ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

How JPMorgan's cryptocurrency is different from bitcoin

สรุปประเด็น JPM Crypto - JPMorgan สถาบันเงินอันดับต้นของโลกเปิดตัว JPM Coin เป้าหมายใช้เทคโนโลยี block chain มาพัฒนาเป็นช่องทางการชำระเงินข้ามพรมแดน ลดเรื่องเวลาในการชำระบัญชีและค่าธรรมเนียมต่างๆ - นำข้อเด่นของ cryptocurrency มาใช้ในงานธนาคาร แก้ข้อจำกัดเดิมๆ เช่น valuation และเรื่องของ volatility - JPM Coin เป็น cryptocurrency ที่สร้างโดย major U.S. bank ผูกค่า แบบ fix กับดอลลาร์ โดย 1Token = 1$ - การผูก value กับดอลลาร์ทำให้ ลด volatile ในมูลค่าของ cryptocurrency บวกกับรับรองสถาบันการเงิน ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในการใช้งาน - พัฒนาส่วนรักษาความปลอดภัย JPM coin รันตัว blockchain network ที่ออกแบบมาเฉพาะเรียกว่า Quorum - ปัจจุบันให้บริการสำหรับลูกค้าขนาดใหญ่ บริษัทขนาดใหญ่, ลูกค้าสถาบันที่ต้องการซื้อ JPM Coin สำหรับ transfer cross-border payments หรือชำระเงินจ่ายหนี้ต่างๆระหว่างสถาบัน - กูรูมองว่า JPM Coin ไม่ได้ทำมาเพื่อเป็น asset หรือเน้นมูลค่าจากตัว cryptocurrency แต่ออกมาเพื่อธุรกิจ โดยเฉพาะการปรับตัวของ bank ใหญ่สู้กับ fintech ที่ใช

The Revolutionary Way Of Using Artificial Intelligence In Hedge Funds -- The Case Of Aidyia

วันนี้ได้อ่านบทความน่าสนใจ เพื่ออธิบายเพิ่มเติมเรื่อง AI ที่บรรยายเมื่อวาน เลยนำตัวโน๊ตสรุปคราวๆมาแปะไว้ให้พวกเราลองไปศึกษาเพิ่มกัน - บริบัทวิจัย Preqin ประเมินว่า1,360 hedge funds ได้ทำการใช้พัฒนาระบบ computer trading (ลดการใช้จำนวนคน) ปัจจุบันในตลาดสหรัฐปริมาณซื้อขายส่วนใหญ่มาจาก algorithmic trading (rule based) - บางบริษัทใช้ AI เพื่อโฆษณา แต่ไม่ได้เน้นพัฒนาหรือนำไปใช้มาก - Aidyia ใช้ Deep Learning ในการสร้างโมเดลสำหรับการเทรด จากการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก หลากหลายชนิด โดยเฉพาะพวก unstructured data ไม่ใช่ price data อย่างเดียว เพื่อ วิเคราะห์สภาวะตลาดและโอกาสในการตัดสินใจเทรด [ไม่ใช้ algorithm คงที่] - การใช้ alternative data กลุ่ม unstructured data ยังเป็นอาวุธลับยอดนิยมในปัจจุบัน - AI สไตล์ Deep Q-Learning กำลังมาในด้านนี้ แทนจะ prediction ราคาที่เป็น non linear แบบเดิมใช้การหา solution จากสอนโมเดลด้วย reinforcement learning (AI ตัดสินใจซื้อ/ขาย จากการเรียนรู้ทดลองทำในภาวะตลาดต่างๆ) - กลุ่มนี้ใช้ AI ในกรอบของการบริหารพอร์ต มีการทำ TAA กำห

บันทึกราคา commodity

ปีนี้เหมือน theme เรื่องของการป้องกัน inflation จะเริ่มมา มีหลายรายงานแสดงให้เห็นปริมาณการซื้อสะสมในตลาด commodity ที่เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการขยับตัวของราคา ในสินค้ากลุ่มนี้หลายตัว ที่ปรับตัวบวกขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2019 แน่นอนว่า ถ้ามองย้อนไป 1-2 ปีอาจจะเห็นความสยองของ ผลตอบแทนที่ติดลบและถดถอยอย่างหนัก จากภาพ จะพบกลุ่มพลังงานอย่าง น้ำมันดิบ บวกขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี เช่นเดียวกับแร่โลหะมีค่าหายากอย่าง palladium (ซึ่งใช้ใน catalytic converte rs ในอุตสาหกรรมยานยนต์)ที่ราคา +16.9% (ราคาเพิ่มติดต่อกันมาต่อเนื่องโดยเฉพาะ 3 ปี) ข้อมูลสรุปจากคุณ @charlie Bilello

How did Stock Market Valuation change in 2018?

Norbert Keimling แห่ง StarCapitalAG นำเสนอข้อมูลการเปลี่ยนแปลง Market Valuation ของตลาดหุ้น 18 แห่งทั่วโลก ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา โดยเขาทำการวัดการเปลี่ยนแปลงของค่า Shiller-CAPE และ Price-to-Book-Ratio ในแต่ละตลาดและทำการแยกขนาดของ market cap และจำแนกตลาด รายภูมิภาค ด้วยสีต่างๆ จากนั้นจัด zone เพื่อแสดงค่าระดับความถูกแพง และการดึงดูดใจ ที่เกิดจากค่าตัวแปรทั้งสองที่ทำการติดตามในแต่ ละปี ความน่าสนใจคือพฤติกรรม ลักษณะเฉพาะของแต่ละตลาด เช่นตลาด สหรัฐ, ตลาดรัสเซีย และตลาดญุี่ปุ่น ที่มีพฤติกรรมเฉพาะตัว ตรงนี้ไม่ขอลงรายละเอียดเพิ่มเพราะข้อมูลมันน้อยเกินไปจะสรุป ลองเข้าไปดูภาพเคลื่อนไหวและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดได้จาก link ด้านล่างครับ https://www.youtube.com/watch?time_continue=13&v=1a3JJnRBBFQ

