ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

เทรดหุ้นอย่างไรให้หลับสบายไร้กังวล

เมื่อเช้าผมได้คุยกับเพื่อนนักลงทุนคนหนึ่ง บอกว่าช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับ เพราะกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของยุโรป ยิ่งเมื่อคืนรอลุ้นผลเลือกตั้งกรีซยังตีสาม จบลงด้วยดี แต่พอล้มตัวลงนอนก็นอนไม่หลับพลิกซ้าย พลิกขวา กังวลว่าตลาดหุ้นจะบวกหรือลบ หุ้นในพอร์ตจะกำไรหรือขาดทุน จิตใจไม่สงบกระทบกับการดำเนินชีวิต ดูเหมือนอาการแบบนี้มือใหม่จะเคยสัมผัสมาไม่มากก็น้อยโดยเฉพาะยิ่งถ้ากำลังเผชิญกับภาวะขาดทุนจนจิตตก หรือความไม่แน่นอนในการทำกำไร คนที่เล่นหุ้นเก็งกำไร ไม่มีหรอกครับที่วันไหนจะไม่คิดถึงหุ้น ทั้งหุ้นในพอร์ตที่ตัวเองถือ หุ้นตัวต่างๆที่คิดว่าจะมา คิดว่าจะต้องซื้อ หรือแม้แต่หุ้นที่ขายหมู หรือขายขาดทุนไปแล้ว เมื่อเราเล่นหุ้น จิตของเราได้ผูกติดกับหุ้นไปแล้ว จะดีหรือร้ายเราก็ต้องอยู่กับมัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องทำให้ได้คือ เราต้องควบคุมจิตให้อยู่ อย่าปล่อยให้ความกังวล ความโลภ ความกลัว หรืออารมณ์ที่เกิดจากการเล่นหุ้น เข้ามามีบทบาทกับชีวิตเรา หรือเข้ามามีบทบาทกับการตัดสินใจของเรา ถ้าเกิดคิดถึงหุ้นตลอดเวลาทั้งเวลา กิน เวลานอน เวลาเดิน เวลาขับรถ เวลาอาบน้ำ แบบนี้มีปัญหาแล้ว เพราะจิตเราจะไม่ว่าง ไม่สงบ ปัญญาที่แ

ความสำคัญของการบริหารจัดการเงิน

มีคำกล่าวของนักปราชญ์จีนท่านหนึ่งว่า ปัญหาทุกอย่างจะไม่เกิด ถ้าหากมีการบริหารจัดการ แต่ถ้ามองรอบๆตัวเราจะพบว่า เรากำลังรอให้ปัญหาเกิด และหาทางแก้ปัญหา แบบเฉพาะหน้าทีละปัญหา ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ การแก้ปัญหาหนึ่งกับไปสร้างปมปัญหาที่สอง ที่สามตามมา อีกไม่รู้จบ ถ้านึกไม่ออกลองมองปัญหาต่างๆในสังคม หรือจะเอาเรื่องน้ำท่วม มาเป็นกรณีศึกษาก็ได้ครับ จะพบเลยว่า ปัญหามันไม่ได้ถูกขจัดออกไป หรือถูกจัดการโดยแท้จริง แต่กับเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้รอดพ้นวิกฤตไปเท่านั้น นักปราชญ์หรือคนที่มีปัญญา เขาจะให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการมากกว่า การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ผมเอาเรื่องนี้มาพูดเพราะในโลกของการลงทุน เรามีโอกาสจะพบปัญหาต่างๆมากมาย สารพัด แต่ปัญหาใหญ่ที่ทำให้เราล้มเหลว นั้นคือ ความเสี่ยง ดังนั้นการบริหารจัดการเงินทุน นั้นก็คือ เครื่องมือสำคัญในการลดความเสี่ยง หรือจำกัดวงของความเสี่ยง ให้เบาบางลง (แน่นอนว่าคงไม่สามารถทำให้หมดไปได้)  ผมเองพบว่านักลงทุนในหุ้น ส่วนใหญ่มักชอบและเพลิดเพลินต่อกำไร สนุกกับการได้เงิน จนมุ่งไปหาแต่หนทางทำกำไรสูงสุด จากนั้นก็นำผลที่ได้มาอวดกัน ได้ค่ากับข้าวเท่านั้นเท่านี้

