ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

siam chart: on-line technical chart

ปัญหาใหญ่ของผมคือเรื่อง กราฟเทคนิคที่ส่วนมากมักจะใช้งานได้แต่บนระบบปฏิบัติการ windows OS ทั้ง efinace smart portal และ metastock แน่นอนว่าถ้าเป็นเครื่อง Linux ก็หมดสิทธิ และถ้าเป็น MAC ก็ต้องลง BootCamp หรือ VMWare นั้นก็ทำให้เครื่องช้าลงไปอีก และก็มีการค้างในบางครั้ง ดังนั้นเมื่อผมมาเจอ siamchart ออนไลน์เทคนิคคอลชาร์ตทำให้ค่อนข้างโดนใจมาก เพราะเป็น web application ที่ทำงานได้บน web browser ได้เลยไม่ต้องติดตั้ง activex หรือโปรแกรมอื่นๆ วันนี้มีเวลาของนำมา review ให้เพื่อนๆนักลงทุนได้อ่านดู ที่สำคัญท่านที่เป็น VI หรือนักลงทุนระยะยาวที่ไม่ต้องการใช้กราฟ real-time ท่านก็สามารถใช้ siamchart  ในการกำหนดจุดซื้อ จุดขายคราวๆได้ siamchart เริ่มต้นการใช้งาน ก็สามารถใช้งานได้ฟรี ผ่านทางเว็บบราว์เซอร์ทั่วไป ผมทดสอบกับ IE Chrome และ FF ผลปรากฏว่าทำงานได้ดี โดยเราสามารถเข้าไปใช้งานได้ที่ http://siamchart.com/ หน้าแรกแสดงดัชนีตลาดต่างๆ ฟีเจอร์หลัก - Quote ฟีเจอร์ Quote นั้น เป็นตารางดัชนีของตลาดต่างๆแบบ Real time แสดงการเคลื่อนไหวขึ้นลงของราคาดัชนีตลาดทั่วโลก - Fund ฟีเจอร์นี้ ผมชอบมากคือมันช

ว่าด้วย P/E

P/E เป็นอัตราส่วนทางการเงิน ยอดนิยมและสำคัญที่เราควรทำความรู้จักไว้ เพราะค่านี้เป็นค่าที่บ่งบอกความถูกและแพงของหุ้น หลายคนใช้เป็นเงื่อนไขในการซื้อ ขาย หุ้นอีกด้วย สืบเนื่องจากอารมณ์ค้างจากเมื่อวานที่คุณเรื่อง P/E กับพี่คนหนึ่ง ระหว่างนั่งซุ่มหัวกันล้วงแคะแกะเกางบการเงินของบริษัทหนึ่งในร้านอาหาร มันมีประเด็นเรื่อง P/E ที่ผมยังไม่เคลียร์เลยใช้เวลาทั้งวันทำการบ้านเพิ่ม ผลก็คือ อินเตอร์เน็ตช่วยได้ กระจ่างศาสตร์ขึ้นมาก ตอนนี้เลยอยากเขียนถึง P/E เพื่อแชร์ความรู้ไว้บนบล็อคสำหรับท่านอื่นๆที่ผ่านเข้ามา เผื่อว่าจะได้เก็บนำไปใช้ประโยชน์กัน P/E คืออะไร P/E หรือ PER คือ Price/Earning per Share (EPS) เป็นอัตราส่วนที่ใช้อนุมานความถูกและแพงของตัวหุ้น(กิจการของบริษัท) โดยใช้ราคา หารด้วย EPS(กำไรสุทธิต่อหุ้น) ค่าที่ได้เป็นจำนวนเท่า โดยถ้ามองการเติบโตที่คงที่ ก็จะทำให้ทราบปีที่จะคุ้มทุน ตัว EPS นี่ละครับ เป็นเหมือนหัวใจของ P/E อีกตัว ถ้าดูข้อมูล P/E ที่ใช้กัน EPS อาจจะใช้ข้อมูลผลประกอบการในอดีต 4Q ย้อนหลังมาคิด หรืออาจจะใช้ข้อมูลการประมาณการผลประกอบการ(เดา)ในอนาคตมาร่วมด้วย P/E ไม่คงที่แปรผันตามเวลา เน

