ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

Pixie Curtis นักธุรกิจวัยเยาว์เงินล้าน

Pixie Curtis ปัจจุบันเธออายุ 10 ขวบแต่เธอก็เป็นเจ้าของธุรกิจ ขายของเล่นชื่อ Pixie's Fidgets ที่เพิ่งก่อตั้งได้ปีกว่าๆ และบริหารงานโดยคุณแม่ของเธอ Roxy Jacenko ,นอกจากบริษัทของเล่นแล้วเธอยังมีบริษัท Pixie's bows ที่ขายพวกเครื่องประดับ ตกแต่งผมสำหรับเด็กๆที่เธอเป็น นางแบบขายสินค้าตั้งแต่ปี 2014 บน Pixie’s Instagram อีกด้วย (ซึ่งด้วยการนำเสนอและความน่ารักของเธอก็ทำให้ มีคนดังราคาจำนวนมากเป็นลูกค้าและบอกต่อเรื่องราวของเธอ) ความน่าสนใจของพาดหัวข่าวนี้คือเล่มเรื่อง Retire ระดับหลายล้านเหรียญของ Pixie Curtis แต่เบื้องหลังความสำเร็จมากจากคุณแม่ Jacenko ที่เธอเป็นนักธุรกิจ และนักการตลาดที่เก่ง เธอใช้ลูกสาว Pixie Curtis เป็นผู้โปรโมท สินค้าของเล่น,และเกมส์ต่างๆ ผ่านการตลาดออนไลน์ ซึ่งด้วยภาพลักษณ์และเรื่องราวการทำธุรกิจของ Pixie ก็ทำให้มีคนติดตามเธอกว่า 100,000 บน Instagram , ซึ่งก็ทำให้กลายเป็นฐานลูกค้าในการทำธุรกิจ ของเธอ จนสามารถสร้างกำไรจำนวนมากได้ โดยช่วง covid-19 คุณ Jacenko บอกว่ายอดขายของเล่นและสินค้าสำหรับเด็กออนไลน์ โตมากสร้างรายได้หลัก แสนเหรียญต่อเดือน เลยทีเดียว ซึ่งทำให้เ

Risk of Ruin

  วันนี้มีบรรยายเรื่อง Risk of Ruin ในหัวข้อ "การวิเคราะห์โอกาสหมดตัวด้วย Risk of Ruin" เนื้อหาจะอธิบายเทคนิคการวิเคราะห์ ROR เพื่อวัดความแข็งแกร่งของระบบเทรด, และเรียนรู้เรื่องการ optimize ขนาดของ Risk Per Trade เบื้องต้นเพื่อทำให้ ระบบมีค่า ROR ในระดับที่ต่ำ เพื่อการอยู่รอดในตลาดจริง , โดยจะสอนวิธีคิดทั้งโมเดลแบบของคุณ Perry J. Kaufman และของคุณ Ralph Vince รวมถึงตัวอย่างการคำนวณ และสอนวิธีการใช้ Risk of Ruin Calculator สำหรับการประเมินระบบเทรด จาก MyFXbook ให้ได้ทดลองใช้งานจริงในการเทรด อีกด้วย เวลา 20.00 ท่านที่สนใจติดตามได้จา link ด้านล่าง, https://youtu.be/tGtIYt4kVC8

สรุปผลตอบแทนสินทรัพย์ ปี 2021

ผลตอบแทนสินทรัพย์ ปี 2021 นำมาจากบทความ 2021: The Year in Charts -ของคุณ Charlie Bilello ความน่าสนใจคือเขาทำเปรียบเทียบย้อนหลัง 10 ปีของผลตอบแทนใน asset ต่างๆ ซึ่งปี 2021 ที่ผ่านมา asset ประเภท Commodity 41.4% (แม้ผลรวม 10 ปีจะติดลบ -22.4% ก็ตาม) ส่วนอีกกลุ่มที่ฟื้นมาได้ในปี 2021 คือ US REIT +40.5% หลังย่อลงในปี 2020 ค่าเฉลี่ยผลตอบแทน 10 ปีของ US REIT 11.2% ที่น่าสนใจคือผลตอบแทนสะสม 10 ปี +222.7% , ส่วน SPY +28.7% ส่วนกลุ่ม Tech อย่าง Nasdaq100 ปีที่ผ่านมา +27.4% บวกต่อเนื่องมาหลายปีมาก และเป็น asset กลุ่มที่โดดเด่นตั้งแต่วิกฤติ 2008 , สะสม 10ปีผลตอบแทน 712.7% ,ผลตอบแทนเฉลี่ย 10 ปี +21.0% REIT เป็นอีก asset class ที่ผมเขียนถึงบ่อยๆ กลุ่มผลตอบแทนต่อเนื่อง ความเสี่ยงต่ำ แม้REIT ทั่วโลกจะรับผลกระทบจาก covid-19 แต่ปี 2021 ที่ผ่านมาเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นของราคาหน่วยลงทุน โดยเฉพาะ REIT ในกลุ่มโรงแรม และ ค้าปลีก ส่วนปี 2022 คงต้องติดตามดูโดยเฉพาะท่าทีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ Fed และการลดวงเงิน QE , แน่นอนว่าประเด็น Inflation ยังเป็นบวกต่อสินทรัพย์กลุ่มนี้ ปล. REIT ไทยหลายตัวอาจจะยั

