ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

บทความวิจัยพัฒนา กลยุทธ์การ Stop loss

Stop loss หรือการ Limit loss คือกลยุทธ์การจำกัดผลกระทบจากการขาดทุนที่มาจากความเสี่ยงในการเทรดแบบหนึ่งที่ถูกนำมาใช้แพร่หลาย เรื่องนี้เราสามารถทำความเข้าใจและเรียนรู้ เพื่อนำไปใช้พัฒนาระบบเทรดได้ เมื่อวันจันทร์พูดเรื่องการทดลองใช้ stop loss กับ leverage ไป มีคนถามถึง paper การทดลองอยากเอาไปศึกษาต่อ ผมเลยนำ link ที่บันทึกไว้มาแชร์ ย้ำว่าเป็นแค่บางส่วนนะครับ มีอีกหลายแหล่งที่เราสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ ถ้าสนใจลองศึกษาดูมีคนวิจัยพัฒนาเทคนิคต่างๆไว้เยอะเลย ซึ่งเราจะได้เห็นข้อเด่น  และข้อจำกัด รวมถึงการ optimize โมเดลในการจัดการความเสี่ยง ถือเป็นการเปิดโลก เพิ่มเติมความรู้ไปในตัวครับ ปล. จะใช้หรือไม่ใช้ stop loss ไม่ใช่ประเด็นนะครับเพราะมันเป็นแค่หนึ่งทางเลือกในการจัดการการขาดทุน แต่สำคัญคือถ้าเลือกจะใช้ ต้องใช้มันอย่างเข้าใจ ใช้ให้ถูกเหมาะสมกับพฤติกรรมของ asset และอย่าไปใช้มันเป็นแพะรับบาปหรือข้ออ้างในการล้างพอร์ต -Assessing Stop-Loss and Re-Entry Strategies https://papers.ssrn.com/sol3/papers.cfm?abstract_id=2277722 -Taming Momentum Crashes: A Simple Stop-Loss Strategy https://pa

Gold Demand Trends Q2 2018

ช่วงนี้ราคาทองคำกำลังอยู่โซนค่อนข้างต่ำปัจจุบัน 1211 (52 week range 1,365.4 -1,205.1) เมื่อเทียบกับปลายปี 2017 ที่ผ่านมา ท่ามกลาง story ช่วงนี้จะเห็นมีการยิงข่าวเชิงบวกออกมาเรื่อยๆทั้งยอดการสะสมทองคำของ Fund ,การซื้อทองคำของธนาคารกลางบางประเทศ ล่าสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวอีกชิ้นที่น่าสนใจ เป็นตัวเลข Gold Demand ไตรมาส 2 ของปี 2018 รายงานโดย World Gold Council ซึ่งตัวเลข demand ของ Q2 ที่ออกมายังต่ำและอ่อนตัว 964.3t ทั้งความต้อง การทองคำในกลุ่มต่างๆ ETF ,เครื่องประดับ(-2%), central bank(-7%) ส่วนกลุ่มเทคโนโลยีความต้องการทองคำปรับเพิ่ม +2% เทียบจากไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า ด้านตัวเลข Gold supply ไตรมาส 2 รายงานระบุปรับเพิ่ม +3% การเพิ่มติดต่อกัน 2 ไตรมาสปริมาณ supply เข้าแตะระดับ 1,120.2t. พิจารณาเป็นข้อมูลประกอบการวางแผนการเทรดต่อไปครับ https://www.gold.org/…/gold-dema…/gold-demand-trends-q2-2018