จิตวิทยาการลงทุน

สองสามวันที่ผ่านมาดัชนี SET ร่วงลงมาอย่างรุนแรง ส่งผลให้หุ้นรายตัวต่างพุ่งดิ่งลง แบบแดงกันเกือบทั้งกระดาน เหตุการณ์แบบนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อย ซ้ำแล้วซ้ำเล่ายิ่งถ้าท่านได้ลงทุนในตลาดหุ้นนานขึ้น ท่านจะเคยชินและตกใจน้อยกว่าน้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาสู่ตลาด แต่แน่นอนว่าไม่ว่าหน้าเก่าหรือหน้าใหม่การที่เห็นดัชนีหุ้นของตัวเองถูกกระหน่ำเทขาย แบบไม่ลืมหูลืมตาย่อมก่อให้เกิดผลทางจิตใจ และแน่นอนครับว่าเจ้าผลกระทบทางจิตใจนี้เองที่ มีผลต่อการกำไร หรือขาดทุนของเรา  เพราะเมื่อจิตใจเราโดนครอบงำด้วยอารมณ์ความกลัว ความตื่นตะหนก บวกกับจิตวิทยาหมู่ของตลาด มันทำให้การตัดสินใจของเรานั้นเกิดจากอารมณ์ มากว่าเหตุและผล ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา ผมขอเอาประสบการณ์จากเพื่อนๆ และตัวเอง(ในอดีต) มาสรุปไว้ให้อ่านว่า จิตวิทยาจะมีผลยังไงต่อการลงทุนของท่านบ้างในวันแดงเดือดแบบนี้ 1. ขายตามคนอื่น อันนี้เป็นเรื่องของสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของมนุษย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนโดยเฉพาะนักลงทุนหน้าใหม่ และหน้าเก่าที่ขี้ตกใจกระทำกัน โดยเรามักจะรีบขายหุ้นตัวที่ราคาลดลงอย่างรวดเร็ว ติดลบมาก และมี การโยนขายแบบไม้ใหญ่ๆต่อเนื่อง ก

ลักษณะ 12 ประการของมหาเศรษฐี

อยากเป็นมหาเศรษฐีกับเขาก็ต้องอ่านไว้นะครับW.Randall Jones เขียนหนังสือชื่อ "The Richest Man in Town " โดย การสัมภาษณ์และวิเคราะห์คุณสมบัติ นิสัย แนวความคิด ปรัชญาการใช้ชีวิต และอื่นๆ ของคนที่รวยที่สุดในเมืองต่างๆของอเมริกาจำนวน 100 คน เขาพบลักษณะร่วมของคนที่เป็นมหาเศรษฐี 12 ประการ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง 1. ไม่หาเงินเพื่อเงิน การทำอย่างนั้นคุณจะไม่ได้เงิน เงินจะมาก็ต่อเมื่อคุณทำในสิ่งที่ถูกต้อง และด้วยวิธีที่ถูกต้อง ทำในสิ่งที่คุณรักและมีความหลงใหลที่จะทำ คุณต้องทำในสิ่งที่มีคุณค่าเป็นประโยชน์ แล้วเงินจะมาเอง มันเป็นผลพลอยได้ ในมุมของ VI หรือนักลงทุนเน้นคุณค่า ผมคิดว่ามันถูกต้องตรงกัน อย่าลงทุนแบบจ้องหา หรือหมกมุ่นกับผลตอบแทนเกินไป มีความสุขกับการลงทุนทำหรือเลือกลงทุนอย่างถูกต้องเงินจะมาเอง 2. รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร รู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง ที่สำคัญต้องรู้ว่าอะไรคือความสามารถหรือความเชี่ยวชาญที่สุดของตัวเอง ถ้าคุณคิดว่าต้องไปทำงานทุกวัน นั่นก็ผิดแล้วงานจะไม่ใช่งานถ้าคุณทำแล้วมีความสุข และเป็นสิ่งที่คุณอยากทำ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เคยบอกกับซูซี่ อดีตภรรยาที่ล่วงลับไป ในตอนที่แต่งงานกั