A history of technical analysis, from 18th century Imperial Japan to Bitcoin price movements today

อันนี้นะครับ ที่ผมพูดถึงเมื่อวาน บทความชื่อ "Reading Between the Lines A history of technical analysis, from 18th century Imperial Japan to Bitcoin price movements today" ของ winton capital , Fund สาย CTA ที่เก่าแก่เจ้าหนึ่งที่อยู่ในตลาดกว่า 25 ปี ของคุณ David Harding (เทพ futures trader สาย Trend following,CTA ) ,บริหารเงิน AUM: US$ 7.3 billion (ต้องลงรายละเอียดหน่อยเดี่ยวคนจะหาว่า บทความเขามั่วไม่น่าเชื่อถือ) บทความเขียนเรื่องราวประวัติการใช้ technical analysis กับตลาดอันยาวนานตั้งแต่ยุค 1800 สมัยแท่งเทียนญุี่ปุ่นกับตลาดค้าข้าว จนมาถึงปัจจุบัน (ช่วงปี 2018) ซึ่งเป็นยุค Cryptocurrency mania การใช้เทคนิคอลในตลาดคริปโตเช่นการเทรด Bitcoin บทความนี้ดีแนะนำให้อ่าน แต่คงไม่แปล เพราะมันมีบางเรื่องที่ละเอียดอ่อน คนส่วนใหญ่ไม่ชอบฟังอะไร ที่ขัดความเชื่อ แต่อยากจะแนะนำว่า ถ้าเราเปิดใจเรียนรู้ มันจะทำให้เรา มองเห็นทาง และเข้าใจความเป็นจริง แล้วจะยิ่งเติบโต พัฒนาแนวทางใช้เครื่องมืออย่าง เทคนิคอล ได้ดียิ่งขึ้นครับ... เข้าไปอ่านบทความได้ที่ https://www.winton.com/longer-view/reading-betwee

แจกฟรี Ebook

พอดีมีคนขอ Ebook ที่เคยเขียนเข้ามาเยอะพอควร(บางอันลิงค์หาย, โหลดไม่ได้) ตอนนี้เลยย้ายทั้งหมดขึ้นบน Meb ให้แล้ว ท่านที่สนใจสามารถเข้าไปดูได้ ตาม Link ด้านล่าง, ส่วนการอ่านก็ติดตั้ง Meb Application แล้วเข้าไปโหลด ebook เก็บไว้ เพื่ออ่านได้เลย 1. The Trader's Journal volume3 2. The Trader's Journal volume4 3. The Trader's Journal volume5 4. The Trader's Journal volume6 5. The Trader's Journal volume7 6. มนุษย์หุ้น 2.0 7. เรียนเทรดหุ้นจากหนัง เล่ม1 8. เรียนเทรดหุ้นจากหนัง เล่ม2 9. ปรับแนวคิดผ่าวิกฤติ ตลาดหุ้นขาลง 10. TED Talk for Trader URL https://bit.ly/3eID19k ปล. ปีนี้เนื่องจากออกหนังสือเล่มใหม่ จึงไม่ได้ทำ ebook ฟรีแจกเหมือนทุกปีนะครับ , ถ้าอยากอ่านงานเขียนผมก็ไปช่วยอุดหนุนหนังสือเล่มล่าสุด "31 เคล็ดลับการเทรดเพื่อเอาชนะตลาดอย่างยั่งยืน : ROBUST TRADING SYSTEM" ได้ครับ

