้างขึ้นใหม่ พัฒนาขึ้นใหม่ ไม่ใช่การลอกเลียนหรือทำตาม แต่คงไม่เสียหายถ้าเราจะทำตามหรือลอกแบบดีๆของฝรั่งมา ส่วนตัวอยากเห็นระบบบริการข้อมูลอย่างของ IEX (โด่งดังมากในยุค Flash Boys ของ Michael Lewis) มีการพัฒนาระบบเข้าถึงข้อมูลแบบเปิดผ่าน IEX-API ให้คนทั่วไปเข้าถึงข้อมูลราคาและการซื้อขายที่เกิดในตลาด อย่างเรียกว่าฟรีและไม่มีขั้นตอนของเอกสารอะไร เพราะเขามองว่าข้อมูลพวกนี้คือข้อมูลสาธารณะ แถมเตรียมระบบ Realtime Data Service ประสิทธิภาพสูงไว้ให้ เชื่อมต่อผ่าน API สถิติที่แสดงก็น่าสนใจเพราะระบบรองรับบริการข้อมูลสูงถึง 262 TB ต่อเดือน 3.5 million messages ต่อวินาที ฐานข้อมูลระดับ 1.1 trillion record หรือ 72 TB ผมมีโอกาสได้นำข้อมูลมาใช้ และทดลองทำอะไรเยอะพอควรแล้วเลยอยากมาแนะนำ สำหรับคนสนใจลองเข้าไปดูโดยเฉพาะงานวิจัยที่ใช้ Market data พวก Bid Offer , volume และมีข้อมูลระดับละเอียดเฉพาะหุ้น รวมไปถึงข้อมูลพื้นฐานงบการเงิน ซึ่ง IEX-API ใช้งานสะดวกเชื่อมต่อ รองรับได้หลายภาษา

work-life balance

วันนี้ได้คุยกับน้องที่รู้จัก เป็นเข้าทำงานเป็นเทรดเดอร์ให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง สักประมาณ 2 ปี สิ่งที่สัมผัสได้คือน้องเขาดูเหน็ดเหนื่อยมาก ทั้งจากชั่วโมงทำงานและความเครียดต้องเร่งทำผลงานด้วย เขาเล่าว่าทำงานบางวันเริ่มตั้งแต่เช้าไปจบยังเที่ยงคืน แม้ไม่ได้นั่งติดจอตลอดแต่ก็ต้องตามดู ตามอ่านข่าว คิดแล้วรวมๆ 9-10 ชม. ต่อวันเลย ซึ่งถือว่าหนักมาพอควร แต่ด้วยความที่ยังอายุไม่มาก อยู่ในช่วง prime time ของชีวิต 22-30 ก็น่าจะผ่านไปได้ (ถ้าสุขภาพไม่พังไปก่อน) พอพูดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้นึกถึง บทความที่ได้อ่าน คือประเทศเกาหลีใต้กำลังทำโครงการ 52 hour work คือสร้างการรณรงค์ลดการโหมงานหนัก หรือทำงานมากไป(overwork) สร้าง work-life balance ซึ่งเกาหลีใต้ตัวเลขจากการสำรวจพบชั่วโมงการทำงานต่อปี สูงมากกว่า ค่าเฉลี่ยและมากกว่าประเทศอเมริกา และยุโรปจำนวนมาก โดยรัฐบาลออกเป็นกฏเพื่อรักษาสิทธิ์ของประชาชนไม่ให้ถูก บังคับหรือทำให้แข่งขันทำงานหนัก โดยสูงสุดไม่เกิน 52 ชม.ต่อสัปดาห์ ค่าปกติ 40 ชม.+ Over time 12 ชม. ลดจากเดิมที่ 68 ชม.ต่อสัปดาห์ ถ้าบริษัทไหนให้ลูกจ้างงานเกินจะโดนค่าปรับจากรัฐ ราวๆ $17,815 และอาจ

