ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

ไม่ใช่แค่กำไร แต่ต้องเป็นกำไรสม่ำเสมอเท่านั้น

ทำมาหากินด้วยการซื้อขายหุ้นและอนุพันธ์ เป็นอาชีพหลัก เงินรายได้เกือบ 80% ก็มาจากตรงนี้ อยู่กับหุ้นกับอนุพันธ์แทบจะทุกวัน จนมันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว เมื่ออยู่ตรงนี้ไปนานๆ ความคิดเราจะเปลี่ยน มุมมองกำไร ขาดทุน มันจะแตกต่างจากคนที่เพิ่งเข้าตลาดใหม่ๆ เพราะเห็นอะไรมากมาย เห็นทั้งคนที่รวยเป็นสิบๆล้าน และคนที่เจ๊งหมดตัวจนเหลือศูนย์ก็มี ที่เขาว่าไม่ขายไม่ขาดทุน ไม่จริงหรอกครับ เมื่อผิดทาง เมื่อหุ้นที่เราถือมันด้อยมูลค่า ยังไงก็ขาดทุนแม้เราจะยอมรับมัน ด้วยการไม่ขายเพื่อให้เกิดการดำเนินการทางบัญชีด้วยตัวเงิน ยังคงเก็บตัวแดงๆไว้แต่นั้นมันคือขาดทุน ขาดทุนเวลา ขาดทุนการเสียโอกาสในเงินก้อนนั้น ส่วนใครที่ใช้เงินกู้หรือมาร์จิ้น แน่นอนว่าก็ต้องโดนคิดบัญชี ปิดบัญชีเสียเงินก้อนนั้นไปโดยปริยาย ดังนั้นโอกาสขาดทุนยังไงก็มีแน่นอนในตลาดหุ้น อย่าไปหลงความเชื่อๆผิดๆว่าไม่ขายไม่ขาดทุน ตลาดหุ้นไม่เสี่ยง เป็นอันขาด การใช้ชีวิตด้วยเงินกำไรที่หามาได้จากการเทรดหุ้นและอนุพันธ์ เป็นเรื่องที่ยาก ยากกว่าการรับเงินเดือน ที่สิ้นเดือนก็มีเงินเข้าบัญชีให้อุ่นใจ ปลายปีได้โบนัส เพราะของพวกนั้น เป็นของตายค่อนข้างแน่นอน แต่

Gold@22-08-2012

บันทึกสภาวะตลาดทองคำ แนวโน้ม และรูปแบบราคา ประจำวันที่ 21-08-2012 บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อ ใช้ในการศึกษาวิจัย Gold Trading System Project ไม่มีเจตนาชี้นำ หรือวิเคราะห์ราคาในอนาคตแต่อย่างไร และไม่แนะนำให้ผู้อ่านนำไปใช้ในการลงทุน เดือนนี้เคลียร์โปรเจคเรื่องการทำหนังสือ เสร็จทั้ง 2 เล่มจึ้งมีเวลาว่าในการทำโปรเจคใหม่ โดยตั้งใจจะทำระบบเทรดทองคำ ของตัวเอง เสียใหม่แทนระบบเดิม ที่ใช้อยู่ เพราะระบบเดิม ถึงจะได้ผลตอบแทนดี แต่เน้นไปที่ long bias เป็นหลัก แต่ดูเหมือนกับว่า สภาวะปัจจุบัน ทองคำเริ่มแกว่งกรอบ 1500-1700 ทำให้กำลังและโมเมนตรัมในการวิ่งไม่ดีเหมือน 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นเป็นเวลาอันควรที่จะปรับระบบใหม่ ผมจีงใช้เวลาเก็บข้อมูลสภาวะทองคำ ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียเปล่าขอเอาภาพและ ค่าทางสถิติมาแปะในเว็บ เพื่อให้เพื่อนๆได้อ่าน หรือช่วยแนะนำแลกเปลี่ยนกันต่อไป ย้ำว่าเป็นการเก็บข้อมูล โดยดูที่รูปแบบราคา ทิศทาง แนวโน้ม ไม่ได้วิเคราะห์ หรือคาดเดาอนาคตแต่อย่างไร TF: Day ภาพใหญ่ทองคำแนวโน้มยกตัวขึ้นต่อเนื่อง สามารถเบรคแนวต้านแถว 1620 ขึ้นมาได้ ดังภาพ  TF: 15 min กราฟราคาทอง เป็นขาขึ้น Up trend พร้อมแรงซื

