ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ การวิเคราะห์เทคนิค

เรื่องค่า Beta

บ่อยครั้งที่หลายคนอยากรู้ว่า หุ้นตัวที่ตนเองสนใจนั้นมันน่าที่จะเข้าไปลงทุนแล้วหรือยัง แน่นอนว่าถ้ามีเครื่องมือ ดูจังหวะจากกราฟได้ก็คงไม่ยาก แต่ถ้าไม่ใช่แนวเทคนิคจ๋า แต่อยากเลือกหุ้นเพื่อลงทุนยาว โดยมองหาจังหวะดีๆ ผมมีอีกหนึ่งค่าที่ใช้ประมาณการคราวๆได้มาแนะนำ ค่าที่ว่าคือค่าเบต้า(Beta) นั้นเองครับ เบต้าที่ว่าไม่ใช่ครีมทาหน้าแต่อย่างใด แต่มันคือ ค่าสัมประสิทธ์ตัวเปรียบเทียบระหว่างหุ้นกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์(SET) เพื่อดูแนวโน้มอย่างไร ซึ่งมีที่มาจากสมการเส้นตรงบนระบบสมการแบบ linear system equation แน่นอนว่าท่านสามารถคำนวนได้เองจากโปรแกรมคณิตศาสตร์เช่น Matlab หรือจะคำนวณแบบอเรย์เพื่อหาจาก Gauss-Elimination ด้วยมือก็ได้ ที่ชี้ประเด็นนี้เพราะจะบอกว่ามันคือคณิตศาสตร์ ราคาหุ้นก็คือข้อมูล ชุดตัวเลข อย่าไปมองว่าเป็นไสยศาสตร์หรือโชคลางแต่อย่างไร ง่ายไปกว่านัั้นแบบทั่วไปท่านสามารถอ่านค่านี้ได้จากตารางหุ้นในหนังสือพิมพ์ หรือจะดูจากโปรแกรมเทรดหุ้นเช่น efinance ก็ได้ สมการ y = a + bx เมื่อ y คือ ราคาหุ้น x คือ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ a คือ ค่าอัลฟ่า (alpha) b คือ ค่าเบต้า (beta) หรือคือค่าความชันของสมการ

เทคนิคเดยเทรด :กลยุทธขี่ม้าเลียบค่าย 2

หัวใจของกลยุทธ เรื่องของกลยุทธการลงทุนที่ผมขอแชร์เทคนิคที่ตัวเองใช้ในการลงทุนแบบ Day Trade คือกลยุทธขี่ม้าเลียบค่าย หลักการใหญ่ใจความคือ การกินทีละน้อยหรือตอดกินเพื่อไม่ไปทำลายเกมส์ของรายใหญ่ เราต้องเข้าใจก่อนว่าหุ้น Day Trade มันวิ่งได้เพราะมีคนคุมเกมส์การซื้อ ขาย การที่เราโลภอยากได้มาก ลงทุนด้วยเงินจำนวนมาก(ไม่มากถึงรายใหญ่ แต่ก็มากพอจะตบหมดช่อง) มันทำให้เกมส์และการคุมจังหวะของรายใหญ่เสียไป  แน่นอนว่าคนที่คุมเกมส์จะมี Bid offer ที่เขาวางไว้ ดังนั้นเราต้องให้เกียติร์คือเล่นไปตามเทรนด์ กินตามรายใหญ่ อย่าทำอะไรที่ไปขัดใจ หรือโดนจับได้เพราะแทนที่จะได้เราอาจจะเสียและโดนเล่นงานโทษฐานไปขย่มเกมส์ของคนอื่น อีกประเด็นของกลยุทธนี้คือ การสอนให้เรารู้จักพอกินคำเล็ก ไม่ละโมบเพราะเหยื่อที่รายใหญ่ใช้ตกปลาในเกมส์นี้คือความโลภ ถ้าเราไม่โลภกินพองามเราจะอิ่ม แต่ถ้าละโมบกินเยอะเราจะจุกและตาย ยกตัวอย่างเช่นหุ้นปกติถ้ามีการไล่ราคาให้บวกไปถึง 10% ในหนึ่งวัน ถ้าเราเล่นตามกลยุทธนี้ควรจะอิ่มและลงตั้งแต่ 6% แล้ว ถึงแม้จะปล่อยให้ Profit run ได้แต่ต้องไม่ลืมว่านี้คือเกมส์ระหว่างวัน มันมีโอกาสที่หุ้นจะลง

