ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เล่นหุ้นยากไหม?

ปีนี้เป็นปีที่ผมตั้งใจอย่ายิ่งในการจะลงทุนเพื่อสุขภาพ โดยตั้งใจจะสละเวลาวันละ 1 ชั่วโมงในการออกกำลังกาย ดีใจที่ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์สามารถออกไปวิ่งแบบสม่ำเสมอได้ทุกวัน ไม่ขี้เกียจเหมือนปีก่อน ผมเองย้อนกลับมาดูตัวเอง ว่าสุขภาพทรุดโทรมไปทุกปี ยิ่งแก่ขึ้นโรคต่างๆก็ถามหา ถึงจะไม่เจ็บป่วยหนักแต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าร่างกายไม่ฟิตดังก่อน เช่นอาการปวดหัว, อาการท้องอืด อาการเป็นหวัดบ่อยๆ ปวดหลังปวดตัว เป็นต้น


เรามักใส่ใจจะลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคง แต่จะมีประโยชน์อะไรเล่าถ้าร่างกายอ่อนแอและไม่สามารถอยู่ใช้เงินทองที่หามาได้อย่างมีความสุขปราศจากโรคภัย เพราะฉนั้นเราควรตระหนักถึงจุดนี้ ไม่ใช่หักโหมใช้ร่างกายแบบไม่เว้น ทำงานหนักตลอดสัปดาห์ ศุกร์กินเหล้า เสาร์ดูบอล อาทิตย์นอนแฮงค์ทั้งวัน ก็ไม่ไหว

จั่วหัวมาด้วยคำถามพื้นฐานว่า "เล่นหุ้นยากไหม?" เพราะมีน้องคนหนึ่งถามมาทาง facebook ผมเองเลยอยากเอาประเด็นนี้มาเขียนบ้าง เพราะยอมรับว่าหลายเรื่องที่เขียนไปค่อนข้างไปทางขั้นกลางและสูง คนที่ไม่มีพื้นฐานหรือไม่เคยลงทุนอาจจะอ่านแล้วไม่เข้าใจนัก หัวข้อนี้ขอเขียนอะไรเบาๆ สำหรับมือใหม่หัดขับ ในวันหยุดสบายๆบ้าง





เล่นหุ้นคือการพนันหรือไม่
มันเป็นภาพลบที่แก้ไม่ออกจริงๆ ติดมาจากวลีทองของเพลงเพื่อชีวิตวิตามิน B12 ที่บอกว่า คนจนเล่นหวยคนรวยเล่นหุ้น เอาหวยไปปนกับหุ้น ทั้งที่จริงแล้วในโลกนี้อะไรก็เป็นการพนันได้ ขึ้นกับเจตนาของคน หุ้นถ้าเน้นที่การลงทุน ไม่ซื้อ ขายด้วยอารมณ์และความรู้สึก หรือการเสี่ยงโชคมันก็ไม่ใช่ คนลงทุนในหุ้นที่ดี ต้องใช้เหตุผลในการลงทุน มีเงื่อนไขตรรกะชัดเจนในการซื้อ ขายหุ้น ซึ่งสามารถประมาณความเสี่ยงและผลตอบแทนที่จะเกิดในอนาคตได้ แน่นอนว่าต่างจากการพนันที่เราใช้อารมณ์และดวงเป็นตัวชี้นำการตัดสินใจ

ใช้เงินมากไหม?
เคยเขียนไปแล้วในบทความเก่า ตำตอบคือไม่มากครับ เราลงทุนได้เท่าที่ตัวเราต้องการ บางคนใช้แค่หลักหมื่น หลักพันก็สามารถลงทุนซื้อหุ้นได้ แต่แน่นอนว่าการเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์แต่ละที่มีข้อกำหนดและค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันไปแต่ส่วนมาก วงเงินก็ไม่ต้องมากมายหลายแสน หลายล้าน แบบที่หลายคนเข้าใจ

ขาดทุนเยอะไหม?
คนที่ลงทุนในหุ้นไม่ว่าจะแนวใดก็ต้องยอมรับการขาดทุนให้ได้ เพราะมีปัจจัยหลายประการณ์ทั้งจากด้านการเมือง เศรษฐกิจที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ มากระทบส่งผลต่อราคา รวมถึงตัวกิจการ แต่ทุกครั้งที่เกิดวิกฤตเราสามารถเรียนรู้วิธีแก้ปัญหาและควบคุมความเสียหายจากการขาดทุนได้เสมอ ทำให้ไม่ขาดทุนจนกินต้นทุนมากหนัก เช่นการ cutlose ,การ Short again port หรือการทำ Hedging ในตลาดล่วงหน้า

