ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

Bitcoin & George Soros

พูดถึง currency ในโลกนี้เทรดเดอร์หรือนักค้าค่าเงินอันดับต้นต้องมีชื่อของปู่ George Soros ชายผู้เป็นตำนานที่เคยล้มธนาคารกลางอังกฤษมาแล้ว ยังไม่นับรวมผลงานทำกำไรจากการเทรดค่าเงินสกุลต่างๆในระดับหลายพันล้านเหรียญ ปีนี้ในงาน World Economic Forum 2018 ที่ Davos คุณปู่ George Soros พูดถึง Bitcoin แกให้ความคิดเห็นแบบตรงไปตรงมาว่า Bitcoin is not a currency อันนี้ลองฟังจากปากในคลิปได้ สรุปโดยรวม มุมมองของคุณ Soros จะว่าไปก็ไม่ต่างจากนักลงทุนหรือผจก.กองทุนค นอื่นๆ โดยเฉพาะการพิจารณาไปที่พฤติกรรมของราคา ปู่บอกราคาที่สะท้อนมูลค่าของบิตคอยไม่ stable ไม่สามารถรักษามูลค่าที่แน่นอนเช่น currency ทั่วไป ด้วยผันผวนสูงมากกว่า 25% มันยากใช้ในการจ่ายค่าจ้างแบบทันทีทันใดเช่นเงินตราปกติ เพราะค่าแรงรายวันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลดลงเกิน 25% ส่วนราคาบิตคอยเกิดจากการไล่ราคาเพื่อหวังทำกำไร(speculation)ของคนในตลาด Soros ให้ความสำคัญกับ Block chain technology ที่เขาบอกว่ามันเป็นนวัตกรรมที่มีสามารถใช้ในทางบวกและทางลบได้ เช่นปัจจุบันมีคนบางกลุ่มใช้บิตคอยเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบทรัพย์สินจากรัฐ ซึ่งปัจจุ

Chat with Joel Kruger

นำคลิปรายการ chatwithtraders มาแนะนำ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ ใน EP15 รายการนำคุณ Joel Kruger มาแชร์ประสบการณ์บนเส้นทางเทรดเดอร์อาชีพ โดย Joel Kruger เรียนจบกฏหมายสนใจด้านการเทรด เลยไปสมัครทำงานที่ investment bank จนได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นนักกลยุทธ์ด้านค่าเงิน(currency strategist) และเข้าเป็นเทรดเดอร์ประจำ fx desk ของบริษัทหนึ่ง หลังจากนั้นเมื่อมีประสบการณ์และความมั่นใจ เขาได้ลาออกมาเป็นเทรดเดอร์อิสระ คุณ Kruger เล่าประสบการณ์หลายปีของเขาและแนะนำอะไรหลายอย่า งเกี่ยวกับการเป็น fx trader ที่น่าสนใจมากคือแนวคิดเรื่องของการบริหารเงินและบริหารความเสี่ยง เขาบอกว่าปัญหาของมือใหม่คือ เรื่องของการ Over trading พยายามเร่งทำเงินทำกำไรมากเกินไป จนติดกับดักการใช้ Leverage ที่สูงหลายร้อยเท่า ซึ่งไม่ได้เหมาะกับพฤติกรรมราคา ทน market volatile ของสินค้าค่าเงินไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องล้างพอร์ต สูญเสียเงินไป Kruger แนะนำมือใหม่ว่า เริ่มจากการเรียนรู้ตลาด เรียนรู้พฤติกรรมราคา และทดลองพัฒนาระบบเทรดของตัวเองก่อน ไม่ต้องสนใจทำเงินหรือโกยกำไร เริ่มจาก Leverage ต่ำ เช่น 1:1 เทรดบัญชีเล็กๆ ให้ไ

