ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

อัพเดตสถานการณ์กองทุนยอดนิยม ARK Inovation ETF

 Ben Johnson โพสข้อมูลกราฟผลงานที่ตกต่ำของกองทุน ARK Inovation ETF ($ARKK) ที่ผลตอบแทนสะสมตั้งแต่เริ่มต้นปี 2014 ล่าสุด 13 Oct 2022 แพ้กองทุน passive อย่าง Vanguard Total Stock Market Index ETF(VTI) ไปแล้ว โดยถ้านักลงทุนซื้อหน่วยลงทุน ARKK ที่ $10000 ผลตอบแทนจะอยู่ที่ $9884.52 (สะสม 98.85%),ขณะที่ซื้อ VTI ที่ $10000 เท่ากันผลตอบแทนจะอยู่ที่ $10629.93 (สะสม 106.30%) คงไม่ได้บอกว่า ARKK ไม่ดีหรือเป็นทางเลือกที่แย่ในการลงทุน แต่ข้อมูลสะท้อนให้เห็นความผิดปกติบางอย่าง กองทุน active (Expense ratio =0.75%)ที่เน้นเรื่องความคาดหวังในการเติบโตจากอนาคต จากเทคโนโลยีเกิดใหม่ เช่น TESLA INC,ZOOM ,ROKU ,INTELLIA THERAPEUTICS,EXACT SCIENCES CORP วันนี้หลายตัวกระแส disrupt มาแต่ผลประกอบการและกำไรมันยังไม่เกิดขึ้น หลายบริษัทกลุ่มเทคโนโลยี inovation ที่ ARKK ไปลงทุนยังขาดทุนสุทธิ , บวกกับเศรษฐกิจเริ่มแย่ชะลอตัว , เงินทุนไหลออกจากหุ้นเทคโนโลยี ทำเอาราคาหุ้นเหล่านั้นร่วงลงอย่างรุนแรงตั้งแต่ต้นปี VTI กองทุน passive ที่ Expense ratio อยู่แค่ 0.03% ถ้าแกะหุ้นส่วนใหญ่ในพอร์ตก็จะพบว่า Top 5 Holdings เป็นหุ้น

กระแสการเลิกจ้างใน U.S. Tech Sector 2022

 ปี 2022 นี้เป็นปีแห่งการ layoff หรือปลดพนักงานของบริษัท Tech company จำนวนมากตั้งแต่ระดับ Top Tech ขนาดใหญ่จนถึง Startup , เช่นบริษัท Microsoft, Intel, Twitter, Tesla, Coinbase,TikTok, Robinhood ,Beyond Meat, Salesforce, Shopify , Noom, Peloton, Stripe, Sketch, Udacity, Crypto dot com เป็นต้น โดยจากข้อมูลของ layoff dot fyi รวมมีการปลดพนักงานกว่า 91,204 ตำแหน่ง,ข้อมูลจาก Crunchbase ในช่วงเดือน October กลุ่ม U.S. tech sector ปลดพนักงานกว่า 44000 ตำแหน่ง หลายบริษัทเลิกจ้างพนักงานใหม่และบางบริษัทปลดพนักงานเฉลี่ยกว่า 20-30% ,รวมถึงการประกาศเริ่มจะลดบางส่วนงานและปิดบางออฟิตลง โดยเฉพาะบริษัทที่ผลประกอบการไม่ดี +ราคาหุ้นดิ่งเหว ทำให้การปลดพนักงานกลายเป็นเรื่องปกติของอุตสาหกรรมนี้ เหตุผลหลักเป็นเรื่องของการลดต้นทุนของบริษัท จากที่เคยแข่งขันจ้าง แข่งกันให้เงินเดือนสูงๆตอนนี้กลายเป็นการเลิกจ้าง ลดต้นทุน คนที่ลำบากก็คือ พนักงาน หรือ ลูกจ้าง ,สิ่งหนึ่งเราจะพบคือ เงินเดือนสูงๆที่ได้ไม่กี่ปีช่วงบูมๆ มันก็มาพร้อมความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอนของบริษัทในช่วงภาวะเศรษฐกิจไม่ปกติ (ตอนนี้หลายคนตกงาน เจอป