นิยามความสำเร็จ

"ความสำเร็จ" คำคงนี้เป็นคำที่นักลงทุนหลายคน ถวิลหา อยากได้มาครอบครอง อยากได้มาประดับกาย ยิ่งเมื่อคำว่าความสำเร็จในด้านการลงทุน ด้วยแล้วมันจะหมายถึงความร่ำรวย ความมั่งมี หรือที่หลายคนใช้แทนคำว่า "อิสระภาพทางการเงิน" ดูสวยหรู ดูงดงามชวนฝันถึง แม้ทุกคนจะใฝ่ฝันถึง ก็อาจจะไม่ใช่ว่าจะไปถึงได้ดังใจฝัน กว่าจะเข้าใกล้คำว่า "ความสำเร็จ" เราต้องเดินทางฝ่าฟันอุปสรรคนานานับประการ ต้องใช้ความอดทน และความพยายามไม่น้อย ต้องต่อสู้กับจิตใจตนเอง ที่สำคัญต้องเจอกับ "ความล้มเหลว" ที่เข้ามาทักทาย ระหว่างการเดินทางไปสู้เป้าหมายตลอดเวลา บุคคลสำคัญที่ประสบความสำเร็จในโลกนี้ ก็ล้วนแต่ต้องผ่านกระบวนการเดียวกันแทบทั้งนั้น ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด ต้องสั่งสมประสบการณ์ และใช้ความอดทนพยายามสูงจนกว่าจะมาถึงวันแห่งชัยชนะ ตัวอย่างที่ผมชอบและเห็นได้ชัดเจนคือ บุคคลสำคัญของโลกที่ทำให้เรามีหลอดไฟใช้กันทุกวันนี้ คือคุณ โทมัส อัลวา เอดิสัน ที่กล่าวอมตะวาจาไว้ว่า "I will not say I failed 1,000 times, I will say that I discovered there are 1,000 ways that can cause failure."

ชะตากรรม facebook ในอนาคต

เขียนถึงหุ้น facebook อีกแล้ว หลายคนเริ่มแซว ว่าผมมีหุ้นนี้หรือเปล่า บอกได้เลยว่าไม่มีครับ เพราะไม่ชอบตามกระแส ไม่บ้าซื้อของแพงๆ(P/E= 72) 555 แต่ที่เขียนถึงเพราะเป็นกรณีศึกษา ผมชอบหุ้น IT อาจจะเพราะสายงานด้วย ทำให้พอเอารายงานประจำปี หรือรายงานบทวิเคราะห์มาอ่านแล้วสนุก ในต่างประเทศบริษัทที่ออกบทวิเคราะห์ อุตสาหกรรม IT นักวิเคราะห์ ไม่ไก่กา เขาเอากูรู IT ที่รู้จริงๆมาวิเคราะห์มุมมอง กลยุทธ เกี่ยวกับอุตสาหกรรม ส่วนเรื่องการเงิน งบก็ให้คนที่จบทางบัญชีเขียนรายงานไป ช่วยกันทำมันทำให้ได้สองมิติที่ลึก และชัด  หุ้นกลุ่มนี้ทั้ง Google, Apple และอื่นๆ ผมติดตามเสมอ แต่ facebook มีเรื่องให้เขียนถึงบ่อยเพราะมีกระแส มีข่าวมาตลอด ล่าสุดเคราะห์กรรม ยังไม่จบไม่สิ้น ปัจจุบันราคาหุ้น facebook ร่วงมาที่ 19.05  ดอลลาร์ต่อหุ้น  เป็นแนวรับต่ำสุดที่ผ่านมา มูลค่าลดลงเกิน 50% จากจุดสูงสุดเดิมที่ 45  ดอลลาร์ ตอนวันที่ IPO (ราคา IPO @38 ดอลลาร์)เล่นทำเอานักลงทุนอเมริกันหน้าเขียว คางเหลืองไปตามๆกัน โดยเฉพาะช่วงวันที่ 17 สค. ที่ผ่านมาเป็นช่วงพ้นกำหนด Lock-Ups ที่อนุญาติให้ กรรมการบริหารเฟซบุ๊ก และนักลงทุนรุ่นแรก สา