รีวิวสั้นๆหนังสือที่อ่านจบในปี2021

  ตอนต้นปีตั้งใจจะอ่านหนังสือเดือนละ 1 เล่ม, แต่เอาจริงๆก็ไม่ง่ายเท่าไหร่เพราะเวลาไม่ค่อยอำนวย(บวกอ่านแบบอีบุ๊คด้วยทำให้อ่านช้าลง), สรุปปีที่แล้วได้อ่านหนังสือ จบจริงๆ 7 เล่มเท่านั้นเอง (แต่ยังอ่านเยอะมากทุกวัน แต่เน้นไปทางบทความในเว็บ มักจะตอบโจทย์ด้านการให้ความรู้ในบางหัวข้อที่ต้องการในการทำงานมากกว่า) หลายเล่มที่อ่านก็เรียกว่า ดีและน่าสนใจจริงๆ เลยอยากนำรีวิวที่โน๊ตไว้มาแชร์ต่อเพื่อว่า ท่านที่สนใจหาหนังสืออ่านได้ใช้เป็นข้อมูลพิจารณาต่อไป 1. Positional Option Trading: An Advanced Guide -เล่มนี้ของ Euan Sinclair พอดีอยากได้หนังสืออ้างอิงใช้เทรด Option เลยสั่งซื้อมา , หนังสือเนื้อหาไม่ผิดหวังเลยแน่นมากตามสไตล์ของคุณ Sinclair เริ่มเนื้อหาก็ปูพื้นฐาน options พวก Theory และ Pricing Model , จากนั้นก็ค่อยๆลึกเช่นเรื่อง Forecasting Volatility แบบต่างๆ, -ส่วนที่ชอบสุดเรื่องกลยุทธ์ เขาเขียนอธิบายแจกแจงกลยุทธ์การเทรด options ไว้หลากหลาย โดยเฉพาะการเทรดระยะกลาง , หรือยาว เชิงกลยุทธ์เชิงซ้อน ,การใช้ประโยชน์ร่วมกับการเทรด spot เป็นต้น -ส่วนท้ายเรื่อง Money Management และการจัดการ Risk ในการเทรด o

Volume Weighted Average Price(VWAP)

  เมื่อวานเขียนบันทึกถึง ARKK แสดงกราฟราคาด้วย VWAP มีคนถามเข้ามาเยอะว่า ใช้งานยังไงวิเคราะห์อย่างไร วันนี้ผมเลยทำคลิปสอนการใช้งานเครื่องมือ Volume Weighted Average Price(VWAP) ซึ่งเป็นเหมือนเครื่องมือสารพัดประโยชน์ในการวิเคราะห์ market condition โดยผมสาธิตการใช้งานบน Trading View ให้ดูด้วยจะได้นำไปใช้งานได้ง่าย โดยบน TV สามารถใช้ได้ทั้ง VWAP. VWAP Band และ MVWAP ซึ่งทำให้ค่อนข้างหยืดหยุ่นในการนำไปใช้เพื่อการเทรดกลยุทธ์ต่างๆต่อไป ลองเข้าฟังบรรยายได้ที่ https://youtu.be/8q7PDghoRVY

ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงชอบคิดว่าการซื้อคริปโตดีกว่าซื้อที่ดิน

  ความเห็นส่วนตัวคล้ายกับหลายคนที่มาแสดงความเห็น เพราะ asset สองประเภทมันต่างกันโดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว ถ้าจัดกลุ่มตามเรื่องของสภาพคล่อง , รวมไปถึงเรื่องของขนาดเงินทุน ที่จะนำมาซื้อที่ดิน,และราคาที่ดินในปัจจุบันที่เดียวนี้สูง ต้องมีหลักล้านต่อไร่ขึ้น ถ้าจะเอาที่ดินทำเลดี ราคาเติบโต หรือ ปล่อยเช่าหา passive income ได้ แค่สองประเด็นนี้ ก็ทำให้คนส่วนใหญ่ ไม่สามารถลงทุนหรือจะซื้อครอบครองที่ดิน ได้แล้ว ,ต่างจากคริปโต ทั้งด้านสภาพคล่อง, จำนวนเงินขั้นต่ำลงทุนมีแค่ 300 ก็เทรดได้, เปิดบัญชีผ่าน มีทุนสัก 30000 ก็ใช้ leverage ได้ , ทำให้คนรุ่นใหม่ หาผลตอบแทนจากสินทรัพย์ ประเภท cryptocurrency แทน แต่แน่นอนว่า ก็ต้องรับความเสี่ยง(Risk) ที่เพิ่มมากกว่าหลายเท่าตัวเช่นกัน แต่ถ้าจะเทียบให้สร้างสรรค์หรือตีกรอบให้ใกล้เคียงกัน น่าเทียบ ที่ดิน(Land) กับ Digital land หรือ Metaverse digital real estate มากกว่า , แม้จะมีคนยังเข้าไปลงทุนไม่มาก แต่อนาคต ถ้า Metaverse หลายโปรเจคเติบโต และ Digital land มีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นสูงและมีสภาพคล่อง มีความต้องการมากกว่านี้ ก็อาจจะได้เห็น รูปแบบโมเดลการลงทุน และการสร้างผลตอ

