ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก สิงหาคม, 2015

์Nazi Gold

เอาข่าวที่กำลังเล่นกัน ตอนนี้มาฝากกัน ที่โปแลนด์ มีชายสองคนให้ทนายความทำหนังสือ ถึง สภาท้องถิ่น แจ้งว่าเขารู้ที่ตั้งของ ขบวนรถไฟของนาซี ที่มีทองมากถึง 300 ตัน(ลองคิดดูว่าเยอะแค่ไหน) และมีอาวุธสงครามของนาซีจำนวนมาก เขาพร้อมจะเอาออกมา ให้รัฐบาล เพียงขอค่าตอบแทนส่วนแบ่ง 10% ของมูลค่าทองคำ จากรัฐบาล  ข่าวนี้ CNBC เล่นต่อเอง ต้องรอว่าจะยังไงต่อ แต่เชื่อว่าถ้ามีออกมาจริงๆ คงมีสนุกแน่ๆ เพราะมีผลต่อราคาทองคำ ไม่ต่างจากจีนเปิดตัวเลขการครอบครองทองคำและมีผลความมั่นคั่งของชาติที่เป็นเจ้าของทอง 300ตัน มูลค่าหลายพันล้านเหรียญ ปล. สมบัตินาซีนี่มีจริงนะครับ ถ้าอ่านข่าว นาซีมีของพวกนี้ที่ปล้นไปเยอะมาก ทั้งทอง และงานศิลปะ มีการขนจากยุโรปกลับไปเบอร์ลิน โดยเฉพาะทองที่เป็นยุทธ์ปัจจัย จำนวนไม่น้อยที่ไปไม่ถึงเนื่องจากโดนโจมตีทำให้ต้องซุกซ่อนตามค่ายลับต่างๆ  ล่าสุดที่มีตัวเลขประมาณกัน คาดว่ามีสมบัติเช่นทองคำและอื่นที่ยังหาไม่เจอ ถูกซุกซ่อนอยู่มากถึง $37,000,000,000 เลยทีเดียว ลองดูสารคดี  nazi gold ตอน  The Nazi Gold of the Nazi Underground  ของ National Geographic ได้ที่ https://www.youtube.com/w

สารกระตุ้น

ตอบคำถามจาก message น้องเขียนมาชวนคุย แล้วถามที่น่าสนใจว่า "อยากทราบวิธีการที่จะทำตัวเองให้ขยันเหมือนพี่บ้าง" ออกตัวก่อนผมก็ไม่ได้ขยันอะไรมาก แต่พอมันเป็นอาชีพ วินัยมันทำให้เราต้องลงมือทำเอา คือไม่ได้พูดเท่ห์แต่มันต้องทำจริงด้วยเพราะมันผลกระทบต่อผลงานของเรา เช่นบอกว่าเขียนไดอารี่ ก็ต้องเขียนจริงๆ เพราะไม่เขียนเราก็วิเคราะห์ผลการเทรดตัวเราไม่ได้ หรือบอกว่านั่งสมาธิ อันนี้ถ้าไม่ทำก็รั่วเทรดตลาดยากๆอย่างค่าเงินไม่ไหว ผมเชื่ออย่างว่าทั่วไปไม่มีใครเป็น คนอยากขี้เกียจหรอกครับ น้องไม่ต้องไปโทษตัวเอง เพียงแค่บางทีเรายังหาเป้าหมายจริงๆไม่เจอ ทำให้ แรงจูงใจมันยังไม่มี อย่างพี่มันสนุกยิ่งอ่านยิ่งทำยิ่งมันส์ได้เรียนรู้  อีกอย่างต้องมี passion คำนี้พูดกันเยอะ แต่เชื่อเถอะมันหาได้เจอไม่ง่ายหรอก ผมเคยเจอไม่น้องอยากมาเทรดหุ้น เทรดเก็งกำไร เพราะอยากรวย อย่างเท่ห์ แต่เอาจริงๆไม่ได้ชอบ พอผ่านปีแรกไม่ได้ก็เลิกไป ซึ่งจริงๆ ถ้าหาตัวเองเจอ ทำอะไรมันก็สำเร็จได้นะไม่ต้องตามกระแสมาเทรดหุ้น เทรดอนุพันธ์ก็ได้ พูดจริงๆ สุดท้ายที่ยากสุดคึอ การขยันต่อเนื่อง บางทีพอเรา แก่วัด ทำได้เยอะ มันทำให