Fearless Girl on Wall Street

คิดว่าเรื่องนี้น่าจะสร้างแรงบันดาลใจให้กับหลายคนได้ดี เป็นเรื่องราวของ Lauren Simmons วัย 23 ปีเธอเป็น full-time trader ที่ตลาด NYSE ของ Rosenblatt Securities ความน่าสนใจคือเธอเป็น Floor trader ผู้หญิงคนเดียวในตอนนี้ และเป็นเทรดเดอร์ที่มี Licence อย่างเป็นทางการของ NYSE ที่อายุน้อยที่สุด โดย Lauren Simmons เธอจบปริญญาดรีด้าน Genetics สาขาโทด้าน Statistics จาก Kennesaw State University ตอนปี 2016 เมื่อเรียนจบแทนทำงานด้านการแพทย์ เธอเลือกจะลองทำงานในด้านการเงิน ที่เธอสนใจมาตั้งแต่เด็ก ผมเห็นน้องบางคนอยากเข้าไปเทรดในอเมริกาใน wallstreet ปัจจุบันโอกาสก็ยังเปิดกว้างอยู่ถ้ามีความสามารถจริงๆ ลองเข้าไปอ่านสัมภาษณ์ถึงเส้นทางอาชีพของ Lauren เมื่อเธอมีความสนใจงานด้านนี้ เธอเริ่มศึกษา จากนั้นใช้ LinkedIn ที่เป็นเหมือนช่องทางในการเข้าถึง connection ก่อนได้รับโอกาสเข้าไปสอบสัมภาษณ์งานที่บริษัท Rosenblatt Securities จนได้รับเข้าทำงานและสอบข้อเขียนผ่านได้รับใบอนุญาติ(ของ floor brokers) ซึ่งเธอบอกว่ายากมาก สำหรับคนที่ไม่ได้เรียน ไม่มีประสบการณ์หรือมีพื้นฐานความรู้ด้านการเงินมาก่อน นอกจากนี้เธอยังได้

Machine learning & High frequency trading

วันนี้ได้นั่งอ่านบทความเรื่อง Machine learning & High frequency trading มุมมองของ Dr. Henri Waelbroeck อดีตนักวิจัยด้าน นิวเคลียร์ฟิสิกส์ที่หันมาทำงานด้าน Quant เกี่ยวกับ HFT ยุคใหม่รวมถึงการพัฒนา AI ในการเทรด มีหลายประเด็นน่าสนใจเช่น ไอเดีย Alpha Profiling ที่ Lab วิจัยของ Portware, LLC ใช้ Machine learning ด้วยเทคนิค Decision Trees Algorithms และ Bayesian scoring ในการวิเคราะห์ข้อมูลผลการเทรด ร่วมกับ real-time market data เพื่อ optimize เรื่องของ time ในตัว trading execution บนกลยุทธ์การเทรดของ Trader หรือ Portfolio manager รวมไปถึงประเด็นเรื่อง prediction กับ noise data ที่เกิดในข้อมูลราคาบน dynamic system ที่คุณ Henri Waelbroeck ให้มุมมองจากประสบการณ์วิจัยกว่า 10 ปีได้น่าสนใจมาก บทความอาจจะเก่า แต่มีหลายประเด็นที่มีประโยชน์ลองอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก link ด้านล่าง https://www.ibtimes.co.uk/former-nuclear-physicist-henri-waelbroeck-explains-how-machine-learning-mitigates-high-frequency-1551097

การรับมือกับความไม่แน่นอนของตลาดหุ้น

ช่วงนี้เกือบ 90% บนหน้าเฟสบุ๊คจะเห็นมีแต่คนบ่นว่าตลาดหุ้นมันแย่ อาการจะหนักหน่อยสำหรับคนที่เพิ่มเริ่มเข้ามาในตลาดหุ้นช่วง 1700 1800 จุดช่วงปีที่ผ่านมา ภาวะตลาดรถไฟเหาะดีลังกาลงหนักวัน บวกกลับวัน หรือลงหนัก 2 วัน พักวัน มันเกิดขึ้นได้เสมอยิ่งภาวะผันผวนมากเทรดเดอร์ต้องยิ่ง รักษาภาวะอารมณ์ของตัวเองให้ดี สิ่งช่วยได้คือการยึดมั่นตามแผนตามระบบ ผมไปเจอโพสนี้ twitter ของเทรดเดอร์ เขาทำ flash card กระดาษที่เขียนด้วยลายมือติดตัวไว้ ลองเพ่งพยายามอ่านจะเห็นมันเป็นแผนเฝ้าระวัง Market crash นั้นเอง โดยเขาจะเขียนตั้งแต่ condition เพื่อสังเกตว่าเกิดการ crash จริงๆหรือยัง ตามมาด้วยสิ่งที่ต้องปฏิบัติ(อาจจะไม่ได้ละเอียดมาก แต่มันเน้นไปทางเตือนสติตัวเอง+การรับมืออารมณ์เป็นหลัก) ถามว่ามีประโยชน์อย่างไร คำตอบคือ มีมากเพราะ ถ้ามันเกิด crash จริงๆ ลบหนักลงหนักๆ ยิ่งในตลาดที่มีการขายด้วย algorithmic trading ด้วยแล้ว ความ panic มันจะมาเยือน เทรดเดอร์อาจจะซ๊อคนิ่งจากภาวะขาดทุนตัวแดงที่เกิด พวกนี้เขาเลยทำ Emergency Card ขึ้นมาเตือนตัวเองพอ สถานการณ์มันเกิด เขาลงมือทำทันที ตัดสินใจตามแผนที่วางไว้