ทำงานประจำไม่มีเวลาลงทุนได้ไหม?
ได้ครับ สบายมากเลยเพราะคนส่วนมากที่เป็นนักลงทุนรายย่อยล้วนมีงานประจำทำ สิ่งสำคัญเราต้องเลือกประเภทแนวทางการลงทุนให้เหมาะกับเวลาที่เรามี กรณีที่ไม่มีเวลาติดตามหุ้นมากนัก ก็ควรลงทุนแนวหุ้นเน้นคุณค่าหรือ VI แบบระยะยาว เลือกหุ้นดี มีปันผลสูง

ฝากธนาคารกินดอกเบี้ยดีกว่า
การฝากธนาคาร ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเตี้ยติดดินแบบนี้ การเติบโตของผลตอบแทนก็จะต่ำและน้อยตามไปด้วย ที่สำคัญการเก็บออมเงินเพื่อไม่ให้ด้อยค่านั้นต้องคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อที่ปัจจุบันคาดการว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 3% ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง

ถึงแม้การลงทุนในหุ้นจะมีความเสี่ยง แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่สามารถจำกัดได้ด้วยแผนการลงทุนระยะยาว ที่สำคัญความเสี่ยง ก็ไม่ได้มากไปกว่าการซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้เช่น, การซื้อหวยออมสิน และอื่นๆ

ผลตอบแทนเป็นยังไงล่ะ
พลังของหุ้นปันผลระยะยาว เป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง เพราะถ้าคุณเลือกถือหุ้นบริษัทที่กิจการดี มีอัตราการเติบโตแบบต่อเนื่อง มีผลกำไรดี ปันผลดี บนพื้นฐานหุ้นเหล่านี้ ความเสี่ยงก็จะต่ำ โดยเฉพาะกิจการขนาดใหญ่ ที่มีความมั่นคง ถ้าเทียบกับผลตอบแทนจากเงินปันผล บางรายในเศรษฐกิจดี(GDP ประมาณ 4 ขึ้นไป) สามารถปันผลได้สูงถึง 10 % (ขึ้นกับนโยบายการปันผลของแต่ละบริษัท)

ผมทำตารางเปรียบเทียบการออมเงินจำนวน 100,000 บาท ในธนาคารกับการลงทุนในหุ้น ระยะเวลา 10 ปี โดย
- เงินฝากธนาคารอัตราดอกเบี้ยแบบคงที่ 1 ปีที่ 1.4% - หุ้นปันผลดีเช่น SIRI(แสนสิริ) ปีที่ผ่านมาปันผลประมาณ 10 % ถ้าคิดแบบมองในมุมลบว่าถั่วเฉลี่ยแล้วได้ปีละ 7% (ความเป็นจริงเราสามารถกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทนด้วยการถือหุ้นปันผลหลายตัวในพอร์ตการลงทุนได้)

ผลตอบแทนจากการออมเงินในธนาคาร

ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นปันผลระยะยาว

การคำนวณดอกเบี้ยทบต้น 10 ปีจะได้ดังตาราง ข้างล่าง การออมเงินในเงินฝากได้ผลตอบแทนที่เพิ่มจากเงินต้นเพียง 13.3% ขณะที่การออมเงินในหุ้นได้ผลตอบแทนถึง 83.85% นี้คือมหัศจรรย์ของเงินทบต้นที่ได้จากการลงทุนในหุ้นครับ

เริ่มต้นยังไง
เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับโบรกเกอร์ และเริ่มศึกษาหาความรู้ด้านการลงทุน ซึ่งหาได้จากหนังสือการลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้น จากหนังสือเช่น SEED รวมถึงการเข้าอบรมกับตลาดหลักทรัพย์ เพื่อหาความรู้ด้านการลงทุน หลักการเลือกกิจการที่ต้องการลงทุนในระยะยาว

โดยสามารถศึกษาการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เลือกหุ้นจากกลุ่มอุตสาหกรรมที่สนใจ บริษัทใหญ่มั่นคง มีผลประกอบการดี มีอัตราการเติบโตที่ก้าวหน้า มีหนี้สินน้อย และที่สำคัญมีนโยบายจ่ายปันผลที่สูง ซึ่งข้อมูลของบริษัทเหล่านี้เราสามารถหาและดูได้จากงบการเงินของบริษัท ที่เปิดเผยต่อสาธารณะครับ

สรุป
เล่นหุ้น(แบบที่ชาวบ้านเรียก) หรือคือการลงทุนในหุ้น นั้มีเหตุมีผลไม่ได้เป็นการพนัน ที่สำคัญมีผลตอบแทนที่ดี ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจและ กิจการที่เราเลือกลงทุน หัวใจสำคัญต้องลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดีและมีการตอบแทนผู้ถือหุ้นด้วยเงินปันผลที่สมน้ำสมเนื้อ เท่านี้เราก็สามารถสร้างความมั่นคงได้ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