My Reading List :Week2-08-2015

เมื่อคืนคุยกับ น้องที่ให้เทรนเพื่อไปแข่ง trading ด้วยกันว่าจะแชร์ list ที่ผมอ่านประจำวัน ทุกสัปดาห์ให้  วันนี้ เลยขอให้ Note เป็นตัวแปะ ส่วนหนึ่งคือพวกเราสนใจได้ไปอ่านตาม อีกส่วน ผมได้ใช้อันนี้แทน ever note ในการแปะด้วย เพราะอันนั้นแชร์ฺไม่ค่อยสะดวก เนื่องจากมีคลังแสงส่วนตัวเยอะจัด เดี่ยวความลับรั่วไหล 555  ผมจะเริ่ม สัปดาห์นี้ สัปดาห์แรกเลยแล้วกัน แปะ link ที่น่าสนใจให้ ส่วนมากที่แชร์ได้ จะไม่เกี่ยวกับงานวิจัยและพัฒนา จะเป็นเรื่องที่ผมอ่านทุกเช้า ตอนกินกาแฟ จาก feed และจากเว็บที่สนใจ แล้วเก็บสะสมไว้ใน clip board น้องๆที่อยากศึกษาเพิ่มก็ไปแกะเอา แต่ผมไม่แปลให้นะ อย่ามาถามโดยไม่อ่าน หรืออยากรู้แต่ไม่ลงทุนทำอะไร อย่างนั้นไม่เกิดประโยชน์แน่ๆ -------------------------------------------------------- 1. Prop-Trading Firms – A New Trend For IB’s, White Labels http://www.financemagnates.com/executives/insights/prop-trading-firms-a-new-trend-and-breakthrough-for-ibs-white-labels/ 2. How To Measure Risk in Forex http://www.financemagnates.com/executives/insight

The Disciplined Trader

ช่วงนี้ cwayinvestment จัดโปรเจค Trader Book Club ขึ้นมาคุยกันสบายๆเบาๆเรื่องของหนังสือ ที่จะมีประโยชน์ต่อการเทรด ในรูปแบบ รีวิว จับสาระสำคัญบางส่วนมาเล่าต่อ เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นในการเรียนรู้  สัปดาห์นี้ตอนที่สองแล้ว ผมหยิบเอาหนังสือ โปรดอีกเล่มของผม คือ The Disciplined Trader เขียนโดย คุณ Mark Douglas มาเล่า ใครอยากประสบความสำเร็จ ในอาชีพเทรดเดอร์แนะนำว่าไม่ควรพลาดเลย  https://www.youtube.com/watch?v=DnkePZnWNiA

Jessica Alba กับบทบาทใหม่นักธุรกิจพันล้าน

Jessica Alba เป็นผู้หญิงสวยและเก่งจริงๆ ล่าสุดบริษัท startup ของเธอ กำลังเข้าตลาดหุ้น มูลค่าระดับพันล้าน เ ธอกับหุ้นส่วนร่วมสร้าง  The Honest ธุรกิจขายผลิตภัณฑ์เครื่องใช้เพื่อสุขภาพแบบออร์แกนิค ประเภท nontoxic product มีสินค้ากว่า 120 รายการ สำหรับเด็กและผู้หญิง ใช้ organic cotton และ plant-based polymer รวมถึงบรรจุด้วย bio-plastic ไอเดียแรงบันดาลใจ เธอบอกว่าได้มาจากตอนมีลูก แล้วเกิดแพ้ สินค้า่ทั่วไปที่มีสารเคมีปน และเกิดเป็นพิษ Honest เป็นสินค้าแพง เพื่อสุขภาพ ที่จับกลุ่มตลา ดบนและทำได้ผล จากการปั้นแบรนด์ ด้วยชือ่เสียงของเธอเองด้วย ล่าสุดทำยอดขายได้มากถึง $150 million เติบโตสามเท่าตัวจากปีก่อนหน้า แน่นอนว่าเมื่อโต ก็เป็นที่ต้องตาของ wallstreet ล่าสุดกำลังเข้าทำ IPO เพื่อระดมเงินขยายกิจการและบุกตลาดต่างประเทศ ซึ่งคาดกันว่าจะมีมูลค่าบริษัทระดับพันล้านเลยทีเดียว  คนไทยเคยคุ้นตาผลงานของเธอจาก สาว F4 คนก่อนที่สวย ดุ และเซ็กซี่ วันนี้เธอก้าวไปอีกขั้นในบทบาท ใหม่ที่ ไม่ธรรมดาเลยกับเส้นทางของดาราสาวคนนี้  อ่านเพิ่มเติมที่ http://www.marketwatch.com/story/jessica-alba-t