เคล็ดไม่ลับการเทรด

ได้ไป เจอคอมเมนต์หนึ่งใน Youtube เขาเขียนมาขอเคล็ดลับการเทรด, ผมมานั่งนึกๆดูจะตอบยังไง เลยทำให้คิดถึงภาพนี้ ประเด็นเรื่องของการปล่อยวาง, มันเป็น Top เทคนิคที่เกี่ยวกับ mindset เคยอ่านเจอในหลายหนังสือมาก และพอนำมาตกผลึกแล้วมาโยงกับการบริหารความเสี่ยง มันทำให้กลายเป็น solution ที่ใช้ได้ตลอดมา ไม่ว่าตลาดขาขึ้นหรือขาลง สมัยเริ่มเทรดแรกๆก็คิดที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยการชนะตลาด ผมก็เหมือนน้องคนนี้อยากจะหาเคล็ดลับ หาสูตรลับ แต่สุดท้ายคำตอบที่ค้นพบมันเป็นเรื่องของการอยู่รอด, การทำผลตอบแทนที่ต่อเนื่องเหมาะสมกับความเสี่ยงที่เรารับได้ ส่วนการชนะตลาด ได้กำไร 100% ต่อปีหรือ ชนะคนอื่นๆหรือไม่มันไม่ค่อยสำคัญเลยในระยะยาว ขณะเดียวกันถ้าเราเข้าใจ ว่าสิ่งต่างๆ(ข่าว,นโยบายของธนาคารกลาง,เศรษฐกิจ,เงินเฟ้อ,ทิศทางตลาด และอื่นๆ) ล้วนมันดำเนินไปตามปัจจัยต่างๆที่เกิด(ยังไม่นับรวมเรื่อง randomness ) ทำให้เราไม่สามารถไปคาดเดา, หรือไปควบคุมมันได้ สุดท้ายการปล่อยวาง มันก็จะทำให้จิตเรานิ่งขึ้น เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงมากขึ้น เรียนรู้จะหาทางรับมือหรือวางแผนเพื่อกรณีที่ "ผิดทาง" เอาไว้เพื่อลดผลกระทบจากการขาดทุน

ความผิดพลาดสำคัญ 8 ประการในช่วงเริ่มต้นเทรดของ Mark Minervini

ปีแรก เป็นปีที่ยากสุดของการเป็นเทรดเดอร์ และเป็นปีที่สำคัญมากในการพัฒนาด้านการเทรดของเรา, Key ในการก้าวเดินไปข้างหน้าคือการเรียนรู้ จดจำความผิดพลาด เพื่อนำมาปรับปรุงให้ดีขึ้น หรืออย่างน้อยก็ไม่พาตัวเองไปผิดซ้ำ ตรงนั้น คลิปนี้ผมทำจากโพสแชร์ประสบการณ์ความผิดพลาดสำคัญ 8 ประการในช่วงเริ่มต้นเทรดของ Mark Minervini ที่เขาโพสไว้บนทวิตเตอร์ ซึ่งคิดว่ามันมีประโยชน์มาก และก็น่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนที่เข้ามาในตลาดหุ้น ต้องเจอ ท่านที่ไม่ถนัดภาษาอังกฤษ หรือแปลไม่ออก ลองเข้าไปฟังได้จาก link ด้านล่างครับ https://youtu.be/6zgEcWmnO0s  

