ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเป็นเทรดเดอร์


หลายต่อหลายคนที่เขียน email เข้ามาคุยกัน เมื่อเข้าสู่ตลาดหุ้นล้วนอยากจะเทรดเดอร์อาชีพกันทั้งนั้น คงเพราะภาพที่ นิยมฉายออกมาให้คนทั่วไป มองเห็นว่าเป็นเทรดเดอร์ คืองานสบายๆ นั่งๆนอนๆทำที่ไหนก็ได้ ออกแรงไม่มากไม่นานก็ได้เงินเยอะ ยิ่งเย้ายวนชวนฝันให้คนอยากเป็น กันมากขึ้น รวมไปถึงการสร้างให้เกิดการเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเป็นเทรดเดอร์



ตัวผมเองเทรดหุ้นเป็นอาชีพแบบเต็มๆมา 8 ปีแล้ว หลังจากเข้าตลาดมา ตั้งแต่ก่อนวิกฤติซับไพร์มปี 2008 โดยตอนแรกศึกษาและเทรดหุ้นควบคู่ไปกับทำงานตามวิชาชีพที่ร่ำเรียนมา เมื่อมีความรู้มีประสบการณ์ และมีอัตราการอยู่รอดในระดับสูง ซึ่งวัดจากการเติบโตของพอร์ตลงทุนแบบต่อเนื่องหลายปี มันยิ่งทำให้เรามั่นใจกล้าจะออกเดินทางสายนี้

หลายคนอยากเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ ทั้งแบบอิสระและมีสังกัด แต่ด้วยความเข้าใจผิด หรือยังมองไม่เห็นข้อมูลรอบด้าน มันจึงทำให้เมื่อก้าวเดินแล้วไปไม่ถึงฝัน แทนที่จะได้เป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ กับติดแหงกกับการกำไรขาดทุน สลับไปมา หรือไม่ก็กลายเป็นนักเสี่ยงโชคซื้อๆขายๆหุ้นตามโพยตามข่าวรายวัน ไม่ต่างอะไรจากแมงเท่าทั่วไปในตลาด

ผมรวบรวมเอาความเข้าใจผิดสามัญ ที่คนมีต่ออาชีพเทรดเดอร์ ที่พบบ่อยมาอธิบายให้อ่านกัน ผมเขียนจากประสบการณ์ตรงและเขียนจากข้อมูลที่ศึกษาประวัติของนักเก็งกำไรหรือเทรดเดอร์มืออาชีพที่ประสบความสำเร็จระดับโลก  เพื่อที่ เพื่อนๆจะได้เข้าใจวิธีคิดและมุมมองของเทรดเดอร์อาชีพกันมากขึ้น

1. งานสบาย
อาชีพนี้ดูสวยหรู แต่ไม่สบายแบบที่คิด ไม่ใช่การไปนั่งเอกขเนก นอนเทรดริมทะเลแบบที่โฆษณากัน ของจริงต้องอยู่ในสภาวะที่พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงระบบอินเตอร์เน็ต

การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพได้ ไม่ใช่แค่เราใช้โปรแกรมเทรดเป็น ซื้อๆขายๆทุกวันก็จะเป็นได้ การเป็นเทรดเดอร์อาชีพไม่ต่างอะไรกับซามูไรครับ จะต้องฝึกอย่างหนัก ทั้งด้านความรู้เชิงเทคนิค ด้านกลยุทธ และด้านจิตใจ(หนักมาก) ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆสบายๆ ส่วนใหญ่คนที่ประสบความสำเร็จผ่านการอ่านกราฟ การวิเคราะห์การเคลื่อนที่ราคา มาเกิน 10000 ชั่วโมง หลายคนเทรดหุ้น เทรดฟิวเจอร์มามากกว่าหลายพันออร์เดอร์