Oil Oil Oil

น้ำมันกับจุดต่ำสุดใหม่รอบ 6 ปี น้ำมันสเน่ห์อย่างหนึ่งคือ มันคาดเดาไม่ค่อยได้ แต่คนก็พยายามไปคาดเดา พยายามจับ logic ต่างๆมาสนับสนุนความเชื่อของตัวเอง ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายเชื่อว่าขึ้น และฝ่ายเชื่อว่าลง ก็มีเหตุผลมาสนับสนุนการเดาของตัวเอง ถ้าจำกันได้รอบแรกของการร่วงลงมาของราคา สื่อใหญ่ระดับโลก เสนอว่าเป็นเกมส์ของอเมริกากับซาอุ กดดัน IS(ผู้ก่อการร้าย) ที่ยึดบ่อน้ำมันในอิรักและแอบขายน้ำมัน บวกกับกดดันรัสเซียและอิร่าน คือเรื่องราวเล่นข่าวกันมาหลายวัน น่าเชือ่ถือมาก มารอบนี้ เฮ้ย ทำไมกลายเป็น ซาอุ ท ำสงครามราคาน้ำมัน แพ้อเมริกา ไปซะแล้ว ในเมื่อรอบแรกจาก $100 มา $45 ข่าวยังเขียน กูรูยังออกมาบอกว่าเป็นเกมส์สมคบคิด เพื่อร่วมกันถล่มรัสเซียและอิหร่าน อยู่เลย ยิ่งตามยิ่งสนุก เพราะเราจะมี story ให้เสพเรื่อยๆ เหมือนผมเขียนบทความให้อ่านก่อนว่า story is everything มันเป็นตัวกระตุ้นความโลภ ความกลัว และการมโนของคน ตอนนี้คนเห็นน้ำมันลงมาแถว 45 ก็เริ่มออกมา bullish divergence กันอีกแล้ว(คือหาอะไรมันมา divergence ได้เรื่อย ไม่มี timeframe ใหญ่ก็ไปเอาสัญญาณใน timeframe เล็กมาเดา มาสนับสนุนความคิด) แต

Trader Book Club โปรเจคล่าสุดของ cway

ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ เพราะผมเชื่อว่าการอ่าน จะทำให้เราได้เปิดโลก เมื่อพบมาเห็นมาก ทำความเข้าใจได้มาก มันนำมาซึ่งปัญญา ปัญญา จะช่วยให้ เราตัดสินใจ วางแผน แล้วนำไปสู่การปฏิบัติได้ดียิ่งขึ้น ในต่างประเทศ มีหนังสือดีๆเกี่ยวกับการเทรดมากมาย เป็น ร้อยเล่ม (เยอะจริงๆ) หนังสือที่เป็นหนังสือจริงๆ ที่ผู้เขียนลงมือทำงาน หารวบรวมข้อมู, รวมถึงการวิจัย ต่างๆมาถ่ายทอด ไม่ใช่หนังสือ ที่เน้นการสอนให้รวยเร็วๆ หรือสร้างความยากรวย ให้กับ เทรดเดอร์เพียงอย่างเดียว แต่แน่นอนว่า ภาษา อังกฤษ คืออุปสรรค ใหญ่ ทำให้การอ่าน Text book ดีๆ กลายเป็นเรื่องยาก และ ไม่สนุก แถมกว่าจะอ่านจบ บางทีใช้เวลาเป้นหลายเดือน (ยังไม่นับอุปสรรคเรื่องการตีความ ที่ต้องอาศัยประสบการณ์เสริม) ผมเลยคิดอยากลอง จัดรายการ Trader Book Club ขึ้นมาใช้เวลา ประมาณ 40 นาที ในช่วงวันจันทร์ 20.00 เนื้อหาสาระ ก็จะนำหนังสือดีๆ มาแนะนำ แล้วจับเอาหัวข้อ เกี่ยวกับการเทรด ด้านต่างๆ เช่น mindset , Technical analysis , trading system , money management psychology และ อื่นๆ ลองแวะเข้าไปขม EP01  The mental strategies of top trader เข้าชมย้อนหลังได

