ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ตุลาคม, 2022

อัพเดตสถานการณ์กองทุนยอดนิยม ARK Inovation ETF

 Ben Johnson โพสข้อมูลกราฟผลงานที่ตกต่ำของกองทุน ARK Inovation ETF ($ARKK) ที่ผลตอบแทนสะสมตั้งแต่เริ่มต้นปี 2014 ล่าสุด 13 Oct 2022 แพ้กองทุน passive อย่าง Vanguard Total Stock Market Index ETF(VTI) ไปแล้ว โดยถ้านักลงทุนซื้อหน่วยลงทุน ARKK ที่ $10000 ผลตอบแทนจะอยู่ที่ $9884.52 (สะสม 98.85%),ขณะที่ซื้อ VTI ที่ $10000 เท่ากันผลตอบแทนจะอยู่ที่ $10629.93 (สะสม 106.30%) คงไม่ได้บอกว่า ARKK ไม่ดีหรือเป็นทางเลือกที่แย่ในการลงทุน แต่ข้อมูลสะท้อนให้เห็นความผิดปกติบางอย่าง กองทุน active (Expense ratio =0.75%)ที่เน้นเรื่องความคาดหวังในการเติบโตจากอนาคต จากเทคโนโลยีเกิดใหม่ เช่น TESLA INC,ZOOM ,ROKU ,INTELLIA THERAPEUTICS,EXACT SCIENCES CORP วันนี้หลายตัวกระแส disrupt มาแต่ผลประกอบการและกำไรมันยังไม่เกิดขึ้น หลายบริษัทกลุ่มเทคโนโลยี inovation ที่ ARKK ไปลงทุนยังขาดทุนสุทธิ , บวกกับเศรษฐกิจเริ่มแย่ชะลอตัว , เงินทุนไหลออกจากหุ้นเทคโนโลยี ทำเอาราคาหุ้นเหล่านั้นร่วงลงอย่างรุนแรงตั้งแต่ต้นปี VTI กองทุน passive ที่ Expense ratio อยู่แค่ 0.03% ถ้าแกะหุ้นส่วนใหญ่ในพอร์ตก็จะพบว่า Top 5 Holdings เป็นหุ้น

กระแสการเลิกจ้างใน U.S. Tech Sector 2022

 ปี 2022 นี้เป็นปีแห่งการ layoff หรือปลดพนักงานของบริษัท Tech company จำนวนมากตั้งแต่ระดับ Top Tech ขนาดใหญ่จนถึง Startup , เช่นบริษัท Microsoft, Intel, Twitter, Tesla, Coinbase,TikTok, Robinhood ,Beyond Meat, Salesforce, Shopify , Noom, Peloton, Stripe, Sketch, Udacity, Crypto dot com เป็นต้น โดยจากข้อมูลของ layoff dot fyi รวมมีการปลดพนักงานกว่า 91,204 ตำแหน่ง,ข้อมูลจาก Crunchbase ในช่วงเดือน October กลุ่ม U.S. tech sector ปลดพนักงานกว่า 44000 ตำแหน่ง หลายบริษัทเลิกจ้างพนักงานใหม่และบางบริษัทปลดพนักงานเฉลี่ยกว่า 20-30% ,รวมถึงการประกาศเริ่มจะลดบางส่วนงานและปิดบางออฟิตลง โดยเฉพาะบริษัทที่ผลประกอบการไม่ดี +ราคาหุ้นดิ่งเหว ทำให้การปลดพนักงานกลายเป็นเรื่องปกติของอุตสาหกรรมนี้ เหตุผลหลักเป็นเรื่องของการลดต้นทุนของบริษัท จากที่เคยแข่งขันจ้าง แข่งกันให้เงินเดือนสูงๆตอนนี้กลายเป็นการเลิกจ้าง ลดต้นทุน คนที่ลำบากก็คือ พนักงาน หรือ ลูกจ้าง ,สิ่งหนึ่งเราจะพบคือ เงินเดือนสูงๆที่ได้ไม่กี่ปีช่วงบูมๆ มันก็มาพร้อมความเสี่ยงหรือความไม่แน่นอนของบริษัทในช่วงภาวะเศรษฐกิจไม่ปกติ (ตอนนี้หลายคนตกงาน เจอป

เคล็ดไม่ลับการเทรด

ได้ไป เจอคอมเมนต์หนึ่งใน Youtube เขาเขียนมาขอเคล็ดลับการเทรด, ผมมานั่งนึกๆดูจะตอบยังไง เลยทำให้คิดถึงภาพนี้ ประเด็นเรื่องของการปล่อยวาง, มันเป็น Top เทคนิคที่เกี่ยวกับ mindset เคยอ่านเจอในหลายหนังสือมาก และพอนำมาตกผลึกแล้วมาโยงกับการบริหารความเสี่ยง มันทำให้กลายเป็น solution ที่ใช้ได้ตลอดมา ไม่ว่าตลาดขาขึ้นหรือขาลง สมัยเริ่มเทรดแรกๆก็คิดที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยการชนะตลาด ผมก็เหมือนน้องคนนี้อยากจะหาเคล็ดลับ หาสูตรลับ แต่สุดท้ายคำตอบที่ค้นพบมันเป็นเรื่องของการอยู่รอด, การทำผลตอบแทนที่ต่อเนื่องเหมาะสมกับความเสี่ยงที่เรารับได้ ส่วนการชนะตลาด ได้กำไร 100% ต่อปีหรือ ชนะคนอื่นๆหรือไม่มันไม่ค่อยสำคัญเลยในระยะยาว ขณะเดียวกันถ้าเราเข้าใจ ว่าสิ่งต่างๆ(ข่าว,นโยบายของธนาคารกลาง,เศรษฐกิจ,เงินเฟ้อ,ทิศทางตลาด และอื่นๆ) ล้วนมันดำเนินไปตามปัจจัยต่างๆที่เกิด(ยังไม่นับรวมเรื่อง randomness ) ทำให้เราไม่สามารถไปคาดเดา, หรือไปควบคุมมันได้ สุดท้ายการปล่อยวาง มันก็จะทำให้จิตเรานิ่งขึ้น เข้าใจธรรมชาติที่แท้จริงมากขึ้น เรียนรู้จะหาทางรับมือหรือวางแผนเพื่อกรณีที่ "ผิดทาง" เอาไว้เพื่อลดผลกระทบจากการขาดทุน