ความผิดพลาดของ Druckenmiller

คำกล่าวคลาสิก ที่ว่า "คนที่ไม่ทำผิดพลาด คือ คนที่ไม่เคยทำอะไรเลย" หรืออีกนัยยะคือ เมื่อเรามุ่งมั่นจะลงมือทำอะไรสักอย่าง ระหว่างทางย่อมเจอกับความผิดพลาดได้เสมอ สิ่งที่แตกต่างระหว่างผู้ชนะกับผู้แพ้ นั้นคือ การรับมือและการเรียนรู้กับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ขึ้นต้นด้วย ความผิดพลาดเพราะวันนี้ไปอ่านเจอบทความหนึ่งของคุณ Michael Batnick เป็นผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Ritholtz Wealth Management LLC เขาเขียนถึงเรื่องความผิดพลาดของนักเก็งกำไรระดับโลกอย่างคุณ Stanley Druckenmiller ชื่อเสียงส รรพคุณคงไม่ต้องบรรยายมากเพราะปัจจุบันเขาเป็นตำนานอีกคนที่มีผลงานเทรดเรคคอร์ดย้อนหลังระยะยาวที่ยอดเยี่ยม เรื่องราวนี้ย้อนไปช่วงฟองสบู่ดอทคอม ช่วงต้นปี January 1999 ที่คุณ Druckenmiller มองเห็นว่าตลาดมันกำลังเข้าฟองสบู่หุ้นมัน Over Value มากเขาจึงเข้า short หุ้นกลุ่ม Tech Stock มูลค่าราวๆ $200 million ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะโกยผลตอบแทนได้มหาศาล แต่ผลออกตรงข้ามเพราะ position ที่เข้าไป short นั้นเปิดเร็วเกินไป หุ้นกลุ่ม Tech ยังวิ่งต่อจากต้นปีไปได้อย่างต่อเนื่อง เขาทนถือสถานะไม่ไหวต้องปิด ยอ

กรณีศึกษาหุ้น GE เมื่อหุ้น 100 ปีที่ต้องพบกับฝันร้าย

ตลาดหุ้นสหรัฐ มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญ อันหนึ่งคือเรื่องการที่หุ้นบริษัท GE หุ้นเก่าแก่ระดับตำนานโดนถอดออกจากการคำนวณดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์(Dow Jones industrial average) ซึ่งหุ้นบริษัท GE อยู่ใน DJ30 เป็นตัวแทนอุตสาหกรรมหลักสหรัฐมาตั้งแต่ปี 1896 (เป็นบริษัทจดทะเบียนเก่าแก่อายุระดับกว่า126ปี ) โดยทำสถิติอยู่ใน DJ30 ต่อเนื่องแบบไม่หลุดกว่า 111 ปี ช่วงปีที่ผ่านมาแม้ตลาดหุ้นสหรัฐเข้าภาวะกระทิง แต่ด้านหุ้น GE ก็อาการสาหัส ราคาลงอย่างรุนแรง ปีนี้ -25% และราคาหุ้น -55% ในรอ บ 12 เดือน สอดรับกับผลประกอบการที่ถดถอย ไม่สู้ดีเท่าไหร่ ส่วนหุ้นเข้ามาแทนที่ในดัชนี DJ30 คือหุ้นบริษัท Walgreens Boots Alliance.ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายยาและเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐมีขนาด market cap ที่ $64 billion. David Blitzer ผู้อำนวยการของ S&P Dow Jones Indices ให้สัมภาษณ์ว่าทุกวันนี้อุตสาหกรรมเปลียนไป การเกิดเปลี่ยนแปลงแบบนี้ย่อมเกิดได้ การเข้ามาของ Walgreens Boots Alliance จะเป็นอีกตัวแทนของกลุ่มอุตสาหกรรม consumer and health-care sectors ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ ปล. เขียนบันทึกไว้เป็นอีกหน