pay-per-minute café

อ่านบทความนี้จาก manager แล้วรู้สึกว่าน่าสนใจ แนวคิด pay-per-minute café การทำร้านกาแฟ ที่เก็บเงินตามเวลาที่นั่ง ลองไป google ดูเจอเยอะเลยในต่างประเทศ เช่น Ziferblat เปิดหลายสาขาที่ในยุโรป หลายอย่างฟรี กาแฟถูกคิด £2.25 เมื่อเลย 15 นาที จะเริ่มคิดค่าบริการตามเวลาที่ลูกค้ามาอยู่ในร้าน การนั่งทำงาน อ่านหนังสือ ฟังเพลง(ร้านมีแผ่นเสียงบริการด้วย) ใช้ wifi เขาพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจ ทำให้คนอยากนั่งนานๆ ส่วนตัวผมว่าร้านกาแฟ ไม่เหมาะกับการทำงานเท่าไหร่นะ เพราะมันไม่นิ่ง และบางร้านพลุกพล่านมาก ทำให้สมาธิ เกิดยาก งาน focus อาจจะไม่ค่อยเหมาะ แต่ถ้าชอบความไดนามิก หรือใช้ติดต่องาน ผมว่าน่าจะดี ปัจจุบันร้านกาแฟ ส่วนใหญ่คิดค่าเวลา ร่วมไปในกาแฟ อยู่แล้ว เพราะขายกันแก้วละ 50 บาท ขึ้นไปถึงหลักร้อย คนนั่งแช่นานๆ มีอยู่จริง แต่จำนวนไม่น้อยกลายเป็น ขาประจำ ที่อยากมา พักผ่อน มานั่งชิว ไม่ต้องเร่งรีบ เมื่อเขาพอใจ ลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะจ่ายต่อเนื่องระยะยาวให้ ร้านกาแฟ แถมได้ความผูกพัน ได้ลูกค้าที่ภักดีเพิ่มไปอีก อนาคต ถ้าร้านกาแฟ เก็บเงินค่านั่ง เป็นตามช่วงเวลาการใช้งาน อาจจะทำให้ ความถูก และความสะดวก หมดลง

Yuan effect

สรุปความจาก BloomBerg มากให้อ่านกัน การจีนเริ่มโยนหินถามทางด้วยการลดค่าเงิน Yuan ของตัวเองลงที่ 1.9%(ตรงนี้เหมือนจุดเริ่มต้นเท่านั้นเพื่อดูว่าจะมีผลอะไรตามมา) ทางนักวิเคราะห์ต่างชาติของค่ายใหญ่ๆเขาก็พากันมองหา ผลกระทบด้านบวกและลบ ที่จะเกิดขึ้น  ** ล่าสุดมีการลดลงมาเพิ่มรอบที่สอง จากวันแรก รวมแล้ว 4% จากค่ากลาง ด้านลบ 1.กลุ่มธุรกิจของจีน ที่มีหนี้เป็น US dollar ต้นทุนการชำระหนี้ก็จะสูงขึ้น อันนี้เมื่อวานเห็นชัดจากการร่วงลงของราคาหุ้นในบริษัทใหญ่ หรือ สายการบิน 2. กลุ่มธุรกิจ ที่ส่งสินค้าไปขายยังจีน จับจีนเป็นตลาดใหญ่ เช่น luxury car รวมไปถึงสินค้าแบนด์เนม  จากยุโรปต่างๆ ที่แน่นอนว่า ราคา ย่อมสูงขึ้น อาจจะมีผลกระทบยอดขายในจีน กลุ่มนี้ยุโรปส่งสินค้าไปขายในจีนมากที่สุด หลายบริษัทที่มีรายได้จากฐานลูกค้าในจีน ก็คงหนีไม่พ้นผลกระทบที่จะตามมา 3. ราคาคอมโมดิตี้ เช่นกลุ่มเหล็ก หยวนอ่อน กระทบต้นทุนการนำเข้า มีโอกาสที่ ความต้องการซื้อสินค้านำเข้า จะลดลง เมื่อวานกลุ่มเหล็ก อย่างเช่นบริษัท Vale SA บริษัทผลิตเหล็ก ที่อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐ ร่วงลง  5.7 เพราะมีฐานลูกค้ามาจากจีนถึง 37%ของรา

