ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ มือใหม่

Magnificent 7 กับคำเตือนเรื่องฟองสบู่

รายงาน จาก DeutscheBank ข้อมูลของ Magnificent 7 หุ้นดาวเด่น Big Tech ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา เทคโนโลยี AI และมีฐานธุรกิจกระจายทั่วโลก อย่าง Apple, Amazon, Alphabet, Meta, Microsoft, Nvidia และ Tesla ที่ล่าสุดทั้งผลกำไร และขนาดมูลค่าหลักทรัพย์ Market Cap รวมกันทั้งหมด 7 บริษัท นั้นสูงกว่าบรรดาบริษัทเกือบทั้งหมดที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ในกลุ่ม G20 แต่ยังแพ้ 2ประเทศคือ จีน และญุี่ปุ่นที่ ผลกำไรทั้งหมดของทุกบริษัทในตลาดหุ้นรวมกัน ขณะที่ล่าสุด Market Cap ของ Microsoft และ Apple รวมกันก็ใกล้เคียงกับบริษัทจดทะเบียนทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ของฝรั่งเศส ซาอุดีอาระเบีย และ UK ดูเหมือนเป็นเรื่องดีสำหรับ นักลงทุนแต่นักวิเคราะห์ของ DeutscheBank มองว่ามันคือการกระจุกตัว และเป็นความเสี่ยงที่น่ากลัวของตลาดหุ้นสหรัฐ และบริษัทในกลุ่ม Magnificent 7 จะเชื่อมโยงไปยังตลาดหุ้นประเทศต่างๆ ที่ถ้าเกิดวิกฤติ รอบใหม่ ก็อาจจะเกิดการรุกรามกระทบไปยังประเทศต่างๆทั้วโลกด้วย ประเด็นนี้ นักกลยุทธ์ Michael Hartnett ของ ฺBofa ก็ออกมาพูดถึง โดยสรุปคือเขาบอกว่าตลาดยคล้ายกับตอนปี 2000 , หุ้น AI และ tech stocks ,

การลงทุนในตลาดหุ้นอินเดียผ่าน ETFs

 ก่อนหน้าเขียนถึงการลงทุนในตลาดหุ้นประเทศอินเดียผ่าน ETFs ไป, วันนี้เลยอยากนำข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมมาแบ่งปัน เพื่อให้ลองไปศึกษากันต่อ โดยผมนำข้อมูลมาจาก ETFdb เขาจะมีข้อมูลสถิติ, ผลงาน และรายละเอียดของพอร์ตกองทุน ETFs แต่ละกองอย่างละเอียด  คัดเฉพาะที่เน้นในตลาดหุ้นอินเดียเป็นหลัก มีราวๆ 14 กองทุน, ถ้าเลือกเฉพาะกองใหญ่สภาพคล่องดี มี AUM ,มากกว่า $150 ล้าน ก็จะมี 7 กองทุน ETFs ที่เป็นที่นิยมมาก เช่น iShares MSCI India ETF (INDA)  ,WisdomTree India Earnings Fund (EPI) ,iShares India 50 ETF (INDY) ,iShares MSCI India Small-Cap ETF (SMIN) , Franklin FTSE India ETF (FLIN)  ซึ่งตัวหลักเหล่านี้มีผู้ออกและดูแลกองทุนเป็นสถาบันการเงินขนาดใหญ่ค่อนข้างหน้าเชื่อถือ และเปิดบริการมาหลายปี ,แต่ละกองทุนมีรายละเอียดของประเภทหุ้นและสัดส่วนเงินที่ถือครองในพอร์ตแตกต่างไป บางกองเน้น Growth stock , Big Cap, Small Cap หรือเฉพาะเจาะจงเน้นกลุ่ม internet & Ecommerce technology เป็นต้น โดยกรณีถ้าจะลงทุนหรือจะเทรด ถ้ามีบัญชี Global Trading Accont อย่างใน DIME, InnovestX ก็เทรดได้เลย  จุดสังเกตหนึ่งที่เคยบอกไ