ค่าเงินบาทกับทุนสำรองของไทย

  พอดีเมื่อเช้าได้ฟังเรื่องค่าเงินบาทกับทุนสำรองของไทยมา เลยอยากเขียนบันทึกเรื่องนี้ไว้ ชวนให้พวกเราติดตามกันอย่างใกล้ชิด (ย้ำไม่ใช่เพื่อการ panic แต่อย่างใด) ถ้าจำกันได้ย้อนไปไม่นานเดือน ธค. ปลายปี 2021 ประเทศไทยมีข่าวติดอันดับทุนสำรองระหว่างประเทศสูงเป็นอันดับที่ 12 ของโลกที่ 10 ล้านล้านบาท(2.78 แสนล้านดอลลาร์) แต่ผ่านมาไม่ถึง 8 เดือนข่าวตอนนี้ที่ออกมาคือ ทุนสำรองไทยลดลง 1.3 ล้านล้านบาท (-3.8 หมื่นล้านดอลลาร์) หลุดระดับ 2.2 แสนล้านดอลล่าร์เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี ข้อมูลจาก Bloomberg ระบุว่า ประเทศไทยมีอัตราส่วนเงินทุนสำรองต่อ GDP ลดลงมากที่สุดในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในเอเชีย โดยลดลงจาก 48.6% ณ สิ้นปี 2021 มาเหลือ 43.1% ในปัจจุบัน สิ่งที่น่าสนใจและเกิดขึ้นในช่วงคาบเวลานั้นคือ ค่าเงินบาท ที่ผันผวนและอ่อนค่าลงอย่างหนักมากในปี 2022 นี้ ล่าสุด(19-Sep) เงินบาท USDTHB อยู่ที่ระดับ 37.00 บาท/ดอลลาร์ เช่นเดียวกับการแข็งค่าของ USD ในช่วงภาวะการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างก้าวร้าวของ Fed โดย USD แข็งจากต้นปีกว่า 15.36% ด้านแบงค์ชาติ แถลงว่า ยังปลอดภัย ไทยยังมีฐานะด้านต่างประเทศที่แข็งแกร่งจากระดับเ

Asymmetric Risk in Trading Strategies

 จาก คลิปการบรรยาย Trade like Jesse Livermore ที่ได้แชร์ไปก่อนหน้า มีประเด็นหนึ่งที่ผมได้พูดเรื่อง Risk Reward Ratio ไว้ว่าการวัดความคุ้มค่าแบบนี้ มันเหมาะใช้กับ Trend Following , หรือ Momentum Trading ที่เราเน้นการถือ Position มีระยะเวลาถือครองสถานะระดับหนึ่ง เพื่อให้เกิด Profit Run จากการเติบโตของเวลา ดังนั้นมันจึงเหมาะสมลงตัว แต่กลุ่ม Volatility Trading strategies เช่น HFT, Scalping , GRID, Mean Reversion มันเทรดตาม volatility ธรรมชาติของความผันผวน มันจะกินเวลาที่สั้นหรือจำกัดอยู่แล้ว ดังนั้นการเทรดถ้าถือสถานะยาว อาจจะไม่ได้เปรียบหรือเกิดประโยชน์ต่อกลยุทธ์ Volatility Trading ดังนั้นพวกนี้เขาจะไม่ได้เปรียบเทียบความคุ้มด้วย RRR จากการเทรดครั้งต่อครั้ง แต่แนวทางจะใช้สิ่งที่เรียกว่า Asymmetric Risk อธิบายสั้นๆ คือ เทรดพวก Limit Risk แต่หาประโยชน์จาก Return ที่เกิดในช่วงสินทรัพย์ผันผวนสูง(ตรงข้ามกับพวกที่เล่น High Risk ,หวัง High Return บนสินทรัพย์เสี่ยงนะ) โดยใช้ Risk management และ Money management จำกัด Downside ที่เกิดจากการเทรด ให้มากที่สุด, เราจะเห็นการเทรดสถานะย่อย,การเข้าออกหลายร

Trade like Jesse Livermore

  คลาสรูม สัปดาห์นี้นำเสนอหัวข้อบรรยายเรื่อง Trade likeJesse Livermore , เซียนหุ้นยุคบุกเบิกของ wallstreet สไตล์ Technofundamental ที่มีประสบการณ์เทรดมากว่า 30 ปี ผมสรุปแนวคิดและคำสอนจากหนังสือหลายเล่าที่เกี่ยวกับ Trading Rule และเทคนิคต่างๆ ที่น่าสนใจซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ในการเทรดหุ้นได้ มาแบ่งปันกัน ท่านที่สนใจลองเข้าไปฟังได้จาก link ด้านล่างครับ Content - Introduction to Jesse Livermore - Road to Trader - Trading Style - กลยุทธ์การวิเคราะห์หุ้น - การเลือกหุ้น Growth Stock - Jesse Livermore Trading Rule - Introduction to Trading Tools - Relative Strength & ROC - การคำนวณ RS & ROC - การใช้ RS ใน Stock Selection และ Stock Rotation - การใช้ RS ในการหาหุ้นปลอดภัย/ หุ้นที่ถดถอยน้อยในช่วงชาลง - Pivot Point Strategies - ตัวอย่างการคำนวณ Standard Pivot Point - การวิเคราะห์ข้อมูลราคาด้วย Pivot Point - Pivot Point Model ต่างๆรุ่นหลัง เช่น Camarilla , DeMark Pivot Point - Trend Analysis ด้วย Pivot Point แบบ Jesse Livermore - การบริหารจัดการเงิน (Money management) - Jesse Livermore, Mon