หุ้นเพิ่มทุน

เคยมีคนถามผมว่าทำไมถึงชอบแนวทาง technical analysis คำตอบของผมเรียบง่ายมาก เพราะผมเองเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ ผมชอบสังเกต ชอบติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด เลยเลือกใช้แนวทางนี้ในการลงทุน แต่ผมเองก็ไม่ได้ละเลยเรื่องของพื้นฐาน ไม่เคยคิดว่าเรื่องของพื้นฐานเป็นสิ่งไม่จำเป็น เพราะหมวกอีกใบผมเองผู้ประกอบการ ทำกิจการเล็กๆ ผมเชื่อมั่นในการเติบโตของธุรกิจ ว่าเป็นสิ่งสำคัญและเป็นแรงพลักดันให้เกิด แนวโน้มและรูปแบบการเติบโตของราคาหุ้น ได้เป็นอย่างดี ถ้ามองอย่างเข้าใจ ไม่ใช่งมงาย จะพบว่า  technical analysis แท้จริงก็คือการวิเคราะห์บนโดเมนสามสิ่ง นั้นคือ ราคา ,ปริมาณการซื้อขาย และเวลา เมื่อวิเคราะห์ ประมวลผลข้อมูลได้ ก็นำมาตีความ เพื่อช่วยตัดสินใจ ทุกอย่างมันตั้งอยู่บนตัวเลขเชิงคณิตศาสตร์ เป็นการสังเกต ติดตามข้อมูลได้แบบ รายวัน รายนาที ทำให้เราอยู่ใกล้ชิดกับสภาพความเป็นจริงของตลาด  แต่แน่นอนว่าหุ้น ก็คือกิจการ มันหนีไม่พ้นเรื่องของปัจจัยพื้นฐาน ที่มีผลต่อรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น เมื่อกิจการดี ผลประกอบการดี กำไรเติบโต ย่อมส่งผลดีต่อมูลค่าของหุ้น ส่งผลบวกต่อจิตวิทยาของนักลงทุนแนวต่างๆ ทำให้เกิดโมเมนตรัมแร

6-Step Plan for Trading system

ได้หยุดยาวๆ สามวันได้นอนเต็มอิ่มได้ทำหยุดพักเรื่องงาน พอกลับมาทำงานอีกครั้ง รู้สึกว่าร่างกายและสมองจะสดชื่น ปลอดโปร่ง มากกว่าแต่ก่อน จริงๆแล้วร่างกายของเราก็คงไม่ต่างอะไรกับเครื่องจักร ที่ทำงานหนักตลอดปีย่อมมีวันล้า วันเสื่อม การได้หยุดพัก การได้ดูแล บำรุงรักษาย่อมเป็นเรื่องดี

จริงหรือถ้าเงินน้อยเล่นหุ้นไม่มีวันรวย???

ตั้งแต่เด็กๆมาแล้ว ได้ฟังเพลงคาราบาวที่ว่า "คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น" มันเลยทำให้ผมค่อนข้างสงสัยว่าทำไม คนจนเล่นหุ้นไม่ได้หรอ??? ตอนนั้นรู้จักตลาดหุ้นจากหนังจีนเรื่อง "เจ้าพ่อตลาดหุ้น" ที่ฉายทางช่อง 3 ยิ่งทำให้ผมรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าสนใจดี กับภาพตลาดหุ้นที่เห็น มีการเคาะกระดาน เขียนกระดาน มีเจ้าหน้าที่ใส่เสื้อแบบมอเตอร์ไซด์วิน สีต่างๆตะโกนชูไม้ ชูมือ แข่งกันโหวกเหวกโวยวาย ไม่กี่ชั่วโมง ผ่านไปก็ทำให้คนธรรมดากลายเป็นได้ทั้งจนและรวย ตอนนั้นอยู่ต่างจังหวัด ไม่รู้จักหรอกครับตลาดหุ้น จะไปถามพ่อแม่ ญาติพี่น้องก็ไม่มีใครรู้ เพราะเรามันเป็นคนจน ส่วนใหญ่รู้จักแต่หวย วันที่ 1 วันที่ 16 ก็วิ่งกันเป็นประจำ มันยิ่งทำให้ตอกย้ำภาพที่ว่า คนจนเล่นหวยกันเข้าใหญ่ เมื่อผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ได้เข้ามาเรียนในเมือง มีโอกาสได้ไปรู้จักกับหุ้น จากหนังสือพิมพ์ในห้องสมุด เห็นตารางราคาหุ้น ตัวเลขมากมายทำให้น่าศึกษา บวกกับช่วงนั้นเมืองไทยเจอผิดวิกฤติการเงินต้มยำกุ้ง ทำเอาคนหมดตัวจากตลาดหุ้นจำนวนมาก ผมจำได้เลยว่ามีข่าวคนเป็นหนี้ล้มละลาย ฆ่าตัวตายก็หลายข่าว  ดังนั้นถ้าไปคุยกับผู้ใหญ่เรื่องห