สาเหตุต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่อง

พอดีมีคนถามเรื่องสาเหตุต่างชาติขายหุ้นไทยต่อเนื่อง ผมไปเจอสรุปจาก KSecurities เขาเขียนอธิบายสาเหตุหลักๆ ตามที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้ได้เข้าใจง่ายดี เลยนำบทความมาแนะนำต่อ สรุปสั้นๆ การเติบโตที่อ่อนแอ, Valuation สูงเมื่อเทียบกับตลาดเพื่อนบ้าน( PER ปี 2567 ที่ 14.35 เท่า ) และไม่มีปัจจัยบวกที่น่าดึงดูดทียบ กับคู่แข่งในกลุ่มอาเซียน(จากข้อมูลของ Bloomberg consensus ตัวเลข CAGR 2562-2567 ห่างกับเพื่อนบ้านในอาเซียนเป็นสองเท่าตัวเลย) ................................. เรามองว่าเหตุผลสำคัญมาจากแนวโน้มการเติบโตที่อ่อนแอของประเทศไทยหลังสิ้นสุดสถานการณ์โควิด-19 และมูลค่าที่ไม่น่าดึงดูดใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มอาเซียน Bloomberg consensus คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะรายงานการเติบโตของกำไรสุทธิ (CAGR จากปี 2562-67) ที่ 4.39% เทียบกับคู่แข่งในกลุ่มอาเซียนที่ 10.39% นอกจากนี้ SET Index ซึ่งขณะนี้ซื้อขายด้วย PER ปี 2567 ที่ 14.35 เท่า ยังค่อนข้างแพงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มอาเซียนซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตระดับเดียวกันหรือสูงกว่า เช่น อินโดนีเซีย (13.68 เท่า), มาเลเซีย (13.37 เท่า), ฟิลิปปินส์ (11.42 เท่า) แ

ที่เงินมากแค่ไหนจึงจัดว่ารวย

จำได้ว่าเคยเห็นมีเพจหนึ่งตั้งคำถามว่าแค่ไหนจัดว่ารวย , เลยนำเอาข้อมูลรายงานนี้ที่เจอจาก visualcapitalist มาฝาก โดยเขาทำกราฟิกสรุปจากรายงานของ UBS Global Wealth Report 2023 ที่สำรวจข้อมูลฐานทางการเงินในปี 2022 ของทุกประเทศทั่วโลกเพื่อประเมินเรื่องของความมั่งคั่ง(Wealth) ของคนในประเทศต่างๆ  โดยค่า Average Wealth per Person ในปี 2022 ของทั่วโลกอยู่ที่ $84,718. หรือ ราวๆ 2,965,130 บาท, โดยประเทศ Switzerland มีค่าเฉลี่ย Wealth ต่อคนสูงที่สุด $685,226 , ลำดับที่ตามมา คือ US,Australia, และ Denmark ในรายงานแสดงทั้งค่า Mean และค่า Median ,จะเห็นว่าผลของการจัดอันดับเปลี่ยนไปเลย หลายประเทศมูลค่า Wealth ที่มากก็ยังกระจุกอยู่ที่คนจำนวนน้อย ประเทศในอาเซียนอย่าง  Singapore ติดอันดับ 8 ,โดยมีค่า Average Wealth per Person ที่ $382,957  ส่วนประเทศไทยของเรา Average Wealth per Person อยู่ที่ $25,956 หรือราวๆ 908460 บาท  แม้จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกไปมากพอควรแต่ก็ยังติดอันดับที่ 34 ของโลก, มองจากข้อมูลนี้ ถ้าเรามีสินทรัพย์สุทธิ(หักลบหนี้) มูลค่ามากกว่า 1 ล้านบาท ก็น่าจะจัดว่า รวยได้(ระดับหนึ่ง) แล้วเช่นกัน

ไม่เลือกงานไม่ยากจน

ไม่เลือกงานไม่ยากจน คำพูดที่ได้ยินบ่อยมาก ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ถ้าอยากจะ รวย อยากจะขยับ คลาส จากชนชั้นกลาง อาจจะต้องใช้อีกชุด midset หนึ่งเลย... ปล. เราจะพบว่าการติดกับดักชนชั้นกลาง นี้น่ากลัวจริงๆ เพราะทุกวันนี้ค่าครองชีพสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะค่าหมอค่ายา แพงมาก ถ้าแก่แล้วป่วย ค่ารักษาพยาบาล ถึงจะมีประกัน มีสิทธิ์รักษา แต่บางทีก็ต้องจ่ายส่วนต่างเพิ่มไม่น้อยเลยทีเดียว อ้างอิงภาพจาก Anchoring Measurement of the Middle-Income Class to Subjective Evaluation https://onlinelibrary.wiley.com/doi/full/10.1111/roiw.12553