Commodity trader

สัปดาห์ล่าสุดจาก cwayinvestment channel สัปดาห์นี้มาพบกับเซียน commodity trader ชื่อดังอย่าง Larry Williams ผมชอบความที่ชายคนนี้ไม่ได้เป็นเทรดเดอร์ธรรมดา แต่เขายังเป็นนักวิจัยและนักทดลอง ที่สรา้งเครื่องมือเทคนิคอล รุ่นใหม่ ให้่เทรดเดอร์รุ่นหลังได้ใช้งานหลายตัว - ประวัติ เส้นทางสายอาชีพ - แนวคิดสำคัญของการเทรด - เคล็ดลับการเทรด (Trend following) - money management และการบริหารอารมณ์ - E = Mc2 กับ emotion control - Trend and Gravity - R&D - William %R - synthetic VIX (William VIX FIX) รับชมได้ฟรี ที่ https://www.youtube.com/watch?v=ut-c_Sp4iM0

Quantum Physic for Trading

ต่อจากเรื่อง modelling ที่ผมบรรยายเกี่ยวกับ jame simons นี่นะครับ ที่ผมเล่าให้ฟัง หัวข้อวิจัยที่ผมเคยไปเรียนจากเพื่อนเทรดเดอร์คนหนึ่งที่รู้จักกันในเว็บบอร์ด พูดเรื่องนี้ เหมือนว่าสาย Quant เขาพัฒนาอะไรไปไกลเยอะมาก มากกว่ากราฟเทคนิคอลธรรมดา ที่เอามานั่งลากเป้า เดาคลื่น ดูเส้นตัดกันเยอะมาก อันนี้ความรู้ที่ถอดเป็นหนังสือแล้วนะ แปลว่ามันเป็น common knowledge แล้ว เราอาจจะยังไปไม่ถึงครึ่งที่เขาถ่ายทอดในกลุ่มเขาเลย ศาสตร์การเก็งกำไรพวกนี้อยู่ใน Lab กลุ่มเฉพาะ และมักถูกใช้ในกองทุนใหญ่ หรือกองทุนเฮ็ดฟันด์ ตัวอย่างหนึ่งที่เราจะเห็น ในหัวของของ James simons เป็นต้น เล่มนี้ผมยังไม่ได้ซื้อ แต่มีคนแนะนำมา ใครมาสาย physics อยากรู้ว่า ไซมอนใช้โมเดลสไตล์ไหนลองหามาอ่าน ได้ Quantum Trading ใช้ กลศาสตร์ควันตัม มาสร้างโมเดล หาสัญญาณซื้อขาย ผมสรุปคราวๆให้ฟังนิด เพื่อจะได้เห็นมุมมอง ศาสตร์ด้านนี้เขาไม่ได้ focus ไปที่ direction หรือ trend เขาดู การสั่น หรือการเปลี่ยน state ของราคา อันนี้เป็นเรื่องของแรงและพลังงาน ไม่เข้าใจดูเทฟจาก link นี้ได้ มาคำนวณหาความถี่ที่เกิด ไม่ขออธิบายเยอะ เพราะผมก็ยังใหม

Quant King

สัปดาห์นี้ตั้งใจจะมาเล่าเรื่อง james simons เจ้าของฉายา Quant King แห่ง Renaissance Technologies ผมศึกษาเรื่องของ simons มามากพอสมควรจากหนังสือ บทความและบทสัมภาษณ์ต่างๆ ผมสนใจเพราะคนนี้รัน hedge fund ด้วย phd สายคณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และโปรแกรมเมอร์ จำนวนกว่า 200 คน โดยไม่มีเทรดเดอร์ มีแต่ คอมพิวเตอร์ ทำงานส่งคำสั่งเทรด ตามระบบเท่านั้น บริหารเงินระดับ 25 billion แถม ผลงานไม่ธรรมดา มีผลตอบแทนเฉลี่ยสะสม 30 ปี ประมาณ 10% (บางปีทำได้ 30-50 % ก็มี) อยากให้คนไทยได้รู้จักเทพของจริงในโลกการเงิน เลยจะนำเอาเนื้อหาบทสัมภาษณ์ล่าสุดของแกมาถ่ายทอด เนื้อหาโดยสรุป มีประมาณนี้ ประวัติ ส่วนตัวเบื้องต้น การทำงาน ฐานะนักคณิตศาสตร์ เส้นทางการทำงาน ฐาน hedgfund manager การสร้างบริษัท Renaissance Technologies แนวคิด modelling & programming Quant trading strategies ที่ประสบความสำเร็จอันดับต้นของโลก เข้าไปชมได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=NtgxQ62Zybs