Quantitative Technical Analysis

  จากที่ได้อ่านมาหลายเล่มมาก, เล่มที่ดีและชอบที่สุดเป็นเล่ม Quantitative Technical Analysis ของ Dr Howard B Bandy ออกมาปี 2015 แต่เขียนและเรียบเรียงประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะการวิเคราะห์ข้อมูลในตลาดปัจจุบัน (ไม่ใช่ยุคแรกเริ่มแบบ 1960-1975 ) ได้ดีมาก , และยังอธิบายแนวทางการนำเครื่องมือเทคนิค(Model)กับการวิเคราะห์ข้อมูล(Data)ไปใช้ทำระบบเทรด(System) ได้เข้าใจง่ายดีอีกด้วย แต่ไฮไลท์จุดเด่นของหนังสือนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง Technical Analysis แต่มันเป็นส่วนของ Trade Management และ Trading record analysis ที่คุณ Bandy อธิบายแนวทางการวิเคราะห์ผลการเทรด เพื่อปรับปรุงระบบเทรด และวิธีการเทรด ลักษณะที่เรียกว่า adaptive เพื่อให้ระบบเทรดและแผน Risk management สอดคล้องกับภาวะพฤติกรรมราคา ในช่วงเวลาต่างๆ , อันนี้สำคัญมาก ในการใช้งานทั้งระบบเทรด และเครื่องมือ Technical Analysis ในตลาดจริง เพื่อให้เห็นภาพและเข้าใจคำว่า Quantitative Technical Analysis หรือ QTA คืออะไร และต่างจาก Technical Analysis ทั่วไปอย่างไร ลองเข้าไปฟังรีวิว ได้จาก https://youtu.be/ZJUisNu44dI

The Dhandho Investor ,หนังสือ VI ที่นักเก็งกำไรควรอ่าน

  ปกติผมไม่ค่อยอ่านหนังสือด้าน VI แต่เล่มนี้เป็นเล่มแรกและเล่มเดียวที่ผมซื้อเก็บไว้ (ตามคำแนะนำของรุ่นพี่ท่านหนึ่ง) The Dhandho Investor ของคุณ Mohnish Pabrai เป็นหนังสือที่ผมอ่านแล้วรู้สึกชอบจริงๆ โดยเฉพาะแนวคิด Dhandho Principle , Heads I win ,Tails I don't lose much การประเมินความน่าจะเป็นในแต่ละ scenario ทั้ง Best case และ Worst case ที่จะเกิด, การวางแผนรับมือเพื่อคุม Downside ให้จำกัด, เมื่อเข้าไปเสี่ยงในเกมส์ที่มีโอกาสในการสร้าง Upside ที่สูง รวมถึงการมองหา Discount ที่เกิดจากความไม่ปกติของพฤติกรรมราคาในตลาด และมีหลายประเด็นในหนังสือที่สามารถนำมาต่อยอดได้ แม้จะเป็นเทรดเดอร์ ก็ตาม ใครสนใจลองเข้าไปชม Review และ Key Takeaway สำคัญได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=zWxwsSprdWg

Q&A เทรดหุ้นให้ได้เดือนละ 20,000 ต้องทำยังไง?