ทุกอย่างเมื่อทำซ้ำๆๆ มันทำให้เกิดการจดจำและเกิดการพัฒนา โดยเฉพาะการเรียนรู้จากความผิดพลาด ซึ่งในตอนแรกทุกคนต้องเผชิญ เวลาเทรดจริงเผชิญหน้ากับ ความผันผวนของราคา จิตใจตัวเอง และการควบคุมอารมณ์ เป็นสิ่งสำคัญของแบบนี้ไม่ได้มีกันทุกคน ล้วนต้องฝึกฝนอย่างหนักถึงจะได้ทั้งสิ้น ไม่ต่างอะไรกับนักกีฬาที่เวลาแข่งจริงๆอาจจะแค่ไม่กี่นาที แต่เวลาซ้อมหลายสิบชั่วโมงต่อวัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์อันดีเลิศ เพื่อไปให้ถึงชัยชนะที่ หวังไว้

2. รายได้สูง
รายได้ของเทรดเดอร์ เป็นขั้นบันได ตามทักษะ(skill) ความสามารถ ไม่ได้หมายความว่ามีเงินทุนเยอะๆ จะสร้างรายได้ได้เยอะทันที ในความเป็นจริงทำได้ ใช้ leverage ขยายเงินได้ โดยเฉพาะตลาดฟิวเจอร์ แต่ประเด็นคือ เมื่อเรามุ่งจะได้กำไรมากในครั้งเดียว เราต้องเสี่ยงมาก แน่นอนว่าเราอาจจะกำไรหลักแสน หลักล้านไปอวดเพื่อนในเฟสบุ๊ค แต่วันต่อมาเราอาจจะเสียหายหมดตัว ได้เช่นกัน นั้นแหละครับ คือความเสี่ยง คือความไม่แน่นอน

เทรดเดอร์อาชีพจริงๆ นอกจากทำกำไรได้ ยังต้องรักษากำไรเป็น เขาไม่เอาปรัชญาแนวคิดแบบ "เสี่ยงมากได้มาก (high risk high return)" แต่สิ่งที่เทรดเดอร์มืออาชีพ เขาทำหรือพยายามจะทำกันคือ "limit risk high return" นั้นคือการใช้กลยุทการบริหารจัดเงิน มาจำกัดความเสี่ยงในเทรด

ดังนั้นรายได้สูง กำไรมาก ในเวลาสั้นๆ ไม่ใช่เป้าหมายหลักของมืออาชีพ สิ่งสำคัญคือ การมีรายได้ที่ต่อเนื่องและเติบโตแบบพอเหมาะ

3. สบายๆชิวๆ ไม่เครียด
สิ่งที่หลายคนยังเข้าใจผิด คืออาชีพเทรดเดอร์ สบายไม่มีเจ้านายมาคอยกำกับ อยากทำก็ทำอยากหยุดก็หยุด เที่ยวดึกตื่นสายก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้น ตายครับ!! เพราะเจ้านายของเทรดเดอร์อาชีพก็คือกระแสเงินสด การเป็นเทรดเดอร์อาชีพโดยเฉพาะ ฟรีดอมเทรดเดอร์ ไม่มีใครจ่ายเงินเดือน ถ้าเดือนไหนเราเจ๊ง ขาดทุนหรือไม่สามารถสร้างผลกำไรเป็นบวกได้ นั้นคือหายะ จะเอาที่ไหนมากิน

ดังนั้นนักเก็งกำไรมืออาชีพ ก็ไม่ต่างอะไรกับการทำงานปกติ ที่ต้องมีวินัยในตัวเองสูง ต้องรับผิดชอบตัวเอง เอาชนะความขี้เกียจ เรียกว่าจิตใจต้องหนักแน่นในการควบคุมตัวเองอย่างมาก

อีกประเด็นการอยู่รอดในตลาด ที่มีการแข่งขันสูง กำไรมันเกิดจากความสามารถจากสมองและสองมือของเรา ถ้าขี้เกียจไม่พัฒนาตนเอง ล้าหลัง อ่อนด้อย เราก็จะกลายเป็นเหยื่ออันโอชะ เสียเงินให้กับคนอื่นๆในตลาดที่อยู่ในสนามเดียวกับเรา ดังนั้น ถ้ารักสบายไม่ควรมาเป็นเทรดเดอร์ครับ