3 lessons on decision making from a poker champion

  Olivia "Liv" Boeree นักโป๊กเกอร์หญิงชาวอังกฤษที่เรียกว่าเป็นหนึ่งตำนาน เธอเป็นนักโป๊กเกอร์หญิงคนแรก(และนักโป๊กเกอร์อาชีพไม่กี่คนบนโลก)ที่ได้ทั้งแชมป์ World Series of Poker (WSOP bracelet) และ European Poker Tour champion ทั้งคู่ ปัจจุบันแม้เธอจะวางมือตั้งแต่ปี 2019 ไปทำงานการกุศล(Charity work)และงานอื่นๆ แต่เธอก็ยังเป็นเจ้าของสถิติหลายรายการ และยังติด 10 อันดับนักโป๊กเกอร์หญิงที่ทำเงินสูงสุด,มากกว่า 4 ล้านเหรียญ(all-time money winnings) ความน่าสนใจเบื้องหลังความสำเร็จของ Liv Boeree คือการใช้สถิติความน่าจะเป็น และ game theory optimization ในการวางกลยุทธ์การเล่น Poker เพื่อบริหารเงินและสร้างความได้เปรียบในการเอาชนะคู่แข่งของเธอ (รวมถึงการสังเกตพฤติกรรมของคู่แข่งและการใช้จิตวิทยาด้วย) ด้วยพื้นฐานการศึกษาที่เธอจบปริญญาตรีด้าน Astrophysics จาก University of Manchester. ทำให้เรื่องเหล่านี้กลายเป็นจุดแข็งของเธอ Liv Boeree พูดชัดเจนว่าสำหรับเธอ Poker เป็น card game ที่ไม่ใช่การพนัน และเธอได้อธิบายเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับ Poker ไว้ดีมากในคลิป The Science Behind Poker ที่ Oxford Un

The Unlucky Investor's Guide to Options Trading (Book Review)

ว่าจะหยุดซื้อหนังสือสักพักเพราะของเดิมยังอ่านไม่ทัน(เฉพาะปีนี้จัดมาแล้ว 10 เล่ม) แต่ไปเจอรีวิวเล่มนี้ The Unlucky Investor's Guide to Options Trading ของ Julia Spina บน Tastytrade เข้าเลยทำให้กดซื้อมา จริงๆเล่มนี้อาจจะไม่ลึกไม่มีอะไรมากเมื่อเทียบกัยหลายๆเล่มที่เกี่ยวกับ options trading strategies แต่ชอบสไตล์การเขียน การอธิบายของเธอดี พออ่านไปได้บางบทก็ไม่ได้เบามาก และมีเนื้อหาครอบคลุมไปถึงการใช้ options ในการทำ portfolio management (บทที่ 8 เรื่อง Advanced Portfolio Management) เธอพูดการใช้กลยุทธ์ strangle บน options ของ ETF ต่างๆในการ diversification อีกอันที่น่าสนใจคือการใช้ probability of profit (POP) ในการมาคำนวณ weight ซึ่งบทนี้ก็ทำให้เห็นความต่างละ แม้ไม่ลึกไม่ใหม่แต่ก็ใช้ได้ไม่เหมือนหนังสือ options ของฝรั่งเล่มอื่นๆเน้นการรุกการกำไรหลาย 100% ตามกระแสอะไรแบบนั้น สรุปก็ใช้ได้ น่าจะเหมาะกับมือใหม่ ที่อยากได้ภาพรวมและวิธีการเริ่มต้น เรียนรู้เกี่ยวกับ options trading แต่ถ้าเทรดเป็น เคยทำ strategies มาก่อนไม่แนะนำ เพราะอาจจะไม่ตอบโจทย์ครับ Kindle Edition สนนราคา $15 ไม่แพงเวอ

