ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

จุดบรรจบของเทคนิคคอลและพื้นฐาน C-A-N-S-L-I-M # 1


ผมเป็นนักลงทุนแนวเก็งกำไร เป็นเทรดเดอร์ชื่นชอบการทำกำไรตามรอบกำลังของหุ้น แน่นอนว่าสิ่งที่ต้องทำทุกวันก็คือการติดตามราคาหุ้นเป้าหมาย(ไม่ใช่การขวนขวายซื้อขายหุ้นทุกวัน) ใน watch list ทุกวันต้องดูกราฟวันละหลายรอบต่อตัว สิริแล้วก็เป็นร้อยต่อวัน และหลาย time frame เพื่อคำนวณความน่าจะเป็นและหาจังหวะเข้าซื้อขาย สิ่งที่ทำไม่ใช่งานที่สบาย นั่งชิวๆและได้เงินเหมือนที่หลายคนเข้าใจครับ
การลงทุนระยะสั้นแบบเก็งกำไร หรือใช้คำว่าเล่นหุ้น เป็นอะไรที่ใช้เวลาและความพยายามค่อนข้างมาก สำหรับผมมันคือการเอาใจใส่อย่าใกล้ชิดกับปัจจุบัน เพื่อหาจังหวะที่ดีที่สุด ที่จะสร้างผลกำไรในรอบนั้นให้เรามากที่สุด ดังนั้นมันจึงห่างไกลกับคำว่า "อิสระภาพ" หรือการปล่อยให้เงินทำงาน สร้างรายได้เข้ามาอย่างเพียงพอและตัวเราก็สามารถไปประกอบอาชีพหรือทำอย่างอื่นที่ต้องการได้ โดยปราศจากการความกังวลเรื่องราคาหุ้น เรื่องผลตอบแทน แต่เมื่อใดก็ตามที่เรายังต้องวิเคราะห์และติดตามราคาหุ้นมันตลอดนั้นก็หมายถึงเรายังต้องทำงานกับมัน ยังติดอยู่กับกรอบอีกกรอบหนึ่งแทน


คำถามที่ตามมาคือ ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วจะมาเทรดหุ้นเก็งกำไรให้เหนื่อยทำไม? น่าจะลงทุนระยะยาวซื้อและถือลืม ติดตามหุ้นไม่ต้องบ่อย ดูแค่พื้นฐานและงบการเงิน เพื่อที่จะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น มีอิสระภาพที่แท้จริง ถูกครับผมเห็นด้วย แต่ถ้าเทียบผลตอบแทนของนักเก็งกำไรที่มีประสบการณ์และพัฒนาระบบเทรดอยู่ตัวแล้ว ผลตอบแทนมันมีมีมาก คุ้มค่ากว่า โดยเฉพาะคนที่เริ่มต้นจากพอร์ตขนาดเล็ก การไปหวังกำไรจากปันผลแต่อย่างเดียวหรือทำกำไรสองปีครั้ง บางทีอาจจะใช้เวลานาน(ถ้ารอได้ก็เป็นเรื่องดี) 


ยังไม่นับการเสียโอกาสจากช่วงการ crash ของตลาดยามเมื่อเกิดวิกฤติเศรษฐกิจหรือ fundflow ไหลออก แต่ถ้าคิดจะเร่งการเติบโตการลงทุนเก็งกำไรรายรอบอย่างเป็นระบบ จะสร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าและสามารถขยายการเติบโตของพอร์ตได้มากกว่า แต่ก็ต้องแรกมาซึ่งความพยายามและการทำงานอย่างหนัก นั้นก็สมเหตุสมผลตามกฏของธรรมชาติ ที่ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ


เหนือสิ่งอื่นใดเมื่อขนาดพอร์ตโตถึงเป้าหมายที่อยู่ตัว ผมเองก็เลือกการลงทุนระยะยาวเป็นหลักเช่นกัน เพราะนั้นหมายถึงการได้เกษียณตัวเองออกไปกิจกรรม หรือทำสิ่งที่เราอยากทำได้เต็มที่ มีเวลาว่างและมีอิสระภาพทางการเงินอย่างแท้จริง ดังนั้นผมเองจึงไม่เคยคิดละเลยเรื่องปัจจัยพื้นฐานของหุ้น และมองว่าการลงทุนระยะยาวหรือการลงทุนแนว Value investor เป็นเรื่องไร้สาระ ผมชื่นชอบจะนำข้อดีของทั้งสองทางมาประยุกต์ใช้ 


หลังจากลงทุนจนพอร์ตมีกำไรเติบโตต่อเนื่อง ปัจจุบันผมเริ่มจะสร้างพอร์ตลงทุนระยะยาว(แยกออกจากพอร์ตเก็งกำไรโดยสิ้นเชิง) โดยใช้หลักการประยุกต์ทั้งการวิเคราะห์พื้นฐานเพื่อเลือกหุ้นที่ดี มีแนวโน้มเติบโตและใช้การวิเคราะห์เชิงเทคนิคเพื่อหาจังหวะซื้อขาย แนวทางหนึ่งที่ผมนำมาประยุกต์ใช้ก็คือ C-A-N-S-L-I-M เป็นแนวทางการลงทุนของคุณวิลเลียม โอนิล (William O’Neil) เป็นนักลงทุนที่ผมชื่นชอบเพราะท่านใช้หลักของราคาและพื้นฐานมาประกอบการลงทุน ไม่สุดโต่งไปทางด้านใดด้านหนึ่ง และผลงานที่มาก็เป็นที่ประจักษ์ในแง่การบริหารกองทุน ที่มีฝีมือฉกาจสามารถเอาชนะตลาดได้ในระยะยาว หลักการคือการซื้อหุ้นที่เติบโต ทีศักยภาพ ซื้อหุ้นเมื่อราคาเริ่มออกตัวในช่วงบริษัทแข็งแกร่ง และขายหุ้นเมื่อบริษัทอ่อนแอลง ตอนถัดไปผมจะยกตัวอย่างการประยุกต์หลักการของ C-A-N-S-L-I-M เพื่อลงทุนระยะยาวให้ดูเป็นตัวอย่างครับ