เทคนิคเดยเทรด :กลยุทธขี่ม้าเลียบค่าย 1

หลายคนมักถามผมว่า ผมเป็นนักลงทุนประเภทไหน? จริงๆแล้วผมเองไม่เคยคิดจำแนกหรือจำกัดวิธีการลงทุนของตัวเอง เพราะผมเชื่อว่าทุกแบบย่อมมีทั้งข้อดี และข้อด้อยเสมอ การที่เราพยายามจะจำแนกตนเองด้วยอุดมการณ์หรือความเชื่อที่มีอคติ บางครั้งมันก็เป็นอุปสรรค์ในการเดินทางไปถึงเป้าหมายได้เช่นกัน โดยเฉพาะการสูญเสียโอกาส การเป็นนักลงทุนจะเป็นประเภทไหนไม่สำคัญ เท่ากับการเข้าใจถึงแก่นหรือปรัชญาการลงทุนในประเภทนั้นๆ เพราะการเข้าใจอย่างแท้จริงจะทำให้เราประยุกต์ใช้หลักการลงทุนในรูปแบบต่างๆ นำจุดแข็งมาใช้ในสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม ผมเองคงเป็น VSOP ตามนิยามของพี่คลายเครียด เพราะผมเองชื่นชอบความเป็ นเหตุเป็นผลของการลงทุนระยะยาวแบบเน้นคุณค่า(นำเอาข้อได้เปรียบของการลงทุนนี้มาใช้ช่วงตลาดขาลง) และก็นิยมการสร้างผลตอบแทนแบบเพิ่มพูนจากการลงทุนแบบเก็งกำไร (นำเอาข้อได้เปรียบของการลงทุนนี้มาใช้ช่วงตลาดขาขึ้นและออกข้าง) ซึ่งสามารถจำกัดความเสี่ยงได้จากการบริหารจัดการเงินทุน ดังนั้นการจัดพอร์ตการลงทุนของผมจึงผสมผสานการลงทุนทั้งระยะสั้นและระยะยาวแบบสมานฉันท์กลมเกลียว โดยนำกำไรจากการเก็งกำไร มาลงทุนระยะยาวแบบเน้นมูลค่า ทำให้เกิ

ว่าด้วย GAP

เวลามีคนพูดถึง GAP ว่าหุ้นตัวนั้นเปิด GAP แล้ว แต่ไม่ปิด GAP ถ้าไม่รู้จักอาจจะ ฟังมักจะดูเท่ห์จัง เพราะหลายคนให้น้ำหนักของ GAP แล้วนำการเกิด GAP ไปใช้ให้เกิดโอกาส จริงๆแล้ว GAP เป็นเครื่องมือรูปแบบราคาทางเทคนิค ที่สะท้อนถึงจิตวิทยาตลาดได้เป็นอย่างดี การตีความและการนำไปใช้ บางคนอาจจะมองไม่เหมือนกัน วันนี้นำเรื่องของ GAP มาฝาก ช่วงนี้มีหุ้นหลายตัวที่โชว์ GAP ให้เราเห็นบ่อยๆ จึงคิดว่าควรนำ GAP มาทำความรู้จักกับทุกท่าน โดยทั่วไปแล้วการเกิด GAP จะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของราคาแบบไม่ต่อเนื่อง ฉับพลันทันทีทันใดในรูปแบบของการก้าวกระโดด ทั้งในทิศทางขาขึ้นและขาลงของราคาหุ้น จนทำให้เกิดช่องว่างของราคาขึ้นมา GAP ขาขึ้นนั้นจะสะท้อนความแข็งแรงของตลาด และความต้องการของแรงซื้อที่มาก เช่นการแย่งกันซื้อแบบรุนแรง ในทิศทางขาลง GAP ก็สะท้อนการอ่อนตัวของราคาหุ้นแบบถดท้อย จนเกิดการแย่งกันขาย แบบมีนัยยะสำคัญ เช่นการตอบสนองต่อข่าว หรือปรากฏการณ์ผลกระทบจากภายนอกต่อตัวหุ้น GAP สามารถแบ่งออกได้เป็น 4 ประเภทตามรูปแบบการเคลื่อนตัวของแท่งเทียน ดังนี้ คือ 1. Common Gap : เป็น GAP แบบธรรมดาที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ มีความสำคั