รีวิว Modern Portfolio Management: Moving Beyond Modern Portfolio Theory

นำรีวิวหนังสือ "Moving Beyond MPT" ของ Dr. Todd Petzel’ ปัจจุบันเป็น CIO ที่ Offit Capital Advisors LLC. เป็นอีกท่านที่มีชื่อเสียงมาจากสายวิชาการและเข้ามาเป็นผู้บริหารกองทุนในตลาดมาหลายสิบปี , หนังสือเล่มนี้ออกมาปี 2021 ผมเพิ่งมีโอกาสซื้อมาอ่าน แล้วรู้สึกชอบเลยจะนำมาแบ่งปันรีวิวเอาไว้ครับ หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือ Portfolio Management ที่ใช้ได้ทั้งนักลงทุนและเทรดเดอร์ , เขียนอธิบายภาพรวมดี เล่าเรื่องเป็น step ขั้นตอนในการสร้างพอร์ตโฟริโอ แม้หนังสือมีเรื่องของโมเดลและตัวเลขบ้าง ไม่มากไม่ยากเทียบกับเล่มอื่นๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจของเล่มนี้คือ จับประเด็น ข้อจำกัดและข้อคิด เกี่ยวกับตลาดในปัจจุบัน ที่มีผลต่อ Modern Portfolio Theory (Harry Markowitz ,1952) มาเขียนและอภิปราย จุดที่ผมชอบมากคือ พูดถึงจุดสำคัญและข้อจำกัดของ MPT โดยเฉพาะข้อจำกัดที่เกิดจากความไม่มีประสิทธิภาพของตลาดในปัจจุบัน, อันส่งผลต่อ asset price และทำให้ยากที่จะโมเดลผลตอบแทนและความเสี่ยงเป็นไปตามที่คาดหวัง , นอกจากนี้ยังมีเรื่องของพฤติกรรมของตัวนักลงทุน/ผจก.กองทุน ผ่านการอธิบายเรื่องของ Behavioral Finance หลายประเด็น ที

เครื่องมือฟรี Python Lib for Quant Trader

  น้องๆกลุ่มลุยหุ้นอเมริกา ชวนไป talk แลกเปลี่ยนประสบการณ์เทรดหุ้นอเมริกาปีนี้ ผมนำไอเดียเรื่อง quant analysis tool กับการเทรดหุ้นอเมริกาไปแบ่งปัน มีเครื่องมือฟรี Python Lib Package หลายตัวที่มีประโยชน์มากในการวิเคราะห์ข้อมูลหุ้นและทำระบบเทรด คิดว่าน่าเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่ติดตามและเทรดหุ้นนอกเหมือนกัน เลยอยากมาแชร์ให้ในเพจ 1. OpenBBTerminal -ตัวนี้สำหรับ Data Service ทั้งราคา&งบการเงิน และการเข้าถึง Research ต่างๆ สไตล์ Bloomberg Termial เลยแต่ฟรี , และดึง data ทั้งหมดผ่าน API มาวิเคราะห์ด้วย Python ได้ -ความเจ๋งของตัวนี้คือข้อมูลสินทรัพย์เยอะมาก ทั้ง stock , options, crypto, forex, macro economy, fixed income, github.com/OpenBB-finance/OpenBBTerminal 2. TA-Lib(Python) - ตัวนี้สำหรับทำระบบเทรด เป็นเครื่องมือเทคนิคอลพื้นฐานด้าน quant จาก TA-Lib สะดวกในการทดสอบระบบ ไม่ต้องเขียนฟังชั่นเครื่องมือการวิเคราะห์เอง เรียกใช้งานง่าย รองรับ TA Indicator หลายตัวมาก เช่นเดียวกับเครื่องมือใน tradving view เลย https://github.com/TA-Lib/ta-lib-python 3. Zipline - ตัวนี้พัฒนาจากกลุ่ม quantop