ทำไมหยวนอ่อนถึงกระทบค่าเงิน AUD

สัปดาห์ที่แล้วลองนำข้อมูลค่าเงินหยวนของจีนมาวิเคราะห์ความสัมพันธ์กับค่าเงิน AUD ให้ดู อธิบายเรื่องความเชื่อมโยงเศรษฐกิจ ทั้งการส่งออกและการท่องเที่ยวที่ออสเตเรียพึ่งพาจีน ดังนั้นเมื่อจีนเล่นเกมส์ค่าเงินอ่อน เพื่อสู้กับสหรัฐ ค่าเงิน Australia ก็เจอแรงกดดันตามไปในภาพใหญ่ปีนี้ลงไป -4.95% โดยเฉพาะช่วงระยะเวลานี้(ลองดูตัวเลขเศรษฐกิจออสเตเรียไตรมาส 1 และ2 ประกอบ) ขณะที่ปีนี้ค่าเงินหยวน CNY ลดลง -5.01% เทียบกับ USD ลองอ่านบทความ  why falling yuan raises economic jitters Australia นี้เพื่อดูรายละเอียดตัวเลขในหมวดต่างๆได้ มันอาจจะไม่ใช่บทสรุปหรือความสัมพันธ์แบบสมบูรณ์ 100% ตลอดเวลา แต่เรื่องพวกนี้เรานำมาใช้ประเมินความเสี่ยงและวางแผนรับมือได้ครับ ศึกษาเพิ่มเติมจาก link  https://m.scmp.com/week-asia/geopolitics/article/2158248/why-falling-yuan-raises-economic-jitters-australia?amp=1

ภาพรวมเศรษฐกิจโลก

ภาพรวมเศรษฐกิจโลกการเติบโตยังแข็งแรง(Robust) แต่ต้องระวังปัจจัยเชิงลบและความเสี่ยง ซึ่งยังคงเพิ่มระดับความร้อนแรงขึ้น จากภาพสรุปของ Deutsche Bank Securities จะพบประเด็นมาแรงและน่าจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจหลายประเทศคือ Trade War ของโดนัล ทรัมป์ นั้นเอง ส่วนเศรษฐกิจกลุ่ม EM ผลงานล่าสุดยังดูดีอยู่ อีกประเด็นปัจจัยเสี่ยงที่ตอนนี้พูดกันหนา คือเรื่องการถดถอย การปรับฐานใหญ่ของตลาดหุ้น ซึ่งอาจจะนำไปสู่การชะลอตัวของเศรษฐกิจและการลงทุน อันนี้ต้องจับตามองต่อ อ้างอิงจาก http://ritholtz.com/2018/07/growth-robust-but/

อีกด้านหนึ่งของ การใช้ชีวิต Slow Life

เจอมาเยอะมากกับประเภทที่ตัดสินคนกลุ่มวิถีชีวิตแบบ slowlife จากมุมมองความเชื่อเฉพาะบุคคล ไปติดภาพของการทำอะไรช้าๆ การนั่งกินกาแฟ แต่ถ้าเราได้พบได้รู้จักคนที่ยึดวิธีชีวิตของ slow life เข้าใจ principle ในการดำเนินชีวิตของเขา เราจะเข้าใจคนกลุ่มนี้มากขึ้น มันไม่ได้ง่ายกับการต้องใช้ชีวิตแบบการมีทรัพยากรที่จำกัด ต้องพึ่งพาตัวเอง ซึ่งอาศัยทั้งวินัยและความรับผิดชอบอะไรหลายอย่าง ต้องคิดต้องวางแผนเยอะมาก ในสิ่งที่จะทำ(ไม่ใช่จะทำอะไรก็ทำ ตามใจหรือใช้เงินไปตามอารมณ์) แต่สิ่งสำคัญมันเป็นเรื่องของการให้ค่าความสำคัญในชีวิตกับสิ่งที่จะต้องยึดติดและสิ่งที่ควรปล่อยวาง ผมเองยังไม่ได้ slow life มากถึง 50% แต่รู้จักพี่ๆหลายคนที่ใช้ชีวิตแบบนี้ ทั้ง slow life ทั้ง minimalism ไม่ได้ร่ำรวยไม่มีเงินหลายร้อยล้าน แต่ด้วยความที่พอประมาณ ไม่ได้คาดหวังอะไรเกินตัวมันทำให้ความสุขในแต่ละวันของพวกเขาเรียกว่าเต็มเปี่ยมเลย(นั้นคือเป้าหมายและรางวัลของการใช้ชีวิตแบบ slow life) ที่น่าสนใจหลายคนที่ผมรู้จักหันไป slowlife หลังจากผ่านจุดที่ได้มาซึ่งความสำเร็จระดับหนึ่งแล้วทั้งนั้น แต่พอได้ชื่อเสียงมาเยอะมีรายได้เงิน