The Best-Paid Hedge Fund Managers Made $7.7 Billion in 2018

นับ 0 กันนิ้วไม่พอเลย สรุปผลงานปี2018ที่ผ่านมา ลายครามอย่าง james simons คงนำอันดับต้น Hedge Fund Managers ที่ทำรายได้สูงสุด โดย RenTech’s Equities Fund +8.5% ตามมาอันดับ 2 เป็นคุณ Ray Dalio (Pure Alpha fund +14.6% ) และ Ken Griffin อันดับ 3 ที่อยากให้สังเกต ไม่ใช่แค่ตัวเงิน แต่ดูเรื่อง strategies ที่แต่ละ Fund ต่างมีสไตล์มีกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน แต่ก็สามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นและสุดยอดได้ ซึ่งปี 2018 ด้า นกลยุทธ์ ประเภท Quant และ multi strategies ยังคงทำผลงานได้ดีที่สุด นอกจากนั้นถ้าติดตามกันมาหลายปีจะพบ Fund เหล่านี้ไม่ได้แค่สร้างผลงานดีแค่ปีเดียว แต่มี track record ที่สุดยอดต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอีกด้วย อ่านเพิ่มเติม https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-02-15/the-10-best-paid-hedge-fund-managers-made-7-7-billion-in-2018 https://www.bloomberg.com/news/articles/2019-01-09/hedge-fund-performance-in-2018-the-good-the-bad-and-the-ugly

Trader talk ep6 สะสมทักษะสร้างความมั่งคั่ง

เช้าวันเสาร์ผมนำ podcast เบาๆเรื่องราวเกี่ยวกับการประยุกต์นำเอาหลัก diversification มาใช้กับการสร้างความมั่งคั่งด้วยการสร้าง portfolio เพื่อสะสม ทักษะ(skill) ในการสร้างรายได้ แบบหลายทาง (แนวคิดเริ่มต้นสำหรับ คนสร้างฐานะ ประยุกต์หลัก MPT เปลี่ยนจากสะสม asset มาปรับใช้กับการสะสม skill และ knowledge) โดยผมนำเอาประเด็นสำคัญจาก ผู้บรรยายเป็นกูรูด้านการวางแผนการเงินซึ่งนำเสนอแนวทางปฏิบัติและมุมมองบนเวที Ted Talk เ น้นที่การพัฒนาทักษะเพื่อสร้างรายได้หลายทาง เพื่อ diversification ลดความเสี่ยง จากการพึงพาเงินเดือนจากงานประจำอย่างเดียว ที่สำคัญมันไม่ใช่การลาออกจากงานประจำ มาทำตาม passion อะไรแบบนั้น แต่เขาสอนให้เราวางแผนการเงิน บริหารจัดการเวลา และใช้ประโยชน์จาก Gig economic สร้างทักษะที่สามารถพัฒนาเป็นรายได้ ที่ใช้เงินทุนและเวลา จำกัดโดยอาศัยประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน ให้เกิดประโยชน์ ลองเข้าไปฟังได้จาก link ด้านล่างครับ https://www.youtube.com/watch?v=GFcGSXP6rH0

7 million Americans are 90 days+ behind on their auto loan payments

ตัวเลขหนี้ภาคครัวเรือน เป็นดัชนีชี้วัดสภาวะเศรษฐกิจที่กูรูหลายท่านแนะนำให้ติดตามในปีนี้ โดยเฉพาะเศรษฐกิจระดับล่างของอเมริกา ที่มีหลายกูรูออกมาให้ความเห็นว่ามันอาจจะแตกต่างและไม่ได้สวยงามเหมือนเศรษฐกิจระดับบนที่รัฐบาลและ Fed พยายามอย่างหนักที่จะกระตุ้นกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตัวเลขหนึ่งที่ประกาศเมื่อวานดูเหมือนจะเป็นที่กล่าวถึงคือตัวเลข การติดค้างชำระค่างวดรถยนต์ จาก  NewYork Fed Report ซึ่งเป็นหนี้ระยะสั้นที่นิยมมีการนำไปใช้วัดสภาพคล่องระดับครัวเรือน ซึ่งตัวเลขล่าสุดออกมา แสดงให้เห็นคนชั้นกลางอเมริกัน จำนวนกว่า 7 million ค้างจ่ายค่างวดของหนี้รถยนต์(auto loan payments) เกินกว่า 90+ วันขึ้นไปเพิ่มจากช่วง 5ปีก่อนหน้าพอควร และเข้าใกล้ระดับตอนช่วงวิกฤติการเงิน ด้านกูรูมองว่าเกิดจาการขาดรายได้มาผ่อนชำระ สะท้อนความไม่ปกติในกำลังซื้อของเศรษฐกิจระดับล่าง นอกจากนี้ กูรูยังแนะนำให้จับตาตัวเลขอื่นๆอย่างหนี้ผ่อนบ้าน , หนี้บัตรเครดิต และหนี้กู้ยืมด้านการศึกษา ก็อยู่ในระดับที่ค่อนข้างตึงเช่นกัน อ้างอิงจาก https://libertystreeteconomics.newyorkfed.org/2019/02/just-released-auto-loans-in