รีวิวหนังสือ Just Keep Buying

  การหาเงิน ก็คือ การทำงาน(แรง+เวลา+สุขภาพ) เพื่อแลกเงิน แต่การสร้างเงิน มันคือการบริหารเงินเพื่อให้เปลี่ยนเงินให้เป็นสินทรัพย์ที่มันสร้างผลตอบแทน กลับคืนมา มันต้องมีสองฟังก์ชั่น ที่ทำงานร่วมกัน ความก้าวหน้าในการทำงาน กับ การเติบโตของสินทรัพย์มันก็แตกต่าง อ้างอิงประเด็นนี้จากหนังสือ Just Keep Buying ของ Nick Maggiulli เขาเน้นให้คนออมเงิน แล้วลงทุนให้เติบโต ขณะที่ทำงานยิ่งเงินเดือนขึ้น โบนัส ออก ไม่ควรติดหรู ต้องยิ่งออมเพิ่มให้มากที่สุด Nick ได้โพสไอเดียการประเมินศักยภาพของการโตของพอร์ตสินทรัพย์ที่ถูกบริหารความเสี่ยงแบบเหมาะสม(diversified portfolio) สร้างผลตอบแทนต่อเนื่องจะสามารถขยาย 1.5x ของเงินที่มีภายในระยะเวลา 10 ปี 2.0x ของเงินที่มีภายในระยะเวลา 20 ปี 3.0x ของเงินที่มีภายในระยะเวลา 30 ปี 4.0x ของเงินที่มีภายในระยะเวลา 40 ปี ดูเหมือนจะไม่มากอะไร แต่เขาเน้นการไม่สูญหายของเงินทุน และให้ความต่อเนื่องมันทำงานบน capital ที่เพิ่มเติมมากขึ้นจากออมทุกปี ซึ่งคำแนะนำของเขาคือ มันต้องจัดการ เรื่องการทำงานสร้างรายได้ และการบริหารเงินให้เป็น , ถ้าทำงานอย่างเดียว สุดท้ายเงินมันก็ถูกลดทอนไปตา

หนังสือแนะนำสำหรับการเทรด Options

พอดีมีน้องเทรดเดอร์ท่านหนึ่งเขียน email มาให้ช่วยแนะนำหนังสือเกี่ยวกับ Option Trading ให้หน่อย ผมเลยอยากนำเนื้อหามาแชร์ต่อด้วย เพื่อว่าใครสนใจมองหาอยู่ ,โดยหนังสือที่ผมแนะนำน้องเขาไปชื่อ " Positional Option Trading: An Advanced Guide" เป็นหนังสือ options ของคุณ Euan Sinclair ซึ่งคนที่เรียนเทรดเดอร์ option น่าจะคุ้นเคยกับหนังสือเล่มอื่นๆของเขาดี แต่เล่มนี้เล่มใหม่ล่าสุดของเขา ออกช่วง September, 2020 และเรียบเรียงเนื้อหาให้อ่านง่าย ไม่ได้เน้น Math มากไปแบบเล่ม Volatility Trading นะ โดยหลายเรื่องโยงต่อมาจากเล่ม Option Trading ซึ่งถ้าซื้อสองเล่มคู่กันมาอ่านก็ดีทีเดียว เล่มนี้เนื้อหาอัดแน่นคุ้มมาก โดย เริ่มต้น คุณ Sinclair ก็ปูพื้นฐาน options พวก Theory และ Pricing Model , ให้ก่อน มือใหม่ก็สามารถทำความเข้าใจได้จากตรงนี้ แล้วก็ค่อยๆลึกเช่นเรื่อง Forecasting Volatility แบบต่างๆ, รวมไปถึงเรื่อง กลยุทธ์(strategies) เขาเขียนอธิบายแจกแจงกลยุทธ์การเทรด options ไว้หลากหลาย โดยเฉพาะการเทรดระยะกลาง , หรือยาว เชิงกลยุทธ์เชิงซ้อน และจุดน่าสนใจคือการทำกลยุทธ์แบบผสมเชิงซ้อนด้วยการใช้ Option

ปัญหายุคปัจจุบัน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวเลือกที่มากเกินไป

  บางทีตัวเลือก ตรงหน้า มันเยอะเกินไป จนทำให้รู้สับสน กลายเป็นว่า "ไม่มีอะไร" ที่อยากเลือก หรือรู้สึกว่าเหมาะสมกับตัวเรา เลยสักอย่าง สุดท้าย กลายเป็นไม่กล้าตัดสินใจ และรู้สึกเครียด กดดัน เหน็ดเหนื่อยกับการต้องเลือก...