I'm VSOP

มีพี่คนหนึ่งถามว่า VSOP คืออะไรขอยกบทความของท่านเจ้าสำนักมวยวัด มาให้อ่านจะได้ลองทำความเข้าใจกันครับ ธานินทร์ งามวิทยาพงศ์ นักลงทุนมากประสบการณ์ ที่นักลงทุนในชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่อย่างพันทิป (ห้องสินธร) เขารู้จักกันในชื่อ “คลายเครียด” หรือ “endophine” ผู้เขียนหนังสือ “เทมเปิ้ล BOXING: คัมภีร์การลงทุนแนว VSOP” เป็นคนบัญญัติศัพท์และให้คำอธิบาย ที่รับรองว่า แม้แต่ฝรั่งเจ้าตำรับการลงทุนยังคิดไม่ถึง วิถีทางของ‘หนุ่มหมัดเมา’ ถ้านักลงทุนที่มีสไตล์การลงทุนแบบ VI หรือ เรียกว่า Value Investor เป็นนักรบฝ่ายบุ๋น ที่ตัดสินใจซื้อขายหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และพร้อมที่จะอดทนรอเก็บเกี่ยวดอกผลจากการลงทุน เพราะเชื่อว่า ในท้ายที่สุดราคาหุ้นจะสะท้อนผลประกอบการของบริษัท แอบแถมให้อีกนิดว่า วิชชุ จันทาทับ ผู้จัดการกองทุน ฝ่ายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ บอกว่า การลงทุนแบบ VI น่าจะเป็นแนวทางที่เหมาะสำหรับการลงทุนในภาวะตลาดปัจจุบันมากที่สุด นักลงทุนแบบ VS (Value Speculator) ที่ตัดสินใจซื้อขายหุ้นตาม “อำนาจซื้อของเงิน” และ “อำนาจขายของหุ้น” โดยไม่สนใจปัจจัยพื้นฐานของบริ

เล่นหุ้นยากไหม?

ปีนี้เป็นปีที่ผมตั้งใจอย่ายิ่งในการจะลงทุนเพื่อสุขภาพ โดยตั้งใจจะสละเวลาวันละ 1 ชั่วโมงในการออกกำลังกาย ดีใจที่ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์สามารถออกไปวิ่งแบบสม่ำเสมอได้ทุกวัน ไม่ขี้เกียจเหมือนปีก่อน ผมเองย้อนกลับมาดูตัวเอง ว่าสุขภาพทรุดโทรมไปทุกปี ยิ่งแก่ขึ้นโรคต่างๆก็ถามหา ถึงจะไม่เจ็บป่วยหนักแต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าร่างกายไม่ฟิตดังก่อน เช่นอาการปวดหัว, อาการท้องอืด อาการเป็นหวัดบ่อยๆ ปวดหลังปวดตัว เป็นต้น เรามักใส่ใจจะลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคง แต่จะมีประโยชน์อะไรเล่าถ้าร่างกายอ่อนแอและไม่สามารถอยู่ใช้เงินทองที่หามาได้อย่างมีความสุขปราศจากโรคภัย เพราะฉนั้นเราควรตระหนักถึงจุดนี้ ไม่ใช่หักโหมใช้ร่างกายแบบไม่เว้น ทำงานหนักตลอดสัปดาห์ ศุกร์กินเหล้า เสาร์ดูบอล อาทิตย์นอนแฮงค์ทั้งวัน ก็ไม่ไหว จั่วหัวมาด้วยคำถามพื้นฐานว่า "เล่นหุ้นยากไหม?" เพราะมีน้องคนหนึ่งถามมาทาง facebook ผมเองเลยอยากเอาประเด็นนี้มาเขียนบ้าง เพราะยอมรับว่าหลายเรื่องที่เขียนไปค่อนข้างไปทางขั้นกลางและสูง คนที่ไม่มีพื้นฐานหรือไม่เคยลงทุนอาจจะอ่านแล้วไม่เข้าใจนัก หัวข้อนี้ขอเขียนอะไรเบาๆ สำหรับมือใหม่หัดขับ ในวันหยุดสบ