The Gambler เทรดยังไงไม่ให้เป็นผีพนัน

เมื่อเช้ามีน้องคนหนึ่ง เขียน email มาให้ช่วยแนะนำหนังสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่(Rookie Trader) สำหรับนอนดูวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมใช้เวลาไม่นานในการตอบเท่าไหร่ เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมา หนังเรื่องหนึ่งที่ผมจะแนะนำให้คนที่เริ่มเข้ามาเป็นเทรดเดอร์ดูคือ เรื่อง The Gambler หนังของ Mark Wahlberg The Gambler เป็นหนังรีเมค เป็นเรื่องของ อาจารย์มหาลัยสอนวิชาวรรณกรรม คนหนึ่งภาพลักษณ์ดี การศึกษาดี ครอบครัวฐานะดี แต่ติดพนันอย่างหนัก คนหยิ่งยะโส มั่นใจในฝีมือตัวเอง เล่นบ่อย ทุ่มแทงหนักแต่ไม่รวย ยิ่งเล่นยิ่งขาดทุน จนเป็นหนี้กับพวกมาเฟียปล่อยเงินกู้และเจ้าของบ่อนหลายราย ทำให้ชีวิตตกไปอยู่ในด้านมืด ตรงนี้คือแก่นหนักในการเดินเรื่องของหนัง สิ่งที่แนะนำให้ดูหนังเรื่องนี้คือ คุณจะได้รู้จักว่า นักพนันหรือผีพนัน จริงๆบนโลกนี้เป็นอย่างไร การผิดพลาดซ้ำๆแบบไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หยุดนิสัยพนันไม่เป็น หวังพึงพาโชคและดวง แถมไม่มีวินัยการเงิน ถล่ำลงไปบนกองหนี้มหาศาล การเสพติดความเสี่ยงที่ไม่รู้จบ นำพาซึ่งความหายนะในชีวิตตัวเองและครอบครัว ดูเรื่องนี้จบ คุณจะได้เข้าใจว่า การเป็นนักพนัน มันไม่ดีอย่างไร แล้ว

กรณีศึกษาการ Short หุ้น Tesla ของ Jim Chanos

กรณีศึกษาการ Short หุ้น Tesla ของ Jim Chanos แห่ง Kynikos ( AUM $2 billion) ซึ่งเป็นเหมือนผู้นำที่ออกมาตั้งแต่ 4ปีก่อน หนักสุดคงเป็นปีที่แล้ว 2017 ที่แกดูออกสื่อบ่อย แถมปลายปีก็ถล่ม Elon Musk อย่างเปิดเผยในหลายประเด็นเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของ TESLA รวมไปถึงการใช้เวลาของ Musk ใน SpaceX และบริษัทลูกมากกว่าการดูแล Tesla ซึ่งเหมือนได้ผลนะเพราะกระแสการ short หุ้นตัวนี้เพิ่มมากขึ้นในช่วงปีที่แล้ว แถมราคาก็มีทรุดแรงเป็นระยะลุ้นในช่วงต้นปี 2018 ถ้าตามราชาขา Short Selling อย่าง J im Chanos จะทราบว่าปกติตัวอื่นๆที่แกเทรด ไม่ค่อยออกมาให้ความคิดเห็นถี่ขนาดนี้(Baldwin-United, Enron , Envision ) Jim Chanos ออกมารอบล่าสุด 14 June โดยมีความน่าสนใจเพราะรอบนี้พูดเรื่องกลยุทธ์ด้วยนิดหน่อย จากนักข่าวถามว่าจะถือ position การ short sell ตัว TSLA ไปอีกนานแค่ไหน(ถือมาแล้ว 4 ปี) คุณ Chanos ตอบกลับมาว่า "indefinitely" นานโดยไม่มีกรอบเวลากำหนด เพียงแต่รับรู้ขาดทุนระยะสั้น ซึ่งแกยังเชื่อว่า ระยะยาวจะทำกำไรได้(ความมั่นใจยังมีสูง) แม้จะต้องสู้กับฝ่ายตรงข้ามซึ่งเป็นนักลงทุนรายใหญ่ ที่ยังเข้าซื้อหุ้