Finding Your Trading Style

อุปสรรคของการเทรด อันหนึ่งที่ทำให้ คนทั่วไปไม่ประสบความสำเร็จ คือ การหาตัวเองไม่เจอ ใช่ครับ แม้เราจะไม่ได้อยู่ในวัยรุ่น หรือวัยเริ่มต้นชีวิจมหาวิทยาลัย แต่การค้นหาคำตอบ จากตัวตนของเราเอง ยังไม่สิ้นสุดลง การค้นหาตัวเอง คือ การหยุด มองไปที่ข้างใน ทำความเข้าใจกับ จริต ของตัวเอง เพื่อให้รู้ว่า Trading Style ของเราเป็นแบบใด ปัญหานี้ เป็นปม ทั่วไปที่ผมพบมาก ทั่วไป เพราะเมื่อท่านเข้ามาในตลาดหุ้น ตลาดเก็งกำไร สิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำคือ มองไปที่ "กำไร" ถูกไหม?  พอมองไปที่กำไร ก็พยายามจะหากำไร แต่แน่นอนว่าพอมันทำไม่ได้ ทำได้ยาก เราเริ่มหาทางลัด พยายาม หาเซียน หากูรูมาเกาะ หรือ หาตัวอย่างว่าเขาใช้เทคนิคอลอะไร ใช้เครื่องมืออะไร เพื่อมาทำตาม  สิ่งเหล่านี้ไม่ผิดครับ แต่มันไม่ถูกทั้งหมด เพราะเมื่อเราทำตามคนอื่น วิ่งตามคนอื่น โดยความเชื่อว่ามันดี มันยอดเยี่ยม สุดท้าย ถ้ามันไม่เหมาะกับเรา ไม่เหมาะกับสถานการณ์มันก็ไม่เกิดประโยชน์  อันหนึ่งเจอบ่อยคือ เราไปเอาระบบจากคนอื่น ที่เขาอาจจะใช้ทำเงินได้ ตอนตลาด bullish มีกำไรมากมายมาล่อเรา แต่ตอนนี้เงื่อนไข สภาวะตลา

long running

ตลาดหุ้น มันอยู่อีก 10 ปี 100 ปี ไม่ต้องไปรีบอยากทำกำไรเร็วๆ อยากโกยกำไรเยอะๆ จนหน้ามืดตามัว ตามกระแส ที่กระตุ้นให้เราโลภ ตลอดเวลา  ตลาดมันยากจัด ระบบเทรดทำงานไม่ดี รู้สึกเหนื่อยก็ผ่อนลดความถี่ในการเทรด หรือมันขาดทุนบ่อยก็หยุด(ทบทวนแก้ไข แล้วเริ่มใหม่) รู้จักอ่านพฤติกรรมราคา อ่านพฤติกรรมตลาด แล้วปรับจังหวะการเทรดและ การวางเงิน ให้เหมาะสม พยายามทำตัวเองให้แข็งแกร่งก่อน อยู่รอดก่อน เมื่อรากฐานมันมั่นคง แล้วกำไรมันค่อยๆไหลตามมาเอง ยิ่งช่วงวัฏจักรตลาดดี กำไรยิ่งงอกเงย อะไรไม่รู้ก็ศึกษาเพิ่มเติมให้รู้แจ้ง ให้เข้าใจถ่องแท้ สิ่งที่ผิดพลาดก็ปรับปรุงแก้ไข อย่าให้ความสำเร็จของคนอื่นมาทำให้เกิดความกดดัน และความคาดหวังกับตัวเรา จนมากเกินไปครับ ค่อยๆเดิน เดินช้าๆอย่างมั่นคง ลองทำตัวเป็น  slow life trader เน้นการอยู่รอดระยะยาวให้ได้ตลอดไป  รูปจาก weeklygravy.com