เรื่องค่า Beta

บ่อยครั้งที่หลายคนอยากรู้ว่า หุ้นตัวที่ตนเองสนใจนั้นมันน่าที่จะเข้าไปลงทุนแล้วหรือยัง แน่นอนว่าถ้ามีเครื่องมือ ดูจังหวะจากกราฟได้ก็คงไม่ยาก แต่ถ้าไม่ใช่แนวเทคนิคจ๋า แต่อยากเลือกหุ้นเพื่อลงทุนยาว โดยมองหาจังหวะดีๆ ผมมีอีกหนึ่งค่าที่ใช้ประมาณการคราวๆได้มาแนะนำ ค่าที่ว่าคือค่าเบต้า(Beta) นั้นเองครับ เบต้าที่ว่าไม่ใช่ครีมทาหน้าแต่อย่างใด แต่มันคือ ค่าสัมประสิทธ์ตัวเปรียบเทียบระหว่างหุ้นกับดัชนีตลาดหลักทรัพย์(SET) เพื่อดูแนวโน้มอย่างไร ซึ่งมีที่มาจากสมการเส้นตรงบนระบบสมการแบบ linear system equation แน่นอนว่าท่านสามารถคำนวนได้เองจากโปรแกรมคณิตศาสตร์เช่น Matlab หรือจะคำนวณแบบอเรย์เพื่อหาจาก Gauss-Elimination ด้วยมือก็ได้ ที่ชี้ประเด็นนี้เพราะจะบอกว่ามันคือคณิตศาสตร์ ราคาหุ้นก็คือข้อมูล ชุดตัวเลข อย่าไปมองว่าเป็นไสยศาสตร์หรือโชคลางแต่อย่างไร ง่ายไปกว่านัั้นแบบทั่วไปท่านสามารถอ่านค่านี้ได้จากตารางหุ้นในหนังสือพิมพ์ หรือจะดูจากโปรแกรมเทรดหุ้นเช่น efinance ก็ได้ สมการ y = a + bx เมื่อ y คือ ราคาหุ้น x คือ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ a คือ ค่าอัลฟ่า (alpha) b คือ ค่าเบต้า (beta) หรือคือค่าความชันของสมการ

นอกตำราสูตร "โกศล ไกรฤกษ์"

ชื่อของ "โกศล ไกรฤกษ์" หายไปนาน หลังจาก บงล.ตะวันออกฟายแนนซ์(1991) ถูกแบงก์ชาติเข้าแทรกแซงกิจการ เมื่อกลางปี 2540 ทรัพย์สินชิ้นสุดท้ายมูลค่าหลายพันล้านบาทหายวับไปกับตา สมการชีวิตของชายคนนี้ผ่านร้อนหนาวทางการเมืองมาอย่างโชกโชน เป็น ส.ส. พิษณุโลกหลายสมัย และเป็นรัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง เป็นผู้ที่ก่อตั้งพรรคกิจสังคมร่วมกับ ม.ร.ว.ศึกฤทธิ์ ปราโมช มีอุปนิสัยพูดจาโผงผางจนได้รับขนานนามว่า "นักเลงโบราณ" แม้ว่าลุงโกศล จะลดบทบาทการเป็นนักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหุ้นไปนานแล้ว แต่แนวทางการลงทุนที่เน้นความ "ปลอดภัย" ของลุงโกศลไม่เคยล้าสมัย โดยเฉพาะคำพูดที่เคยกล่าวเอาไว้ว่า "ถ้าอยากสบายตอนแก่ต้องมีรายได้ประจำไว้กิน 3 อย่าง" แกบอกว่าได้ความรู้มาจากเจ๊ก (นักธุรกิจชาวจีน) สอนแกมาอีกทีหนึ่ง สมัยตอนเป็นรัฐมนตรี เจ๊กมันบอกว่า....!!! อย่างแรก "ต้องมีเงินฝากประจำเอาไว้กินดอกเบี้ย" อย่างที่สอง "ต้องมีบ้านให้เขาเช่า เอาไว้เก็บค่าเช่ากินตอนแก่" อย่างที่สาม "ต้องมีรายได้จากเงินปันผล" นี่แหละรายได้ 3 อย่าง สูตรขนาดแท้ของลุงโกศลเลยล่ะ ลุงโกศลเล่าให้ฟ