Bitcoin & Nassim Taleb

สำหรับ Bitcoin ต้องออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นกองแช่งหรือกองเชียร์ ผมเป็นเพียงผู้ศึกษา ดังนั้นจะพยายามเก็บรวบรวมข้อมูลและมุมมองของบิตคอยจาก กูรู ที่มีประสบการณ์ในโลกการเงินเอาไว้ เพื่อเป็นกรณีศึกษาในอนาคตต่อไป เมื่อวานมีมุมมองจากกูรูท่านหนึ่ง ที่ผมอยากฟังความคิดเห็นมากนั้นคือ Nassim Nicholas Taleb คนนี้เป็นนักสถิติ และผู้บริหารกองทุนเฮ็ดฟันด์ชื่อดัง ประสบการณ์โชกโชน บริหารพอร์ตทำกำไรจากวิกฤติการเงินและฟองสบู่มาหลายครั้ง คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณมาก เชื่อว่าถ ้าใครศึกษาด้านการเงินหรือกลยุทธ์การเทรด น่าจะเคยอ่านหนังสือเช่น ‘Black Swan’, Antifragil ,Fooled by Randomness และงานวิจัยของเขามาบ้าง Nassim Taleb เขียนถึง Bitcoin ยาวแต่ไม่ได้พูดเรื่อง ราคาและ Bubble โดยตรงแบบ ray dalio หรือ warren buffett แต่เขาเขียนเชิงมุมมองของระบบการเงินโลก ที่ว่ามันกำลังจะเปลี่ยนไปจากการกำเนิดของ Bitcoin และกระแสของ cryptocurrency โดยระบบเงินตราสำหรับการแลกเปลี่ยนที่เคยถูกควบคุมและแทรกแซงจากรัฐบาลจะถูกสั่นครอน เมื่อสังคมส่วนใหญ่เริ่มรู้จักแนวคิดของ cryptocurrency มากขึ้นตามกระแสที่เกิด ซึ่งบิตคอย จะเป็นเหมื

Free Tick Data (FXCM)

ถ้าศึกษาหรือทดลองทำงานด้าน Quant หนีไม่พ้นเรื่องของ Data แน่นอนว่าถ้าหาฟรีไม่ได้ก็มีต้องซื้อจาก Data Provider ซึ่งก็จะมีต้นทุน กรณีที่เริ่มต้นมีบางแหล่งที่แจกจ่ายข้อมูลฟรีให้ได้ทดลองนำไปใช้อยู่ วันนี้มาแนะนำแหล่งข้อมูลฟรีจาก FXCM ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่รองรับ Quant Trading System ล่าสุดเปิดช่องทางแจกจ่ายข้อมูลราคาในตลาดค่าเงิน(FX) จำนวน 21 คู่เงิน ระดับ Tick Data (Raw Data ละเอียดสุดยังไม่จัดกลุ่มตาม timeframe) โดยเป็นข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2015 ถึงปัจจุบันและจะมีการ Update ข้อ มูลใหม่ๆทุกๆสัปดาห์ การ Download ทำได้ผ่าน API แบบเป็น gz file ก็ได้หรือจะใช้ Python เขียนโปรแกรมสำหรับการ Download อัตโนมัติก็ได้เช่นกัน โดยเราสามารถเลือกรูปแบบ output file ที่ต้องการได้ ซึ่งผมมีโอกาสทดลองทั้งสอบแบบแล้ว พบว่าใช้งานได้ดีมาก ไฟล์ tick data ของค่าเงิน USDJPY ระยะ 1 ปีที่ดาวน์โหลดได้ เมื่อแตกไฟล์แล้วขนาดราวๆ 150 MB มี Feature ได้แก่ DateTime,Bid,Ask จำนวนราวๆ 1.8 ล้านบรรทัด หน้าตาเหมือนกับภาพด้านล่าง ตรงนี้เป็น csv สามารถนำเข้า database นำไปใช้ในการทำ data analysis ต่อได้เลย(ไม่

Stop Searching for the Holy Grail

วันนี้ได้อ่านบทความ Stop Searching for the Holy Grail ของคุณ Charlie Bilello กูรูนักกลยุทธ์ด้านการลงทุนของ Pension Partners, LLC เขาแชร์การวิจัยและเขียนเรื่องของแนวคิดการสร้างระบบเทรดไว้น่าสนใจ Charlie Bilello เอาตัวอย่างการทดลองในการเทรดด้วยการใช้เครื่องมือพื้นฐานอย่าง MA ในหลายๆซีนาริโอมาเปรียบเทียบกับ Buy & Hold Strategies ในทองคำ ช่วงเวลา 1975 -2017 ผลการทดสอบดังภาพและตาราง แต่สิ่งที่คุณ Bilello แนะนำนั้นน่าสนใจ เขาบอกว่าแทนจะไปนั่งหา Holy Grail จากโมเดลหรือจากเครื่องมื อเทคนิคอล ใช้พยากรณ์อนาคต ที่ทำไม่ได้ เราควรจะรู้จักใช้เครื่องมืออย่างเข้าใจ ทำความเข้าใจในเรื่องของพื้นฐานสินค้า + พฤติกรรมราคา และเลือกวางกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสม ไม่จำเป็นต้องไป optimize หรือพยายามปรับแต่งระบบให้เกิด best performance แบบ over fitting เพื่อทำกำไรมากๆเสมอไป เพราะภาพรวมระยะยาวพฤติกรรมราคาเปลี่ยนได้เสมอตลาดปัจจัยต่างๆ ดังนั้นเลือกใช้กลยุทธ์การเทรดที่อยู่รอดในระยะยาวทำผลตอบแทนดีกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด ก็ถือว่าสมควรแล้ว ที่สำคัญมีแผนรับมือสถานการณ์ที่จะเกิด ไม่ว่าตลาดจะดี หรือเลวร้าย เพราะ