Principles for dealing with the changing world order

  ได้อ่านหนังสือ Principles for dealing with the changing world order ของ คุณ Ray dalio อยากเขียนบันทึกไว้ ถึงประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ เกี่ยวกับวงจร The Big Cycle ที่นิยาม state การเติบโต ,รุ่งโรจน์สูงสุดและถดถอย (อำนาจและเงินตรา)ของจักรวรรดิต่างๆ เช่น Dutch , British , U.S. , China , Japan , Russia เป็นต้น โดยเฉลี่ยของจักรวรรดิราวๆ 250 ปี และมีช่วงเวลาซ้อนทับเปลี่ยนผ่าน 10 ปี, หนังสือโฟกัสที่ปัจจุบันด้วยกับการต่อสู้ระหว่างมหาอำนาจเก่ากับใหม่และการเปลี่ยนอำนาจที่กำลังเกิดจาก US ไปสู่ China ตัวชี้วัด 8 ตัวที่เขาใช้ในการศึกษา ติดตามวงจร The Big Cycle ทั้ง 3 ช่วง(The Rise, The Top และ The Decline ) ของแต่ละจักรวรรดิหรือประเทศ ก็น่าสนใจ ได้แก่ 1 การเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเศรษฐกิจ (Markets & Financial Center) 2 นวัตกรรมและเทคโนโลยี (Innovation & Technology) 3 การศึกษา(Education) 4 กำลังทหาร (Military Strength) 5 ความสำคัญของสกุลเงินในฐานะเงินทุนสำรอง Reserve Currency Status 6 ผลิตผลทางเศรษฐกิจ Economic Output 7 ส่วนแบ่งการค้าขายในตลาดโลก Trade Strong 8 ความได้เปรียบในการแข่งขันในต

สมการสู่ความสำเร็จ

สมการสู่ความสำเร็จ จากคุณ คาซูโอะ ฮินาโมริ CEO ผู้กอบกู้วิกฤต japan airline โดยสรุปในหนังสืออธิบายไว้ว่า ความสำเร็จ = ความสามารถ × ความพยายาม × ทัศนคติ การจะก้าวสู่ความสำเร็จก็ต้องใช้ทั้งความสามารถและความพยายามซึ่งทั้งสองอย่างสามารถสร้างได้พัฒนาได้กันเกือบทุกคน แต่คุณคาซึโอะ เขาให้คะแนน ทัศนคติ จาก -100 ถึง +100 ดังนั้นผลลัพธ์ที่เชื่อมกันด้วยเครื่องหมาย คูณ ถ้าทัศนคติติดลบ (เช่น เห็นแก่ตัว,ขี้เกียจ,ขี้โกง,ไม่อดทน, ยอมแพ้ง่าย) ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน พยายามมากเท่าไหร่ โอกาสสำเร็จก็เกิดได้ยาก สรุป สมการนี้ใช้เตือนตัวเองก็ได้หรือจะใช้ประเมินคัดเลือกลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงานก็ได้เช่นกัน

บริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก

  บริษัทจดทะเบียนในตลาดสหรัฐ หลายบริษัทที่มีขนาด Market Cap ใหญ่อันดับต้นของโลก หนึ่งในนั้นคือ Apple ($AAPL) มูลค่า $3 trillion แทรงหน้าบริษัทไมโคซอฟท์ $MSFT อันดับสองและบริษัทพลังงาน $ARAMCO ที่มาเป็นอันดับ 3 และใหญ่กว่า GDP ของหลายประเทศ เช่น ฝรั่งเศส , แคนาดา,อิตาลี เป็นต้น ซึ่ง 8 ใน 10 ของบริษัทที่มีมูลค่าการตลาดใหญ่สุดของโลก อยู่ในสหรัฐ แต่บริษัทเหล่านี้ ขายสินค้า/บริการ สร้างรายได้ และทำธุรกิจทั่วทุกประเทศในโลก ทำให้มีข้อได้เปรียบในด้านการเติบโต ที่มากกว่าบริษัทที่ทำธุรกิจในประเทศ ซึ่งในยุคก่อนปี 2005 บริษัทเหล่านั้นเคยเป็นเจ้าตลาดที่มี Market Cap อันดับต้น ปล. ยิ่ง Apple ($AAPL) โตมากเท่าไหร่ $BRK ยิ่งมีมูลค่าเพิ่มตามจากหุ้นที่ถือครอง ถือว่าเป็นการตัดสินใจลงทุนที่ยอดเยี่ยมของ บัฟเฟตและทีมบริหารพอร์ตของ Berkshire เลยทีเดียว อ้างอิงจาก https://twitter.com/EconomyApp/status/1675527750927499264