กฎ 10 ข้อพื้นฐานการวิเคราะห์เทคนิค

ถ้าศึกษาเทคนิค และรักจะลงทุนแนวนี้จำเป็นต้องรู้ครับ กฎ ทั้ง10 ข้อนี้ เป็นหลักการสำคัญสำหรับผู้ที่ใช้วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับการลงทุน เพราะหากไม่มีหลักการดังกล่าวแล้ว เราก็จะไม่สามารถกำหนดการซื้อขายที่เป็นรูปแบบได้ ซึ่งในกฎเหล่านี้จะพูดถึงการวิเคราะห์แนวโน้ม , หาจุดกลับตัว, ติดตามค่าเฉลี่ย, มองหาสัญญาณเตือน และอื่นๆ เป็นแนวคิดความเข้าใจพื้นฐานที่ต้องมีและใช้ในการลงทุน ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค พอได้ไปพบกระทู้เก่าจากสินธร แต่เขียนไว้เกือบ 2 ปีแล้วยังทันสมัยอยู่จึงขอนำมาแปะไว้ครับ 1. ดูแนวโน้ม เรียน รู้ชาร์ตในระยะยาว โดยเริ่มการวิเคราะห์ชาร์ตในระดับเดือนและสัปดาห์ ของช่วงเวลาหลายๆปี การดูชาร์ตในระดับของช่วงเวลาที่กว้างขึ้นจะทำให้สามารถมองเป็นแนวโน้มของ ตลาดในระยะยาวได้ชัดเจนขึ้น เมื่อทราบถึงแนวโน้มระยะยาวแล้ว จึงจะดูชาร์ตในระดับวันและนาที การดูแนวโน้มในช่วงสั้นเพียงอย่างเดียวจะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ถึงแม้ว่าคุณจะลงทุนในระยะสั้น คุณจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหากคุณลงทุนในทิศทางเดียวกับแนวโน้มในระยะกลางและ ยาว 2. วิเคราะห์และไปตามแนวโน้ม แนว โน้มของตลาดมีหลายช่วงเวลา ระยะยาว

MACD System

ผมใช้เวลาในช่วงวันหยุดแบบนี้ ทำสิ่งที่อยากทำเป็นการส่งท้ายปีนั้นก็คือการปรับปรุงและตรวจสอบระบบเทรดและโมเดลที่ใช้มาทั้งปี ยอมรับว่าปีนี้ระบบเทรดทำงานได้ดีทั้งระบบสำหรับ Up trend และระบบเทรดแบบ Sideway บวกกับเป็นช่วงปีทองตลาดขาขึ้นทำให้ผลตอบแทนปีนี้ฟู่ฟ่ามากที่สุดเท่าที่ผมเคยลงทุนในตลาดหุ้นมา สำหรับใครที่ยังหาแนวทางไม่เจอก็ขอเป็นกำลังใจให้พยายามต่อไปนะครับ เพราะไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ ต้องหมั่นศึกษาเรียนรู้ ยิ่งเรียนยิ่งได้ ยิ่งฝึกยิ่งเป็นรับรองไม่เสียเปล่าเท่ากับศูนย์ครับ ผมเองเคยแนะนำให้เพื่อนใช้ระบบ MACD ในการกำหนดจังหวะการซื้อ-ขายหุ้นพื้นฐานแบบอัตโนมัติ ช่วยสำหรับการลงทุนโดยไม่ต้องใช้อารมณ์เป็นตัวกำหนด และเหมาะสำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการซื้อๆขายๆทุกวัน แต่แน่นอนว่า MACD ก็มีจุดอ่อน และที่สำคัญจำนวน วันที่เป็นพารามิเตอร์ในการคำนวณ สำหรับหุ้นแต่ละตัวที่มีพฤติกรรมต่างกันจำเป็นที่จะต้องปรับตั้งให้เหมาะสมกับรอบการเคลื่อนตัวของราคา การใช้ MACD(12-26-9) ตลอดทุกตัว ก็ไม่ใช้ทางเลือกที่มีประสิทธิภาพนัก ส่วนจะใช้เท่าไหร่นั้นต้องทำวิจัย ทดสอบทดลองหาค่าที่เหมาะสมเอาครับ วันนี้ผมมีตัวอย่างงานวิจัยเล็กๆที