หุ้น fabook กับความรวยที่ไม่แน่นอน

ความรวย เกิดจากมูลค่าของสินทรัพย์ที่เราถือครอง ถ้าสินทรัพย์เราเพิิ่มค่าได้ในอนาคต ความมั่นคงความมั่งคั่งก็อยู่กับเราได้นาน แต่ถ้ามันเสื่อมค่าลดถอยลง เราเองก็คงเป็นทุกข์ เป็นกังวลมิใช่น้อยเช่นกัน นำเรื่องนี้มาเขียนเพราะช่วงนี้อ่านข่าวเกี่ยวกับหุ้นต่างประเทศ หลายสำนักเล่นข่าว FaceBook Inc. กันมากมาย โดยเฉพาะการด้อยค่าของหุ้นเฟสบุ๊คที่ตกลงอย่างหน้าใจหาย แน่นอนว่าการที่หุ้น Facebook ร่วงลงถึง 50% จากราคา IPO ย่อมทำให้คนที่มีหุ้นของเฟสบุ๊ค เป็นเดือดเป็นร้อน เพราะมูลค่าของทรัพย์สินของตนเองหดหายไปเยอะเกือบครึ่ง ว่ากันว่า facebook ช่วงนี้เป็นช่วงกำลังระส่ำระสายที่สุด เพราะจากผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาแย่ขาดทุนถึง 157 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ราคาหุ้นร่วงไปอยู่ที่ 19.82 จากราคาสูงสุดตอน IPO ที่ 45 เหรียญต่อหุ้น ซึ่งเป็นมูลค่าที่ลดลงมากกว่า 50% ต่อหุ้น ทำเอานักลงทุนไม่ว่าจะรายเล็ก รายใหญ่ ขาดทุนไปตามๆกัน ยังมีโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายอนาคตของเฟสบุ๊ค อีกประการนั้นคือเรื่องของการที่ผู้บริหารระดับสูงของเฟสบุ๊คต่างพร้อมใจกันยื่นใบลาออกอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่หุ้น facebook เข้าตลาดหุ้น ทั้งหมดนั้นเป้นผู้บริหา

วิกฤติการเงินโลกกับตลาดหุ้นไทย#3

หลังจากที่เกริ่นให้เพื่อนๆ รู้จักกับวิกฤติการเงินโลกครั้งใหญ่ทั้ง 18 ครั้งให้ได้รู้จักกันแล้ว ได้คุยกับหลายคนก็พบว่า นักลงทุนจำนวนมากที่ไม่รู้ หรือไม่เคยศึกษาประวัติศาสตร์ของวิกฤติการเงินโลกมาก่อน มันสะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่มักลงทุน โดยเน้นไปทีการมองที่ตัวหุ้น ตัวบริษัทเป็นหลัก โดยไม่ได้คำถึงภาพใหญ่ Macro View ระดับโลก ซึ่งบางครั้งมันก็อาจจะทำให้เป็นจุดเสียเปรียบ วันนี้ขอมาต่อตอนที่ 3 เป็นเรื่องของความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นไทย เพื่อให้มองเห็นภาพผลกระทบที่เกิด และการรับมือกับสถานการณ์ที่อาจจะมาถึงในอนาคต ต้นตอของปัญหา จากที่อ่านเรื่องราวของวิกฤติการเงินโลก สาเหตุใหญ่ล้วนมาจาก 3 ประการที่เหมือนๆกัน นั้นคือ 1. ความโลภของภาคธนาคารและวาณิชธนกิจ เช่นกรณีปัญหา Sub prime หรือยุค Wall street Crash และอีกหลายวิกฤติที่เกิดการปล่อยกู้เกินตัว ปล่อยกู้แบบเสรี เพื่อที่จะสร้างกำไรจากการปล่อยกู้ จนเมื่อเกิดปัญหาหนี้เสีย ทุกอย่างก็พังพินาศ 2. ภาวะฟองสบู่ การแห่กันเก็งกำไร ในสินทรัพย์ เช่นหุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์ ตามๆกันตามกระแส โดยความโลภของนักลงทุน ที่คิดอยากจะรวย คิดจะหาโอกาสทำเงินโดยปราศจากการพิ