Performance ตลาดหุ้นโลกครึ่งปี 2023

  ข้อดีของการกระจายความเสี่ยง อย่างน้อยได้ตลาดสหรัฐ และญุี่ปุ่นช่วยดึงพอร์ต ส่วนพอร์ตหุ้นไทยนี้ ไม่ได้ขาดทุนมาก ไม่ร่วงเยอะ แต่ติดล่มเลย เพราะหาจังหวะเทรดโอกาสดีๆไม่ค่อยเจอโดยเฉพาะช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ด้าน ญุี่ปุ่น ที่ปีนี้มาแรงมาก NIKKEI225 ระดับ YTD บวก +29.2% เรียกว่าอานิสงค์จาก warren buffett ด้วยที่ตามสไตล์คือไล่ซื้อเข้าลงทุนแล้วเชียร์ อวยกันจนมีกระแสเงินไหลเข้าดันดัชนีพุ่งสุดๆ อันนี้ชอบได้อานิสงค์ไปด้วยเช่นกัน ส่วน NASDAQ สหรัฐปีนี้ก็มาแรง เรียกว่ารีบาวน์ยกกลับคืนได้หมด ในหุ้นกลุ่ม TECH ใหญ่จากกระแส Gen AI รอบใหม่ ทำให้ตัว Top ราคาวิ่งกระจาย ดึงดัชนี NASDAQ YTD +39.60% เทียบกับ SET ของเรานี้ต่างกันมาโขเลย จากต้นปีก็ไหลลงมาเรื่อยๆต่อจากปีที่แล้ว สิริ YTD -10.15% ลงหนักพอตัวช่วงกลางเดือน มิย. ที่ผ่านมา แต่หุ้นหลายตัวอาจจะร่วงหนัก บักโกรก เกิน -20% ได้ปกติเลย ........................... อันนี้เป็นข้อดีของการจัดพอร์ตแบบมี Global Trading Strategies ที่อย่างน้อย ก็มี momentum เสริมเข้ามาสร้าง performance ให้พอร์ตได้ครับ ปล. ปลายปีคงลุ้นต่อ เพราะสหรัฐ ยังมีประเด็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยข

ซื้อหวยรัฐบาล ทุกงวดยังไงให้เงินต้นอยู่ครบ??

  ซื้อหวยรัฐบาล ทุกงวดยังไงให้เงินต้นอยู่ครบไม่โดนกิน ?? คำถามลอยๆ สนุกๆที่ วันนี้ผมได้ยินแม่ค้าร้านส้มตำคุยกัน (เลยลองคิดตาม อันนี้โมเดลของผมไม่ได้บอกป้าเขา) ,,,............... สมมติว่า ซื้อล๊อตเตอรรี่ ใบละ 80 บาท ทุกงวด ปีหนึ่งใช้เงินทุน 80*2*12 = 1920 บาท พันธบัตรออมทรัพย์รัฐบาล ให้ผลตอบแทน (yield) ที่ 2.7% (อายุ 7ปี) ดังนั้นถ้าจะลงทุนในพันธบัตรให้ เกิดผลตอบแทนจากดอกเบี้ย พอค่าซื้อหวย ก็จะใช้เงิน 1920/0.027 = 72000 บาท สรุป 1. ทำงานเก็บเงินเดือนละ 3000 บาท จำนวน 24 เดือน จะได้เงินราวๆ 72000 บาท 2. นำเงิน 720000 บาทไปลงทุนพันธบัตรออมทรัพย์ ปลอดความเสี่ยง(risk free )การันตีเงินต้น เพื่อรับดอกเบี้ย 2.7% โดยจะได้ดอกเบี้ยเป็นเงินสดทุก 3 เดือน 3. เอาดอกเบี้ยที่ได้ไปใช้ซื้อล๊อตเตอรี่ 1ใบทุกงวด เพื่อลุ้น 3 ล้าน 4.ครบอายุ 5-7ปี รับเงินต้น 72000 บาทคืน +ได้ลุ้นรางวัลใหญ่ฟรีด้วย อย่างน้อยก็ 7 ปี มันก็ต้องมีดวงถูกรางวัลบ้างแหละ ปล. ถ้าเก็บเงินก้อน 2 ปีไม่ไหวก็เบรกที่ 1 ปีก็ได้ แล้วทะยอยเก็บ พันธบัตรออมทรัพย์ทุกปี โดยเก็บออมเงินต่อเดือนให้มากขึ้นสักนิด 20-30% จากเป้าหมายที่ 3000 บาท/เดือน ใครเล