North Tabor : Hedge fund ม.ปลาย

เรื่องราวของ North Tabor Capital บริษัท hedge fund ที่บริหารโดยเด็กวับรุ่นอายุเพียง 18 ปี ชื่อคุณ Cole Mattox ซึ่งใช้ห้องนอนที่ที่ทำงาน วางแผนและลงทุน ควบคู่ไปกับการเรียนม.ปลาย ปีสุดท้าย ก่อนจะเข้าศึกษามหาวิทยาลัย Pennsylvania ด้านบริหารธุรกิจ(Wharton School of Business) บางท่านอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องขายฝัน Wonder boy แบบนิยมสร้างภาพหลอกกันหรือเปล่า? อันนี้ CNBC เขาก็ไปตรวจสอบมาให้เบื้องต้นแล้วว่ามีการตั้งบริษัทจริง บริหารเงินให้ลูกค้าจริงโดยไปสัมภาษณ์บอร์ดที่ปรึกษาของบริษัท คุณ Stacy Brown-Philpot ตำแหน่งเป็น CEO ของบริษัทเจ้าของ app ชื่อดังอย่าง TaskRabbit (ปัจจุบันควบรวมกับ IKEA) ส่วนเรื่องรายละเอียดผลตอบแทน และรายชื่อนักลงทุนในฟันด์ ทางคุณ Mattox ไม่ได้เปิดเผยเพราะกลัวละเมิดกฏความเป็นส่วนตัว เขาได้ให้รายละเอียดว่าปัจจุบันมีนักลงทุนเป็นลูกค้าฟันด์ราวๆ 4-5 คน(ดำเนินการตามมาตรฐาน SEC รับบริหารเงินนักลงทุนมีรายได้ต่อปีมากกว่า 2 แสนเหรียญ, สินทรัพย์มากกว่า 1 ล้านเหรียญ) เรื่องราวเนื้อหาค่อนข้างยาวและมีสกู๊ปเป็นวีดีโอ ผมสรุปสาระประเด็นสำคัญที่เราเรียนรู้ได้ไว้ให้เบื้องต้นดังนี้

Omega Ratio

วันนี้มาตอบคำถามจากน้องๆที่เริ่มใช้งาน Psyquation (มีหลายฟังก์ชั่นการวิเคราะห์ที่มีประโยชน์มาก อย่าไปนั่งยึดติดดูที่ score อย่างเดียว หัดใช้เพื่อพัฒนาตัวเราในอนาคต ) เกี่ยวกับตัว Omega Ratio Omega Ratio พัฒนาต่อยอดมาเพื่อแก้ข้อจำกัดของ Sharpe ratio หรือโมเดลที่ใช้การประเมินด้วย Mean และ Variance เพราะบางกรณีเกิดการตีความที่อาจจะไม่เหมาะสมกับพฤติกรรมของ Performance ที่เกิดได้ ลองดูจากภาพประกอบ Shadwick&Keating ปี 2002 พัฒนาโมเดล Omega Ratio ขึ้นมาโดยหลักการคือแทนจะใช้แค่ Mean และ Variance ก็ทำการแบ่งพื้นที่ของ Return Distribution เป็นสองส่วนด้วย ค่า target return หรือ threshold จากนั้นวัดสัดส่วนของพื้นที่ cumulative probability distribution ทั้งสองที่ถูกแบ่ง (สรุปคราวๆไม่ได้ลงเรื่องของสมการและวิธีการหาค่า ลองไปอ่านใน link ด้านล่างได้) ส่วนการตีความ Omega Ratio มากกว่า 1 ถือว่า OK แน่นอนว่าถ้ามีค่ามากก็มีแนวโน้มดี สะท้อนความน่าจะเป็นที่จะให้ return ที่ดีและยังใช้การประเมิน risk metric เพื่อเฝ้าระวัง risk ที่เกิด แต่แน่นอนว่าการตั้ง threshold ก็มีผลต่อค่าคำนวณดังนั

ฺBitcoin กับความคิดเห็นของ Jim Chanos

มุมมองเกี่ยวกับ Bitcoin ของ เจ้าพ่อ Short seller คุณ Jim Chanos ล่าสุดออกมาให้ความเห็นประมาณว่า Bitcoin จะ Fail ในช่วงการเกิดวิกฤติ (It would fail in a crisis) อีกนัยยะคือแกมองว่า Bitcoin จะไม่สามารถรักษามูลค่า(store of value )ของตัวมันเองในช่วงวิกฤติได้ คุณ Jim Chanos ตบท้ายสั้นๆต่อว่า ถ้าเกิดวิกฤติเขาจะเอาเงินไปซื้ออาหารดีกว่า สะสมบิตคอย “The last thing I’d want to own is Bitcoin if the grid goes down.” Food would be better, นั้นก็เป็นอีกหนึ่งความคิดเห็น หนึ่งมุมมองที ่น่าสนใจ จากมุมมองนักเก็งกำไรขา short มากประสบการณ์ ที่เคยทำนายการถล่มของ Enron Corp มาแล้ว ไม่แน่ใจว่า Winkelvoss จะกล้าท้าเดิมพันให้ Jim Chanos วางเงินไว้ที่ปาก Short Bitcoin แบบท้า Bill Gates หรือไม่ เพราะถ้าเกิดจริง คงได้เห็นอะไรสนุกน่าดู อ ้างอิงจาก https://www.bloomberg.com/news/articles/2018-06-04/chanos-calls-bitcoin-last-thing-i-d-want-to-own-in-a-crisis

