ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ความไม่แน่นอนของชีวิต

เช้านี้ผมฟังรายการวิทยุรายการหนึ่ง คุณดีเจพูดประเด็นเกี่ยวกับการใช้ชีวิตได้อย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะประเด็นเป้าหมายในชีวิต เพราะชีวิตคนเรานั้นไม่แน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าเราจะตายเมื่อไหร่ การมีความสุขและใช้ทุกนาทีที่มีอยู่ให้คุ้มค่าย่อมเป็นเรื่องที่ดี ดีเจคนนี้ยกตัวอย่าง ญาติของเขาที่กำลังป่วยหนักเป็นมะเร็งระยะที่สาม จากที่เคยเป็นนักธุรกิจ ผู้บริหารไฟแรง มีเงินเดือนหลักแสน ตอนนี้ร่ายกายอ่อนแอ สูบผอมจากการทำเคมีบำบัด ต้องสู้กับความตายและความทรมานแทบทุกวัน จนหลายครั้งคิดยอมแพ้ แต่เธอก็ยังสู้เพื่อใช้ชีวิตอยู่กับสามีที่คอยดูแลและลูกที่เธอรักๆ 


เรื่องที่ดีเจ เล่ามาดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงปกติที่มนุษย์ทั่วโลกก็ต้องเจอ มันเป็นสัจธรรมของชีวิต เรื่องของความไม่แน่นอน ฟังเรื่องนี้แล้วทำให้ผมนึกถึงซีรีย์เรื่องโปรดเรื่องหนึ่งที่มีโอกาสดูตอน ติดเกาะเนื่องจากน้ำท่วมปีที่แล้วนั้นคือ เรื่อง "The BIGC" ซีรีย์ละครฝรั่งที่ไม่ใช่ละครน้ำเน่า เอาบันเทิงแบบละครหลังข่าวไทย 



เพราะตัวเอกของ The Big C คือ Cathy Jamison คุณครูวัย 42 ปีผู้ที่ใช้ชีวิตน่าเบื่้อ เจ้าระเบียบ ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ มีครอบครัวและมีหน้าที่การงานดี แต่แล้ววันหนึ่งเหมือนฟ้าผ่า เพราะเธอตรวจพบว่าเป็นมะเร็งระยะที่ 4 มีเวลาเหลืออยู่เพียง 1 - 2 ปีเท่านั้น แต่เธอยังไม่พร้อมจะตาย เธอยังอยากมีชีวิตอยู่เพื่อดูแลลูกและครอบครัว แต่โรคร้ายก็นำมาซึ่งจุดเปลื่ยนของชีวิตเธอ สามีที่ไม่เคยสนใจก็กลับมาดูแลเทคแคร์อย่างดี ด้วยโรคร้ายก็ทำให้พี่ชายที่โรคอารมณ์แปรปรวนเป็นคนจรจัด แอนตี้วัตถุนิยม ยอมกลับเข้าบ้าน มาอยู่ใกล้เธอ, ลูกชายวัยรุ่นหัวรุนแรงที่ชอบขบถก็กลับเข้ามาสนใจ ใส่ใจเธอมากขึ้น 



เธอเปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิต วิถีคิดและการมองโลก ในยามที่ต้องต่อสู้กับมะเร็ง และพยายามใช้ทุกนาทีที่เหลืออยู่อย่างมีความหมาย ได้ทำอะไรหลายอย่างที่เธอไม่เคยคิดจะทำในอดีต เช่นการวิ่งมาราธอนระยะไกล, การเป็นโค้ชทีมว่ายน้ำและกลับไปใช้เวลากับกีฬาว่ายน้ำที่เธอรัก,การซื้อรถสปอร์ตเปิดประทุน,การทำสระว่ายน้ำในสวนหลังบ้าน เป็นต้น ยังไม่นับรวมสิ่งเล็กๆที่เธอเคยมองข้ามก็ล้วนกลับเข้ามาเป็นสีสันให้ชีวิตได้ อีกครั้ง เช่น มิตรภาพกับเพื่อนบ้านหญิงชรา ที่ไม่เคยรู้จักทักทายกันมาเกือบ 5 ปี 

ซีรีย์นำเสนอได้น่าสนใจ แต่ถ้าคุณคิดว่าจะ จบแบบ happy ending แบบละครไทยก็ขอบอกว่าไม่ใช่ เพราะเมื่อทุกอย่างเหมือนจะลงตัว แล้วพระเจ้าก็ส่งบททดสอบใหม่ๆมาให้เสมอ เช่น ค่ารักษาพยาบาลที่แพงหูฉี่ สามีตกงานจากผู้บริหารต้องมาเป็นพนักงานขายของในร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า แถมติดโคเคน และหัวใจวายตายก่อนเมียที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง, เพื่อนสนิทร่วมโครงการรักษาโรคมะเร็งต้องตายจากไป, หญิงเพื่อนบ้านแก่ที่เธอรักและคอยให้คำปรึกษา ก็มาฆ่าตัวตายจากการป่วยเป็นอัลไซเมอร์, เมียพี่ชายแท้งลูกจนพี่ชายต้องประสาทเสีย ต้องเตลิดออกจากบ้านเป็นต้น  


พี่ชายที่โรคอารมณ์แปรปรวน และเลือกใช้ชีวิตข้างถนน

ก้าวเข้ามารับงานหนัก เป็นโค้ชทีมว่ายน้ำของโรงเรียน

ลงแข่งวิ่งมาร์ทอน 44 กม. ครั้งแรกในชีวิต แม้จะเข้าที่สุดท้าย แต่เธอก็ยังพยายามไม่ยอมแพ้ ไม่ล้มเลิกไปให้ถึง เส้นชัย

ซีรีย์ The Big C เรื่องนี้ของค่าย Showtime มี 4 ซีซั่นได้รับความนิยมในอเมริกา เป็นซีรีย์ Comedy-drama สะท้อนสังคมแนว และให้แง่คิดการใช้ชีวิต เป็นซีรีย์ยอดเยี่ยมแห่งปีที่เข้าชิงและกวาดรางวัลระดับรางวัล Golden Globes, USA Emmy Awards และ AFI Awards, USA ส่วนตัวผมชอบนักแสดงนำ Laura Linney ที่แสดงเป็น Cathy Jamison ได้สมบทบาทและถึงอารมณ์มาก อีกอย่างที่โดดเด่นคือ เรื่องของบท ที่คนเขียนบทแบบ Darlene Hunt มาเขียนบทซีรีย์ให้ดูสนุกและได้แง่คิดแบบลงตัว 




ถ้าใครเบื่อละครน้ำเน่าหลังข่าว ที่เดาตอนจบได้ แนะนำให้เพื่อนๆลองหา DVD ซีรีย์เรื่องนี้มาดูครับ แล้วจะพบว่าถ้าเราตระหนักถึงความไม่แน่นอนในชีวิต แค่เปลี่ยนวิธีคิด และมุมมอง ชีวิตเราจะพบกับความสุขมากยิ่งขึ้น แค่พอใจในสิ่งที่มีและทำปัจจุบันเราให้ดี ใช้ทุกนาทีให้คุ้มค่า อย่างมีเป้าหมาย ชีวิตที่ธรรมดาๆก็จะมีคุณค่าและมีความสุขได้มากกว่าเิดิม