4. เป็นเทรดเดอร์ต้องใจร้อน รวยเร็ว
อันนี้ก็ไม่จริง ไม่เกี่ยวกันว่าจะลงทุนยาวใจเย็น เป็นเทรดเดอร์ต้องใจร้อนอันนี้ เข้าใจผิดกันมานมนาน เพราะการเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ จิตใจเราต้องนิ่งและสุขุมเยือกเย็น ใจร้อน รีบซื้อรีบขาย นั้นคือแมงเม่า นักเก็งกำไรสมัครเล่น ที่ไม่มีวันจะรวยได้ เพราะเมื่อ เราต้องดีลกับราคาที่ผันผวน จิตใจเราต้องนิ่งและมั่นคง ต้องมีวินัยในระบบอย่างมาก

เมื่อใดที่หลุด หรือไม่นิ่ง เมื่อนั้นคือประตูสู่หายนะ และจะทำให้เราผิดพลาดขาดทุนได้อย่างง่ายดาย สิ่งที่เทรดเดอร์อาชีพฝึก กันหนักและมากคือเรื่องของจิตใจ การคสวบคุมอารมณ์ การเล่นสั้น เล่นรอบ ของนักเก็งกำไรนั้นคือกลยุทธ ไม่เกี่ยวกับจริตหรือจิตใจร้อยอยากรวยเร็ว เพราะเมื่อสภาวะตลาดผันผวน การใช้ Position ที่เล็กและเทรดแบบเข้าออกไว้ ซิกแซกไปตามการแกว่งตัวของราคา ย่อมให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า การเปิดสถานะรอข้ามคืนในช่วงที่ตลาดผันผวน ดังนั้นถ้าอยากเป็นเทรดเดอร์อาชีพ ต้องฝึกเรื่องของจิตใจให้มากๆ

5. ชอบเสี่ยงต้่องเก็งกำไร
อันนี้ก็ไม่เกี่ยว การจะเป็นนักเก็งกำไรมืออาชีพ เราต้องโยนว่าดวงออกไปเลย ทุกอย่างต้องแน่นอนชัดเจน วัดได้เป็นค่าตัวเลขและสถิติ ความน่าจะเป็นในการทำกำไรกี่ % โอกาสเสี่ยงขาดทุนกี่ % ต้องทำตัวเลขพวกนี้ออกมาให้ได้ก่อนเทรด ก่อนเข้าซื้อขาย

ไปวัดดวง ตาดีได้ตาร้ายเสีย ไม่แน่นอนแบบนั้้น โอกาสประสบความสำเร็จจริงๆแถบจะไม่มี สิ่งสำคัญคือการอยู่รอด ดังนั้นเทรดเดอร์มืออาชีพ คือการรู้จักประเมินความเสี่ยง ควบคุม และจัดการกับความเสี่ยงเป็น ต้องฝึกจนไปถึงขั้น "limit risk high return" เพื่อทำกำไรแบบแน่นอน ยั่งยืน รักษาทุนรักษากำไรให้พอร์ตเติบโตในระยะยาว

6. เล่นไปตามอัธยาศัย เข้าออกไวไม่มีแบบแผน
การเป็นเทรดเดอร์อาชีพ สิ่งที่ทุกคนต้องมีคือ ระบบเทรด แผนและกลยุทธการเทรด ให้เหมาะสมกับสภาพตลาด เทรดเดอร์ต้องทำการบ้าน ต้องวิจัยตลาด ศึกษาพฤติกรรมราคา และรูปแบบการเคลื่อนไหวของราคา เพื่อหาระบบการเทรดที่ให้สัญญาณซื้อขายที่เหมาะสม เพื่อทำให้เกิดกำไร