Internet Trend 2018

วันก่อนพูดถึงเรื่องการจัดพอร์ตแบบผสมเลือกหุ้นสไตล์ thematic ตาม Mega Trend แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงธุรกิจยุคใหม่บนโลก Internet ที่มีศักยภาพในการเติบโต รับจำนวนประชากรบนโลกออนไลน์แบบไร้พรหมแดนจำนวนเกือบ 3.6 พันล้านคนในปัจจุบัน วันนี้ผมมีรายงานการศึกษาของ kpcb เรื่อง ธุรกิจออนไลน์ในโลกยุคใหม่ ข้อมูลประเภทธุรกิจ ตัวเลขการขยายกิจการ จำนวนผู้ใช้ล่าสุดและแนวโน้มในอนาคต ซึ่งรายงานมีหลากหลายประเภท ทั้งเรื่องธุรกิจเช่น online shopping , Online Service (เช่น อย่าง Uber,Airbnb) , Online  Payment ,Delivering Product เป็นต้น เรื่องเกี่ยวกับ innovation รวมไปถึงเรื่องปริมาณการแลกเปลี่ยนข้อมูล , เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง และอื่นๆ ลองเข้าไปดูได้จาก link ด้านล่าง สามารถดาวน์โหลดรายงานเป็น pdf ได้ ตรงนี้เราใช้ข้อมูลประกอบวางแผนการ หาหุ้น ETFs (โดยเฉพาะในตลาดอเมริกา ยุโรป) หรือธุรกิจในการลงทุน ได้ต่อไป ดาวน์โหลดได้จาก http://www.kpcb.com/internet-trends

108คำถามกับ Ray Dalio

เช้านี้นั่งอ่าน AMA ของ Ray dalio ทาง  reddit.com  ค่อนข้างเยอะ ใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการอ่าน คอมเมนต์โต้ตอบไปมาระหว่างผู้ถาม และคุณ ray dalio มีหลากหลายประเด็น และมีจำนวนมากอาจจะโต้แย้งเชิงความคิดกับคุณ ray dalio แต่แกก็ตอบคำถามดี ไม่มีหัวร้อนหรือใช้อารมณ์ ประเด็นหลักอิงบนหนังสือ Principle แต่ก็จะมีคนถามหลากหลาย เช่นเรื่อง เช่น -ภาวะเศรษฐกิจ เรื่องการวางแผนรับมือความเสี่ยงในการลงทุน ประเด็นนี้คุณ Ray เน้นไปที่การกระจายความเสี่ยงไปยังหลายๆโอกาส ในหลากหลายสินทรัพย์ที่มี discount  เช่นเดียวกันแนะนำนักลงทุนไม่ให้ยึดติดกับทิศทางตลาดมาก - คุณ Ray บอกอดใจรอไม่นาน 6-12 เดือนมีหนังสือเล่มใหม่ economics and finance principles -ท่านหนึ่งถามเรื่อง principle กับการเลี้ยงลูก อันนี้น่าสนใจเพราะผู้ถามมองว่า ถ้าให้เด็กไม่ทำตามคำสั่ง เปิดช่องให้มาตั้งข้อสงสัยในคำสั่งของพ่อแม่ แบบนี้จะไม่เกิดปัญหาหรือ ?? คุณ ray แนะนำว่า มันคงต้องหาจุดลงตัวผสมทั้งสอนให้เด็กเรียนรู้อยู่ในกรอบ ทำตามกฏและสอนให้เด็กคิด ได้ลองผิด ได้ล้มเหลวในบางเรื่อง เพื่อให้เกิดการเรียนรู้มากกว่าแค่ทำตามคำสั่ง - คำถามว่าถ้า ray dalio ไม่

" EU is in an existential crisis”