  พอดีมีคนถามเข้ามา โดยน้องคนนี้เขาอยากออกจากงานประจำมาเป็นเทรดเดอร์ และต้องการสร้างรายได้ ขั้นต่ำเดือนละ 20000 บาท เขาถามว่าเป็นไปได้หรือไม่? ผมเลยลองเอาประเด็นนี้มาอธิบายให้เห็นองค์ประกอบสำคัญของความเป็นไปได้ ที่มันไม่ใช่แค่ตัวเงิน 2000 บาท แต่ความยากมันคือความต่อเนื่อง(consitency) ที่เสถียรและสม่ำเสมอ ทุกเดือนในทุกภาวะตลาด(มากพอที่จะพึงพิง cashflow จากการเทรดเป็นเหมือนแหล่งรายได้), ยิ่งเริ่มต้นด้วยทุนที่น้อย บ้านไม่รวย +มาเริ่มตอนตลาดหุ้นช่วงนี้ ยิ่งทวีคูณยากไปอีก ดังนั้นมันจำเป็นต้องวางแผนสร้างเงินทุน capital และใช้เวลา ,โดยเริ่มต้นเทรดสินค้าที่ความผันผวนปานกลาง ไม่ต้องรีบใช้ leverage ไปก่อน ซึงเราต้องสร้าง edge ที่มาจากการเรียนรู้(Knowledge) และนำไปต่อยอดฝึกฝนส้รางทักษะ(Skill) จากนั้นทบทวนความผิดพลาดและสิ่งที่เกิดเพื่อสร้างประสบการณ์(Experience) ,มันต้อค่อยเป็นค่อยไปไม่ได้เกิดในเวลาสั้นๆ ข้ามคืน ข้ามสัปดาห์ จากการแค่ใช้ระบบเทรดหรือเครื่องมือเทคนิคอล แบบที่เห็นชอบโฆษณาขายฝันกัน บางคนบอกให้ไป DeFi กิน APY 1000-2000% ดังนั้น 2000 ง่ายๆสบายๆ ฟังแล้วก็แปลกใจ ที่ปัจจุบันยังมีคนเชื่

Market Profile & Volume Profile

  พอดีได้ไปตอบคำถาม แชร์ประสบการณ์การใช้งานโมเดลการวิเคราะห์ข้อมูล Market Profile & Volume Profile มาคิดว่าหลายคนน่าจะประโยชน์สำหรับคนอยากลองศึกษา เลยเอาคอมเมนต์มาแปะเก็บไว้ เริ่มต้นคงต้องแยก 2 เรื่องออกจากกันก่อนครับ Market Profile กับ Volume profile นั้นแตกต่างกันในด้านการใช้ data แต่วิธีคิดการวิเคราะห์คล้ายกัน คือดูการกระจายตัว หรือ distribution ของ market activity ในกรอบเวลาที่สนใจเช่น ภายในวัน โดยหลักการพื้นฐานคือการจำแนกลักษณะการกระจายตัวของ พฤติกรรมราคา แบบความเป็นปกติ(normal dis)และความไม่ปกติ ด้วยการ plot การกระจายตัวผ่านกราฟ histogram เป็น chart ที่ไม่ใช่ time series แบบกราฟราคาทั่วไป 1. Market Profile นี้ของ J. Peter Steidlmayer ลิขสิทธิ์ของ CBOT ดูพฤติกรรมตลาดในกรอบ day ตัวนี้ในหนังสือ Technical Analysis ของ John Murphy สอนไว้ละเอียดเลย อ่านตามนั้นได้ สรุปสั้นๆ ใช้ตัวอักษร A,B,C,D เป็นตัว marker นับ เพื่อดูการกระจายของราคาใน price level ต่างๆ ตามโมเดลของ CBOT ส่วนการนับ TPOหรือเลือกข้อมูลราคา นั้นจะมาร์คอักษร ทำความถี่การสังเกตทุก 30นาที ถ้าราคา TPO ซ้ำโซน Price level

ยิ่งเทรด ยิ่งกำลังเครียด ต้องระวัง

  ช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยก็ลงแรง(แค่ช่วง 3 วันดัชนี SET ลบไป -80 กว่าจุดจากความกังวลโอไมครอน), คริปโตก็ร่วงหนัก พอดีเจอคำถามเชิงปรึกษา ว่าจะทำยังไงดียิ่งเทรดยิ่งเครียด , บวกกับไปเจอโพสนี้ใน Pantip ผู้หญิงคนหนึ่งโพสถามว่า "เล่นหุ้นทำให้เครียดไหม" เพราะแฟนเธอดูเครียดมาก อารมณ์ไม่ดี หงุดหงิดง่าย หลังเริ่มต้นเข้ามาเทรดหุ้น ผมเลยนำประเด็นความเครียด มาคุยในหัวข้อ Q&A EP06 แชร์ประสบการณ์ตรงปัญหาความเครียด จากการเทรด ที่ผมว่าคนส่วนใหญ่ย่อมเคยเจอ พร้อมกับแนวทางในการรับมือและจัดการกับความเครียดให้ อยู่หมัด สนใจลองเข้าไปฟังได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=M5NdVbpBaVc อ่านกระทู้ต้นทาง https://pantip.com/topic/41117969