ทุกอย่างล้วนมีแบบแผน มีกลยุทธ ไม่ใช่การเทรดมั่ว เทรดเอามันส์ตามเพื่อน ตามข่าว แบบลุ้นรายวัน ถ้าทำแบบนั้นระยะยาวไม่มีทางจะชนะตลาดได้ โอกาสอยู่รอด

7. ไม่ใช่ใครๆก็เป็นมืออาชีพได้
ผมเห็นบ่อยตามเฟสบุ๊ค ตามเว็บบอร์ด ที่มักจะมีครอส อบรมประเภทที่บอกว่าสอนเทรดให้เป็นมืออาชีพ รวยได้ในไม่กี่วัน ซึ่งความเป็นจริง การจะเป็นมืออาชีพไม่ใช่สิ่งที่มาแต่งตั้งกันเอง หรือเสียเงินเรียนครอสสองครอส หมื่นสองหมื่น จะเป็นกันได้

ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาฝึกฝนฝึกหัด คุณต้องผ่านจุดมืดบอดของจิตใจ ล้มเหลวจนนับไม่ถ้วน เพื่อที่จะเรียนรู้ จากความผิดพลาด และบังคับตน มีสติไม่ให้ผิดซ้ำสองอีก เมื่อเราสะสมชั่วโมงบินมากๆ จนแกร่งกล้า จนเอาตัวรอดได้ทุกสภาวะตลาดแล้ว ตัวเราเอง จะรู้ได้เองว่าเราเป็นมืออาชีพแล้ว ส่วนจะระดับไหนก็ต้องไปวัดกันใน ลีคของมืออาชีพอีกที

การเป็นมืออาชีพ ของแบบนี้ไม่มีสอน สิ่งที่สอนกันมันเป็น Framework เป็นแค่แนวคิด ความรู้ การใช้เครื่องมือ ส่วนใหญ๋จะเป้นเรื่องของกระบวนการ แต่เรื่องของกลยุทธจริงๆ(กลยุทธการบริหารจัดการเงิน กลยุทธการรับมือความเสี่ยง) และเรื่องของจิตใจ(mind) สัญชาติญาณ(gut) ไม่มีขาย และไม่สามารถสอนกันได้(ส่วนใหญ่คนสอนถ้าไม่ได้เป็นเทรดเดอร์อาชีพจริงๆ ไม่มีชั่วโมงบินก็ไปไม่ถึงจุดนั้นเช่นกัน)

อีกประการการจะเป็นเทรดเดอร์อาชีพ นั้นไม่ใช่ใครๆก็จะเป็นได้ อันนี้ไม่เกี่ยวกับเก่งไม่เก่ง หรืออยากเป็นไม่อยากเป็นเพราะจริต แต่ละคนไม่เหมือนกัน บางคนพื้นจิตใจ ไม่มั่นคงไม่ชอบ ความผันผวน การมาเป็นเทรดเดอร์ หรือนักเก็งกำไรก็ไม่เหมาะ ควรไปเป็นนักลงทุน ซื้อหุ้นกินปันผล แน่นอนทุกปีจะดีกว่า 

การฝืนตัวเอง ต่อให้เรียนมาก รู้มากเพียงใด แต่จิตใจไม่ได้แล้ว โอกาสจะสำเร็จก็จะยาก ที่สำคัญเมื่อจริตไม่ให้ ก็จะไม่มี passion ในการเรียนรู้ การลงมือทำและ ไม่สามารถพัฒนาตนเองต่อไปได้

อยากให้คนที่สนใจ ลองคิดทบทวนดูก่อนที่จะเข้ามาสู่ถนนสายนี้ สิ่งสำคัญคือมันเหมาะสมกับตัวเราจริงๆหรือไม่ มันใช่สิ่งที่เราอยากทำจริงๆหรือเปล่า ถ้าคำตอบมันชัดเจน เรามั่นใจ ก็ตั้งเป้าหมายและลุยไปให้สุดทาง ได้เลยครับ