George Soros ออกมาเตือนเกี่ยวกับ EU อีกครั้งในการบรรยายที่งานประชุมสัมมนาจัดโดย European Council คุณ Soros ชี้เป้าไปที่ประเด็นค่าเงินและการเมือง จุดอ่อนการรวมประเทศของ EU และใช้ค่าเงินเดียวกัน กลายเป็นปัญหาภัยคุกคามความมั่นคงทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงการเมืองที่พรรคสายประชานิยมกำลังขึ้นมามีอำนาจแล้วชักนำประเทศไปสู่การแยกตัวแบบที่เกิดกรณี Brexit ซึ่งตอนนี้เป็นประเด็นวิตกกังวลที่กำลังเผชิญกับประเทศอิตาลี บวกรวมกับปัญหาเดิมของ EU เช่นเรื่องนโยบา ยเปิดพรมแดนรับผู้อพยพที่ตามมาซึ่งเรื่องปัญหาการก่อการร้ายในยุโรป และรวมถึงนโยบายการแก้ปัญหาหนี้สาธารณะ ลดรายจ่ายของประเทศที่มีปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก ทำให้โซรอสเชื่อว่า ไม่เกินเลยที่จะกล่าวว่า EU ตกอยู่ในความเสี่ยงด้านความมั่งคงในการรวมเป็นเอกภาพ ส่วนปมการเมืองเรื่องการล้มข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านของสหรัฐ ก็จะนำไปสู่ภาพความสัมพันธ์ที่เสื่อมลงระหว่าง US และ EU เช่นเดียวกัน soros พูดถึงปัญหา การแข็งค่าของ USD และการเกิดภาวะ Fund flow ไหลออกจากตลาด EM ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ค่าเงินอ่อนตัว ซึ่งโซรอสมองว่าจะนำไปสู่วิกฤตการเงินครั้งใหญ่ ตอนท้าย

กระบวนการคิดและตัดสินใจอย่างเป็นระบบ

Key สำคัญในการเทรดให้ประสบความสำเร็จนั้นคือ "การตัดสินใจ (Decision Making)" ระบบเทรด(trading system) แกนหลักประกอบด้วย กลยุทธ์การเทรด(entry&exit)และการบริหารจัดการเงิน นั้นก็คือ Framework มาช่วยการสนับสนุนการตัดสินใจ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะในสนามจริงที่มีเวลาจำกัดมีความกดดันจากผลกำไรขาดทุนจริงที่เกิด มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะคิดได้เร็ว ตัดสินใจได้ดีโดยปราศจาก Bias ทางอารมณ์ ถ้าเป็นมือใหม่หัดเทรด อยากจะ day trading หรือจะสั้นระดับ scalping มันไม่ใช่แค่เรื่องการนั่งเฝ้ าหน้าจอส่องกราฟ ส่องแท่งเทียน อย่างเดียว สิ่งควรเริ่มทำคือการฝึกหัดเรื่องการตัดสินใจ บนภาวะที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอนให้เป็นก่อน ทักษะนี้คุ้มค่ามากถ้าเราเรียนรู้ และทำได้ดี โดยเฉพาะการสร้างระบบมาบริหารจัดการอารมณ์ ไม่ให้เกิดการแทรกสอดในการตัดสินใจ การรู้จัดประเมินความน่าจะเป็น และสุดท้ายเรื่องของการดีลกับผลของการตัดสินใจ action ที่เกิดตามมาทั้งดีและร้าย เพราะมันคือทักษะเดียวกันกับการ take risk ในชีวิตประจำวัน หรือการทำธุรกิจ เพียงแต่ความถี่ของการตัดสินใจในการเทรด มันจะเกิดบ่อย เ

มุมมองการใช้เครื่องมือ Technical Analysis จาก Jeffrey Gundlach

มุมมองเรื่องการใช้เครื่องมือ Technical Analysis จากนักลงทุนรุ่นเก๋า ประสบการณ์สูงกว่า 35 ปีและมีชื่อเสียงอย่างมากโดยเฉพาะตลาดพันธ์บัตรอย่าง คุณ Jeffrey Gundlach ซึ่ง เป็น CIO และผู้บริหาร investment firm ชื่อ Double Line Capital โดยสรุป Gundlach กล่าวว่าเขาเองก็ใช้การวิเคราะห์ราคาจาก Technical Analysis แต่เหมือนทราบกันว่ามันไม่ได้ 100% ในทุกภาวะตลาด( work some of the time and fail some of the time) คุณ Jeffrey Gundlach เขาเน้นใช้เครื่องมือเทคนิคอลลักษณะการพิจารณา Demand  Supply รวมถึงติดตามการเปลี่ยนแปลงราคา asset บนระดับแนวรับ แนวต้าน ผสานไปกับการพิจารณาข้อมูลพื้นฐาน ข้อมูลเศรษฐกิจประกอบ โดยเขาเน้นใช้ เทคนิคอลในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนต่ำบนสภาวะที่แน่นอน ภาวะตลาดที่ technical analysis ทำงานได้ดี 70% คือช่วงที่สัญญาณที่เกิดมันสอดรับกับภาวะเชิง sentiment It works when the market’s resistance and support levels are “in sync” with sentiment signals, When those things marry together, “technical analysis works 70% of the time.” ปล. นำมาแชร์เพื่อจะได้เปิดมุมมอง และทำให้ตระหนัก