Thinking in bets

การตัดสินใจตอบสนองต่อสถานการณ์เฉพาะหน้า บนสภาวะที่จำกัดเช่น การมีข้อมูลที่จำกัด(ไม่สมบูรณ์ 100%),แข่งกับเวลาที่จำกัด(ช้าไม่ได้),การไม่รู้ถึงผลลัพธ์(ที่ตามมาจากการตัดสินใจ)สุดท้ายที่แน่นอน เรื่องพวกนี้คือสิ่งที่ นักเก็งกำไร หรือเทรดเดอร์ ควรจะเรียนรู้ และฝึกฝน เพื่อจะได้รับมือกับ ตลาด ได้ดีขึ้น การฝึกมีหลายแบบ ทั้งทางตรงคือหาประสบการณ์ในการเทรด ในตลาดให้มากๆ เก็บชั่วโมงบิน ที่นับจากการตัดสินใจเทรดจริง(เทรดให้ได้เกินสัก 100 ครั้ง) ไม่ใช่การนั่งเฝ้าหน้าจอ ดูอย่างเดียวไม่มี skin in the game หรืออีกแบบก็ฝึกทางอ้อมแบบเร่งด่วน จากการเล่นโป๊กเกอร์ เกมส์ไพ่ที่ต้องอาศัยการตัดสินใจในทุกเกมส์การเล่น ทำบ่อยๆจะช่วยฝึกการตัดสินใจ ของเราให้ดีขึ้นได้ พอดีสัปดาห์นี้ผมกำลังอ่านหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Thinking in Bets: Making Smarter Decisions When You Don't Have All the Facts ของคุณ Annie Duke เธอเป็นนักโป๊กเกอร์มืออาชีพชาวอเมริกัน อดีตแชมป์ WSOP ,ปัจจุบันเธอมาเป็นโค้ชและนักเขียน ซึ่งประเด็นการสอนเรื่องการตัดสินใจ ในหนังสือนี่ดีมาก เธอบอกว่า คนทั่วไป จะวัดผลการตัดสินใจจาก result ที่เกิด, แต่จริงๆการตัด

The Mathematics of Money Management

รีวิว The Mathematics of Money Management: Risk Analysis Techniques for Traders ของคุณ Ralph Vince เนื่องจากมีหลายท่านๆ โดยเฉพาะน้องๆเทรดเดอร์มือใหม่ สนใจอยากให้ช่วยแนะนำ แม้หนังสือเล่มนี้จะเป็นหนังสือเก่าแต่ก็เป็นหนังสือด้าน Money management ที่ดีที่สุดเล่มหนึ่งเลยที่มีออกขาย โดยยุคเริ่มต้นหนังสือที่เขียนถึง MM จะมาคู่กับกลุ่ม Trend Following สะเยอะ โมเดลยุคนั้นก็ไปด้าน Fixed Fractional ซึ่งก็มีข้อจำกัดในการใช้งานโดยเฉพาะในตลาดฟิวเจอร์ที่มีความผันผวน, ส่วนใหญ่,ยุค 1962 มีหนังสือของคุณ Edward O. Thorp ที่นำเสนอแนวทางของ Kelly criterion ในการบริหารเงิน(หลังจากนั้นคุณ Thorp ออกหนังสืออีกหลายเล่มเขียนถึงเรื่องนี้), ในปี 1992 คุณ Ralph Vince ซึ่งเป็นเทรดเดอร์และนักพัฒนาระบบเทรดที่สนใจเรื่องโมเดลการบริหารเงิน เขาก็ได้ออกหนังสือชื่อ The Mathematics of Money Management ที่เกี่ยวกับการบริหารเงิน ,การบริหารความเสี่ยงในการใช้ระบบเทรด เล่มนี้เป็นอีกเล่มที่มีการกล่าวถึงเยอะ เพราะเขาได้เผยแพร่โมเดล Optimal f ของการปรับประยุกต์ใช้ Kelly criterion ในการหา position size ในการเทรดทีเหมาะสม ไม่ให้เสี่ย