จุดจบ เกมส์หลอกลวงลงทุน กับภาวะไม่ปกติของตลาด

  เคยอ่านเจอในหนังสือเล่มหนึ่ง เมื่อนานมาแล้ว ว่ากันว่า การเกิดแชร์ลูกโช่ หรือ การโกงหลอกลงทุนจะวงแตก หรือล้ม เป็นสัญญาณของปลายช่วงตลาดขาขึ้น , ในอดีตตอนปี 2008 ในอเมริกาก็มีการล้มของ Bernie Madoff , ช่วงตอนปี 2000 ก็มี Enron , Cendant , WorldCom สาเหตุของการล้ม หลักๆเช่น 1.จากการขาดสภาพคล่อง, เจ้ามือฉ้อโกงขาดทุนจากการลงทุนช่วงตลาดผันผวน ทำให้ไม่มีเงินมาหมุนจ่ายผลตอบแทน , 2. ขาดสภาพคล่องเพราะไม่มีสมาชิกใหม่มาเพิ่ม,สมาชิกเก่าเริ่มไม่พอใจกับผลตอบแทนที่สัญญาจะได้รับ จนทำให้อยากถอนทุนคืน (แต่ถอนไม่ได้ ตามมาด้วยการเปิดโปงและดำเนินคดี) ภาวะแบบนี้แตกต่างจากจุด Peak ที่มันอยู่ช่วงตลาดขาขึ้น(Bull market) ทั้งหุ้น,คริปโต,ค่าเงิน คนวงนอก(ประชาชนทั่วไป)อยากได้ผลตอบแทน ได้กำไรเยอะๆเร็วๆ เพราะคิดว่านั้นคือโอกาสจะรวย หรือสร้างฐานะ โดยผลกำไรผลตอบแทนเยอะๆช่วง Bull market +การสร้างภาพชีวิตหรูหรา อวดรวย ก็ถูกนำมาใช้ หลอก หรือชวนเชื่อ ให้คนยอมนำเงินมาร่วมลงทุนและสร้างเครือข่ายได้ง่ายๆจะเห็นมูลค่าความเสียหาย แต่ละวง หลักพันล้าน (นั้นหมายถึงคนจำนวนมาก และแต่ละรายลงทุนจำนวนหลักแสนหลักล้านเลย) แต่พอตลาดผันผวน

Principle of the day

  เดือนที่ผ่านเจอข่าวการหลอกลวงให้ลงทุน/ลงเงินเพื่อไปเทรดในสินค้าต่างๆ ซึ่งมูลค่าความเสียหาย แต่ละรายการก็สูงๆหลายพันล้านทั้งนั้น พอเข้าไปดูแต่ละข่าว รูปแบบการหลอกลวงก็คล้ายกัน คือ -สร้างภาพลักษณ์ ชีวิตไฮโซ หรูหรา,พร้อมเรื่องสไตล์ zero to hero -อัดฉีดความหวัง ความเชื่อใครๆก็รวยได้ ง่ายๆเร็วๆ ไม่ต้องเหนื่อยทำงาน -แล้วก็เล่นกับความโลภของคน ทำให้เชื่อว่าจะสร้างเงินง่ายๆผลตอบแทนสูงๆ 30-40% ต่อเดือน(ปีละหลายร้อยเปอร์เซนต์นะนั้น) - ปลูกฝั่งความเชื่อ โอกาสดีต้องบอกต่อ , ญาติสนิท มิตรสหาย ระดมสร้างเครือข่าย เพื่อรับ %ส่วนแบ่งจากผลตอบแทน จุดจบพวกนี้เหมือนกันเกือบหมด เมื่อระบบโกง เงินขาดมือ สมาชิกใหม่ไม่มีเงินมาเติม สุดท้ายก็ล้มเพราะ ขาดสภาพคล่อง แล้วสมาชิกไม่ได้ผลตอบแทบรายเดือนต่อไป ,ถอนเงินต้นคืนแล้วทำไม่ได้ เจ้ามือ/เจ้าของก็หนีหาย นั่งอ่านข่าวเหล่านี้แล้วก็เศร้า เพราะไม่ว่าจะกี่ปีกี่ปี มันก็มีมาตลอด เล็กบ้าง, ใหญ่บ้าง แต่ก่อนปั่นกระแสผ่านสื่อเดิมๆ ปัจจุบันยิ่งมีอินเตอร์เน็ต มีโซเซียลมีเดีย ทุกอย่างยิ่งเร็ว ยิ่งไปไกล เราจะหลีกหนีเรื่องพวกนี้ได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องมีสติ ไม่หลงงมงาย ,วันนี้ princ