ความสมดุลระหว่าง ความสุข และ การหาเงิน

  ผมได้หนังสือเก่า ในราคา 3 เล่มร้อยมากจากแผงหนังสือมมือสองเมื่อสัปดาห์ก่อน วันนี้จึงมีโอกาสได้อ่านหนังสือค่อนข้างมีความน่าสนใจอย่างมากและคุ้มค่ากับราคาที่ได้จ่ายไป โดยหนังสือเล่มนี้พูดถึงเรื่องของคุณโทนี่ เช เป็นนักธุรกิจที่มีความสามารถและเป็นอีกคนที่ผมคิดว่าค่อนข้างจะมีความพิเศษในวิธีคิดและการดำเนินธุรกิจ โทนี่ เรียนจบจากฮาวาร์ดแล้วก่อตั้งบริษัท link exchange ขึ้นมาในอพาร์ทเม้นท์เล็กๆของตัวเอง ผ่านไปไม่กี่ปีก็สามารถขายบริษัทนี้ให้กับ microsoft ได้ในมูลค่า 256 ล้านเหรียญ หลังจากนั้นช่วงปี 1999 เขาได้ไปเริ่มลงทุนในบริษัทขายรองเท้าออนไลน์ ชื่อบริษัท zappos จากนั้นไม่นานปี 2010 ก็ได้ขายบริษัทนี้ให้กับ amazon ในมูลค่ากว่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากความสามารถในการทำธุรกิจของโทนี่ เชแล้ว หนังสือเล่มนี้ยังเล่าเรื่องถึงแก่นแนวคิดสำคัญที่แตกต่างนั่นคือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้ "ความสุข" ในการดำเนินธุรกิจ ผมว่าความยากคือการหาสมดุลของความสุขและเงินหรือผลกำไร ความสุขทั้งตัวของเราและความสุขของลูกจ้าง ดังนั้นหนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่ผมคิดว่าให้มุมมองที่น่าสนใจหลายเรื่องที่เราสา

ทดสอบ ฺBacktesting ในค่าเงิน EURUSD ด้วย Bard AI

  ผมลองเล่น Bard (LLM , Chat AI ของ Google ) ตอนแรกเอามาลองสร้าง Prompts เพื่อช่วยหัดเขียน Pine script ใน Trading View ผลออกมายังไม่ดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่แย่มาก ชุดคำสั่งพื้นฐานไม่ซับซ้อนก็พอสร้าง code ออกมาได้ แต่เอาจริงๆอาจจะยังไม่เก่งเท่าเจ้า Chat GPT วันนี้ทดลองเล่นๆว่าถ้า Bard หรือ ChatGPT จะลองช่วย BackTesting แบบไม่ต้องเขียน code โปรแกรมได้หรือไม่, ผลออกมาก็น่าสนใจ พอทำได้ คือมันรู้จัก Strategy รู้จัก backtesting และหา Historical Data ได้ แต่ผลการทดสอบอาจจะไม่เหมือนกับ การเขียนโปรแกรมและรันเอง เสียทีเดียว (ไม่รู้ Bard จะมั่วหรือเปล่าเหมือนกันเพราะมัน show result ยาวๆทั้งหมดไม่ได้) อดคิดไม่ได้ว่าอนาคต ถ้าโปรแกรมเทรด รวมเอา ChatGPT หรือ Bard ที่เก่งขึ้นเข้าไป AI มันน่าจะให้การพัฒนาระบบเทรด หรือ Qaunt ทำงานได้สะดวกขึ้น ....