Jerry Seinfeld ความสำเร็จที่ไม่ได้เกิดในข้ามคืน

Jerry Seinfeld เกิดในครอบครัวชาวยิว ขั้นกลาง เขาชอบเล่าเรื่องตลกมาตั้งแต่เด็ก สนใจอยากเป็น stand-up comedian และเริ่มฝึกจริงจัง ตอนเรียนมหาวิทยาลัยจากการแสดงในชมรมละคร บวกกับการใช้เวลากลางคืนเดินสายแสดงฟรีตามคลับในคืน open-mic nights หลังเรียนจบปริญญาตรี เขาไม่ได้ทำงานประจำตามแบบสังคมชาวยิว Jerry Seinfeld เลือกเดินตามฝัน ออกหางานแสดงตลก ตามคลับและเข้าคัดเลือกบทในรายการตลกทางทีวี เริ่มต้นฝีมือไม่ดี ชื่อชั้นไม่มี ทำให้ต้องแสดงฟรีตามคลับเปิดไมค์ เพื่อหาประสบการณ์ ส่วนกลางวันใช้เ วลาทำงานหาเงินจากการเป็นเด็กเสริ๋ฟในร้านอาหาร  เขาใช้เวลา 2-3 ปีอยู่อย่างยากลำบาก ทำงานอย่างหนักในเมืองนิวยอร์ค กว่าจะได้โอกาสแสดงในรายการทีวีในบทเล็กๆ และมีโอกาสได้ขึ้นไปเล่ามุขตลกในรายการ talk show หลังข่าวดังอย่าง The Tonight Show ของ Johnny Carson แค่ 5 นาที เขาซ้อมหนักและทำมันได้ดี จนสามารถแจ้งเกิดได้ เส้นทางอาชีพเขาก็เริ่มต้นขึ้นมีงานเข้ามาและได้ทำรายการโชว์ทางทีวีของตัวเองอย่าง "Seinfeld" ทางช่อง NBC จนเป็นที่รู้จักโด่งดัง ได้รับรางวัลและเงินทองมากมาย(รายได้ต่อปีช่วง 2017 ที่ $69 million)

บทเรียนความผิดพลาดของ Soros

วันนี้ไปเจอโพสหนึ่งที่อ้างอิงบทความข่าวย้อนอดีตปี 1998 ของ independent ที่เล่าถึงการขาดทุนใหญ่ และเรียกว่าเป็นอีกปีที่ย่ำแย่ของคุณ George Soros โดยปี 1998 โซรอสมองว่าดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐ จะปรับตัวลงและลงหนักทำให้เขา betting ทางนั้น ปรากฏว่าช่วงปลายปีนั้น ดัชนี DJ30 บวกเพิ่มกว่า 13% หรือ 1000 จุด ทำให้ soros ขาดทุนจากการ short positions ในตลาดฟิวเจอร์ (ตลาดมันถล่มหลัง bullish เพียงแต่มันเกิดปี2000 หลังจาก soros ทำนายและ Short 2 ปีถัดมา) เช่นเดียวกันมีการขาดทุนจากตลาด Hong Kong ( รวมถึงมีข่าวว่าขาดทุนหนักอื่นๆระดับ 2 พันล้านเหรียญ แต่ตัวเลขนี้ไม่มีการออกมายืนยัน) ปีนั้นเรียกว่าเป็นปีที่ยากลำบากของ soros fund ซึ่งมีการชี้แจงในจดหมายถึงผู้ร่วมลงทุน soros ยังมีการแจ้งพิเศษกับนักลงทุนรายใหญ่ของฟันด์ว่า ลาพักชั่วคราว ("taking a temporary medical leave of absence") แหล่งข่าวอย่างคุณ Nicholas Roditi ผู้ลงทุนในกองทุน Quantum Fund ออกมายืนยันโดยระบุว่าปีนั้นผลตอบแทน -14% หลังได้ผลตอบแทน +50% จากปีก่อนหน้า เนื้อหาเพิ่มเติมยังค้นหาจากเว็บอื่นๆได้อีก ช่วงนั้นจะมีประเด็นของ Druc