TradingView keyboard shortcuts

  ใช้ Trading view ในการเทรดเป็นประจำ ระยะหลังเพื่อให้เร็วเลยจด hotkeys เอาไว้ พบว่าใช้งานได้ สะดวกและเร็วขึ้นมาก ผมจึงลองเอาที่ใช้ประจำมาแชร์พี่ๆน้องๆเทรดเดอร์กันครับ Alt + T = Trendline Alt + F = Fib retracement Alt + H = Horizontal line Alt + V = Vertical line Alt + I = Invert chart Alt + W = Add current symbol to watchlist Ctrl + S = Save the current chart layout Alt + R = Reset the chart’s zoom Ctrl + Z = Undo the most recent chart action Shift + B = lace market order to buy Shift + S = Place market order to sell Hold Shift and click on the chart = Measure tool อ้างอิงจาก https://kodify.net/tradingview/platform/keyboard-hotkeys/

ทำไมการบริหารความเสี่ยงจึงสำคัญต่อเทรดเดอร์

เมื่อวานนั่งตอบ comment ใน youtube ไปเจอคอมเมนต์หนึ่ง เขามาโพสว่า "ไม่มีเทรดเดอร์ที่ไหนมาสนใจเรื่อง Risk Management กันหรอก มันเป็นเรื่องของความแม่น ถ้าหน้าเทรดคม ทำกำไรทุกอย่างก็จบ" ไม่ว่ากันเพราะ ต่างคนต่างความเชื่อ บางคนคิดว่าเป็น God สามารถเดาอนาคตได้แม่นยำ 99.99% ,ทำกำไร 100% ต่อปีจากการเสี่ยงสูงด้วยการใช้ leverage มากๆแบบที่ชอบโชว์กันอันนี้ก็มี แต่ผมเป็นคนธรรมดา ดังนั้นเรื่องของการบุกการสร้างผลตอบแทน กับเรื่องการรับการป้องกัน บริหารความเสี่ยง(Risk Management) จึงสำคัญ และต้องมาก่อน (ซึ่งใน paper นี้อธิบายผลที่เกิดกับการเลือกใช้กลยุทธ์การเทรด และการใช้โมเดลการบริหารความเสี่ยงที่แตกต่างกันได้น่าสนใจมาก) เอา paper เรื่อง Targeting Risk; Volatility and Leverage Management นี้มาให้ดู(ครับ) เพราะอยากจะบอกว่า ในต่างประเทศจำนวนมากนะ เขาก็สนใจเรื่อง Risk Management Model เพราะถึงแม้จะเป็นเทรดเดอร์ฺ ต้องเผชิญกับความเสี่ยงประจำ ตัว Risk management มันเป็นตัวแปรสำคัญมากที่ทำให้อยู่รอดในตลาด และสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว รวมถึงมันคือเส้นแยก ระหว่างฝีมือ และโชคชะตา ของเทรดเดอร์ด้วย