Bull/Bear Ratio

ปี 2017 นี้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ S&P500 ร้อนแรงมาก +19.45% ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดกลุ่มนำตลาดส่วนใหญ่ก็ยังออกมาดี เช่นเดียวกับ story ประเด็นการลดภาษี ของโดนัล ทรัมป์ ที่ตอนนี้เหมือนจะเป็นสิ่งที่ตลาดสหรัฐ กำลังจับตามองมาก หลังจากเป็นเชื้อเพลิงจุดชนวนพลักดันดัชนีมาตั้งแต่ช่วงเลือกตั้งปลายปีที่แล้ว ซึ่งปัจจุบันตามรายงานข้อมูลเจ้า Bull/Bear Ratio ของตลาดสหรัฐอยู่จุดสูงสุด Bull/Bear Ratio เป็น market-sentiment indicator แนวคิดเบื้องหลังก็ไม่ซับซ้อน เป็นการหา ratio  ที่สะท้อนมุมมองของ นักวิเคราะห์ กูรู และเซียน ต่างๆ โดยเป็นการเทียบระหว่างฝั่งที่มองว่าอนาคตดัชนีตลาดจะขึ้นต่อ(Bull) หรือ ตลาดปรับตัวลง(Bear) บางสายเขานำ weight ความนิยมในการเป็นผู้นำจิตวิญญาณของ นักวิเคราะห์ หรือกูรู คนนั้นๆมาคำนวณประกอบด้วย (แนวคิดนี้มีบริษัท startup ทำ data analysis +NLP จริงจังและทำเป็น application ขายบริการเลยนะครับ) สูตรการคำนวณก็ตามภาพด้านล่างเลย ส่วนการตีความก็ตรงไปตรงมา ถ้าออกมา positive แปลว่า market sentiment ค่อนข้างดี ยังมีความคาดหวังและแรงเชียร์ต่อ ตรงนี้บางตำราแนะนำให้ใช้ร่วมกับการ

Bath bomb จากโครงงานวิทย์สู่ธุรกิจเงินล้าน

4 ปีที่แล้ว สองสาวพี่น้อง Caroline และ Isabel Bercaw วัย 10 , 11 ปีเริ่มต้นทำ Bath bomb ในโครงงานวิทยาศาสตร์ ด้วยความสนุกและรักการทดลอง ทำให้สองพี่น้องตัดสินใจ เปลี่ยนการทำ Bath bomb ให้กลายเป็นธุรกิจเล็กๆ ด้วยการยืมเงินจากคุณพ่อ $350 ลงมือผสม ผลิตพัฒนาสูตรและสร้าง Bath bomb สีสันต่างๆกลิ่นต่างๆใช้เวลาสามเดือนผลิตจำนวน 150 ลูกออกขายในบูทเล็กๆ ตามห้างสรรสินค้า และงาน art fair ทั้งสองยังคงต้องเรียนหนังสือจึงใช้เวลาว่างผลิตสินค้าเพื่อออกขายในวันหยุด ด้วยความชอบทดลองผสมสีสัน แ ละสร้างกลิ่นต่างๆ บวกกับาการสนับสนุนของ พ่อและแม่ของสองพี่น้อง เธอเปิดบริษัท DaBomb Fizzers และดำเนินธุรกิจเป็นทางการเมื่อ 2 ปีก่อน มาวันนี้ธุรกิจของเธอเติบโต ผลิตสินค้าออกขายราว 500,000 ลูกต่อเดือน ธุรกิจโตมีมูลค่าหลักหลายล้านเหรียญ(multi-million dollar) กลายเป็นเจ้าของธุรกิจเงินล้านตั้งแต่ยังไม่จบ มัธยมปลาย สองพี่น้องยังคงสนุกในการทดลอง และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมาต่อเนื่อง เธอให้สัมภาษณ์ในรายการว่าแม้เรียนจบอนาคตยังคงคิดจะทำธุรกิจนี้ต่อไป ปล. มีลูกมีหลานก็สอนให้คิด ให้เห็นคุณค่าของเงิน หรือหัด