Housewife-traders: ดอกไม้เหล็กในสนามเก็งกำไร

เดือนนี้เป็นเดือนสำคัญของเพศแม่ เพราะมีวันแม่แห่งชาติ ในวันที่ 12 สิงหาคม ซึ่งเราทุกคนต้องระลึกถึงแม่ผู้ให้กำเนิด เลยของนำประเด็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงเก่ง ผู้หญิงแกร่งในโลกการลงทุน มาถ่ายทอดให้ฟังกัน หลายคนอาจจะคิดว่าอาชีพเทรดเดอร์หรือนักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้น น่าจะเป็นอะไรที่เหมาะกับผู้ชายมากกว่า พวกที่เลือดร้อน ชอบความเสี่ยง ชอบเล่นเกมส์เร็วๆ แต่แท้จริงๆแล้วถ้าลองศึกษาดูดีจะพบว่า นักลงทุนเก็งกำไรระยะสั้นหรือเทรดเดอร์ ที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเทรดในช่วงเวลาสั้น หรือยาว จะแบบเล่นรอบ หรือเก็งกำไรรายวัน ล้วนต้องมีคุณสมบัติสำคัญคือ ความนิ่ง รอบคอบ และความสุขุม มีสติ มีสมาธิเป็นเลิศ เพื่อให้สามารถดำเนินการไปตามแผน ตามระบบที่วางไว้ได้ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ ผู้หญิงไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จในโลกการลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้น เคยมีการศึกษาพบว่า เพศหญิงได้เปรียบเพศชายในเรื่องของ ความรอบคอบ ความอดทน และการมีระเบียบวินัย ข้อสุดท้ายนี้ไม่เถียงเพราะสามารถพิสูจน์กันได้จากตู้เสื้อผ้า ไม่เชื่อคุณลองไปดูตู้เสื้อผ้าของเพื่อนผู้ชายดูสิครับ จะว่าไปแล้วเรื่องราวของผู้หญิงที่เข้ามาสู่วงการนี้ แล้วเป็นที่ยอ

Lie to Me ว่าด้วยการโกหก

ถ้ามีเวลาว่างจากการทำงาน เมื่อไม่ได้อ่านหนังสือ หรือมีกิจกรรมอื่นๆ ก็มักจะหาหนังอะไรสนุกๆ วันที่ผ่านมาผมมีโอกาสได้ดูซีรีย์ฝรั่งเรื่อง Lie to Me จบไปทั่งสามภาค กว่าจะจบผมจะดูจบก็ใช้เวลาเป็นเดือนเหมือนกัน เรื่องนี้ค่อนข้างประทับใจเพราะตอนแรกคิดว่าจะไม่สนุก ดูไปดูมามันส์แหะ โดยเฉพาะบุคลิกลักษณะ ท่าทางกวนตีน บวกกับสำเนียงอเมริกันปนอังกฤษของพระเอก Dr. Cal Lightman ที่ชอบกระตุ้นให้คนที่เขาต้องการประเมิน แสดงอารมณ์ร่วมแท้จริงออกมา ทั้งโกรธ โมโห เครียด หนังเรื่อง Lie to Me ที่ผมพูดถึงเป็นซีรีย์ฝรั่ง(ไม่ใช่หนังรักเกาหลีนะ) ซึ่งเกี่ยวกับ การจับโกหก ในการสืบสวนสอบสวนคนร้าย โดยมี Dr. Cal Lightman เป็นผู้เชื่ยวชาญด้านการจับโกหก แบบเป็นวิทยาศาสตร์ โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์หน้าตา ท่าทาง แบบทีเรียกว่า " microexpressions" เพื่อวิเคราะห์ไปถึงจิตใจ และความคิดของคนคนนั้น ประมาณว่าแค่ดูการตอบสนองจากหน้าและท่าทาง ที่มีต่อคำถามก็รู้แล้วโดยที่ไม่ต้องพูดออกมา โดย  Dr. Cal Lightman นั้นไม่ได้ทำงานคนเดียว แต่เขามีเพื้่อนร่วมงานและทีมงานที่สนับสนุนการวิเคราะห์ ทั้งจิตแพทย์ นักวิเคราะห์เสียง และนักวิ