ภัยแล้ง ปัญหาใหม่ในช่วงเศรษฐกิจเปราะบาง แห่งปี 2022

 ประเด็นภัยแล้ง มีความน่าจะเป็นที่จะกลายเป็นปัญหากระทบเศรษฐกิจของโลกใหม่ในช่วงนี้ โดยจะเห็นจากข่าว ที่ออกมาล่าสุด ขณะที่บ้านเรามีฝนตกน้ำท่วม แต่เกือบทุกทวีปเจอปัญหาภัยแล้งหนัก แล้งแบบไม่ธรรมดาในรอบหลายปี โดยจีนเจอภัยแล้วหนักสุดรอบ 60 ปี, ยุโรปโดนหนักสุดรอบ 500 ปี เริ่มจากยุโรปนี้หนักมาตั้งแต่สองสามเดือน โดยข่าวออกมาล่าสุดรายงานว่า ยุโรปกำลังเจอภัยแล้งครั้งเลวร้ายสุดรอบระยะ 500 ปี ,พื้นที่กว่า 47% เตือนภัยพิบัติแล้ว นักวิชาการประเมินว่าอาจจะกินเวลายาวนานไปถึง เดือนพฤศจิกายน ผลที่ตามมาก็น่าห่วงเพราะกระทบต่อการเกษตร การผลิตอาหารทำให้ราคาสินค้าเกษตรและอาหารปรับเพิ่มสูงขึ้น, ยังไม่นับรวมถึงปัญหาการขาดแคลนน้ำในหลายพื้นที่ และความเสี่ยงการเกิดไฟป่า โดยเฉพาะในพื้นที่ทางตอนใต้ของยุโรป   ด้านสหรัฐ ที่รายงานออกมาหนักสุดตั้งแต่เดือนก่อนเป็นที่ California ที่เกิดปัญหาปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าปกติ และภัยแล้งหนัก หลายพื้นที่น้ำในแหล่งน้ำแห้งขอด มากกว่าระดับปีก่อนหน้า ผลกระทบก็คล้ายกันคือ ขาดน้ำกินน้ำใช้ในบางพื้นที่, ความเสี่ยงการเกิดไฟป่า และการขาดน้ำในการทำการเกษตร อีกประเทศที่ตอนภัยแล้งกลายเป็นประเด็นรุน

ทำไมคนเก่งบางคนถึงไม่ทะเยอทะยาน

  ประเด็นนี้น่าสนใจมากทั้งกระทู้คำถามและความคิดเห็นในพันทิป อ่านจบเลยอยากบันทึกความคิดและมุมมองตัวเองในเรื่องนี้ไว้สักหน่อย สมัยเริ่มทำงานใหม่ๆ มันจะมีชุดความคิดหนึ่งคือว่า ถ้าทำงานเก่ง ทำงานหนัก จะต้องประสบความสำเร็จ (ต้องก้าวหน้าต้องรวย) แต่พอทำงานสัก 10 ปีเริ่มตระหนักเข้าใจได้ว่า การจะก้าวหน้าหรือจะรวย ,การเป็นคนทำงานเก่ง มันไม่พอ มีอีกหลายปัจจัยมากมาย พอได้เริ่มทำงานกับหลายๆที่เจอคนเยอะๆเริ่มเข้าใจว่า สุดท้ายมันเป็นเรื่องของปัจจัก และมันไม่มีตรรกะเชิงเส้นตรงเสมอไป ยกตัวอย่างเมื่อต้นปีได้ไปทำงานเป็นที่ปรึกษาโปรเจคหนึ่ง ได้เจอพี่คนหนึ่งทำงานเก่งทำงานดี แต่แกไม่ก้าวหน้า ไม่เป็นที่รักของเพื่อนๆในทีม สาเหตุเพราะแกชอบกลับบ้านเร็ว เลิกงาน 17.00 กลับบ้าน ไม่เที่ยวไม่สังสรรค์ใดๆ ,ขณะที่ทำงานดีแต่ก็ไม่เคยทำงานมากเกินหน้าที่ ไม่เคยช่วยใคร ไม่รับอาสาใดๆ ไม่ทำ OT ซึ่ง เจ้านายก็ไม่ค่อยปลื้ม แถมว่าแกอีกว่าไม่ทะเยอทะยานรักความก้าวหน้า ,ในขณะที่ถ้ามีคนโยนงานให้แกแกโวยวายทันทีไม่ยอมเสียเปรียบ , เลยทำให้ตกที่นั่งทำงานเก่ง(เร็วและเรียบร้อยดี) แต่ไม่ก้าวหน้าไปโดยปริยาย ทุกคนก็คิดว่าแกเห็นแก่ตัว ,แต่บัง