Skin in the game

ทำทางด้าน Quant ถ้าเขียนโปรแกรมพัฒนาโมเดลอย่างเดียว ไม่ทดสอบไม่ให้ระบบได้เทรดจริง ทำงานจริงในตลาด มันไม่ค่อยจะเกิดประโยชน์หลายครั้ง เกิด Bias ในการสรุปผลการทดลอง หรืออาจจจะทำให้เราหลงเชื่อในสมมติฐานที่มันอาจจะไม่ใช้ได้จริงในตลาดอีกด้วย ดังนั้นส่วนตัวผมเวลามี idea มีสมมติฐานเกี่ยวกับกลยุทธ์หรือโมเดลการเทรด เราทำการทดสอบ+ทำ simulation ระดับหนึ่ง จากนั้นปล่อยให้ระบบรันเงินจริง ทำงานจริง 5 วัน 24 ชม.ในตลาด เพื่อเก็บข้อมูลผลการเทรด ไม่ว่าจะกำไรหรือขาดทุน ซึ่งเริ่ม จาก level 1 ด้วยเงินที่น้อยจำกัดทรัพยากร(สิบเหรียญ)และจากนั้นขยายไประดับ level ที่สูงขึ้น จนถึงระดับหลักพันเหรียญ เรียกว่าทดสอบเงินจริง ผลกำไรขาดทุนเกิดจริง รับความเสี่ยงจริงแบบ Skin in the game ไม่ใช่แค่โชว์ท่ายาก โชว์ math เหนือชั้น แต่ใช้จริงไม่ได้แบบนั้นก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร ซึ่งแต่ละ level จะใช้เวลาราวๆ 2 เดือน เพื่อทดสอบให้ได้ค่าตามเกณฑ์(จำนวนแต้มและจำนวนครั้งการเทรด) ต้องใช้เวลาไม่ใช่แค่การทำกำไรระยะเวลาสั้นไม่กี่ครั้ง การทำแบบนี้จะทำให้เราได้ระบบเทรด ที่อยู่รอด ทำงานได้จริงในตลาด และได้ข้อมูล trading result ที่เกิ

ทำไมการอ่านจึงช่วยพัฒนาเทรดเดอร์

ผมเป็นคนชอบอ่าน(มากๆพอกับการชอบเขียน) ยิ่งทุกวันนี้สามารถใช้อินเตอร์เน็ตเข้าถึง หนังสืออีบุ๊ค บทความดีๆ paper หรือเว็บไซต์ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึก พร้อมบทวิเคราะห์จาก ผู้เชียวชาญทำให้กลายเป็นโอกาสชั้นดีในการเรียนรู้ และการพัฒนาตัวเอง เคยพูดถึงในคลิป rookie trader ตอนหนึ่งว่าทุกวันผมจะใช้เวลา 2 ชม.ต่อวันในการอ่านแล้วจดบันทึก อีก 1 ชม. ในการลงมือทำ สิริรวม 3 ชม.ในการเรียนรู้ทำความเข้าใจสิ่งใหม่ๆ ก็มีคำถามตามมาว่ามันไม่เยอะเกินไปหรอ จริงๆถ้าเทียบกับสิ่งที่ต้องศึกษา ต้องทดลองลงมือทำ มันก็คงไม่มากไป ตอบค ำถามประเด็นนี้ทำให้นึกถึงคำพูดของ Abraham Lincoln ที่กล่าวไว้ว่าถ้าให้เวลาเขา 6 ชั่วโมงในการตัดต้นไม้ เขาจะใช้เวลา 4 ชม. แรกในการลับขวานให้คม สำหรับผมการอ่าน+การพัฒนาระบบเพื่อทดลองลงมือทำต่อยอดความรู้ ก็เหมือนการลับขวานให้คม ก่อนออกไปลุยในตลาดเก็งกำไรจริง อยากชวนให้น้องๆเทรดเดอร์ หันมาสนใจหัดอ่าน หัดเรียนรู้กันเยอะๆ ก่อนจะรีบเข้าไปเร่งจะโกยกำไร ล่ากำไรเงินล้าน เพราะการเรามีองค์ความรู้ที่มาก เข้าใจได้มาก ยิ่งทำให้เราได้เปรียบ สิ่งสำคัญ ทุกวันนี้เรามี Internet เป็น Leverage หรือกำลั