SET@14-06-2012

บันทึกสภาวะตลาดหุ้น รวบรวมข้อมูลกราฟดัชนี ปริมาณการซื้อขายประจำวันที่ 14-06-2012 วันนี้ตลาดปิดที่ 1153.01 -5.21 จุด บรรยากาศเช้าซึมๆ ค่อนข้างเงียบเหงาแต่ก็ยกตัวขึ้นมาได้ พอเปิดช่วงบ่ายตลาดเริ่มคึกคักแรงด้วยขาย มีการเทขายหุ้นใหญ่ต่อเนื่องตั้งแต่บ่ายสามโมงจนปิดตลาด กราฟ 30 นาทีภาพกรอบเล็กระหว่างวันเป็นแรงขายส่วนใหญ่ แนวโน้มระยะสั้นอ่อนตัวทิศทางลง จนดัชนีปิดทะลุเส้นค่าเฉลี่ย EMA20 แต่ยังไม่ทะลุแนวรับเดิมจุดต่ำสุดก่อนหน้าที่ 1152 กราฟ Day เกิด 2 แท่งเทียนแดง บ่งบอกการชะลอตัว โดยเฉพาะวันนี้แท่งเทียนมีไส้เทียนยาวด้านบน ปิดลบ ดัชนีปิดต่ำกว่าเส้นแนวต้าน 1156 ทำให้ดัชนีเข้ามาอยู่ในกรอบ 1156 - 1099 อีกรอบ ซึ่งเป็นกรอบ sideway เดิม MACD ยังอยู่ใน Zone ต่ำกว่าศูนย์บ่งบอกกำลังการยกตัวยังไม่มากพอ แต่ดัชนีปิดยังยืนเหนือเส้น EMA15 อยู่ได้ ลุ้นแนวรับย่อยที่ 1143 ถ้าหลุดโอกาสร่วงไปปิด GAP ล่างมีสูง ส่วนแนวต้านคือ 1156 กระแสเงินยังไหลออก ฝรั่งต่างชาติขายสุทธิ -1463.4 กราฟสะสมยังขายต่อเนื่อง

SET@12-06-2012

บันทึกสภาวะตลาดหุ้น รวบรวมข้อมูลกราฟดัชนี ปริมาณการซื้อขายประจำวันที่ 12-06-2012 วันนี้ตลาด 1162.93 +4.86 จุด ช่วงเช้าตลาดเปิดลบไปถึง 10 จุดตามตลาดอเมริกาและเอเซีย แต่ช่วงบ่ายค่อยๆไล่เด้งกลับขึ้นมาได้เรื่อยๆ และวิ่งแรงช่วงท้ายตลาดชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิด กราฟ Day ภาพรวมยังดูดีราคาปิดทะลุแนวต้าน 1153 ทะลุยอด high ก่อนหน้าได้ ยืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA15 เริ่มมีทิศทางความชันเป็นบวก แต่กำลังขับยังไม่ค่อยมีมาก กราฟ MACD ความชันเป็นบวก แต่ยังอยู่ใน Zone ต่ำกว่า 0 ระยะ Day ยังไม่เป็นแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจนนัก ประกอบกับด้านล่างมี GAP ที่เปิดข้าม zone เส้นค่าเฉลี่ยมา ทำให้แนวโน้มทิศทางนี้ยัง weak อยู่ บวกกับถ้าดูกราฟ 60 นาที จะพบทิศทางของ MACD มันอ่อนตัวลง แต่ถึงยังไงพรุ่งนี้ลุ้น SET ขึ้นทดสอบปิด GAP บนแถว 1167  ฝรั่งยังคงขายต่อเนื่องจากเมื่อวานอีก 1286.09 ลบ เช่นเดียวกันคือ สถาบันและบล. ยังคงซื้อสุทธิ ช่วยพยุงตลาดไว้ แนวโน้มกระแสเงินต่างชาิติยังไหลออกต่อเนื่อง แม้ดัชนียังบวกขึ้น

VAD (Variable_Accumulation_Distribution)

Variable Accumulation Distribution เป็นเครื่องมือประเภทสมการคณิตศาสตร์เชิงสถิติอีกตัวที่เป็นที่นิยมในการใช้วิเคราะห์การกระจายและการสะสมของปริมาณซื้อขาย โดยสามารถช่วยให้เรามองเห็นภาพของการสะสมและการะบายของหุ้น เพื่อช่วยยืนยันการเกิดแนวโน้มทิศทางต่างๆได้ VAD เป็นการนำเอาทั้งปริมาณซื้อขาย มาคำนวณร่วมกับราคาเปิดปิด สูงสุดต่ำสุด(OCHL)ในช่วงเวลานั้นๆ เพื่อให้ได้สัญญาณในลักษณะ OSCILLATOR เพื่อใช้ในการดูจังหวะการเปลี่ยนแปลงปริมาณซื้อขายเทียบกับราคา VAD เป็นดัชนีค่าเฉลี่ยที่ใช้ในการแกว่งตัวแบบ  OSCILLATOR  ของ Volume อีกอันที่มีการนำราคาปิด ราคาเปิดมาใช้ในการคำนวณ ณ ช่วงเวลานั้นมีเป็นตัวนิยามระยะสะสมและระยะกระจายหุ้น แนวคิดระยะสะสม VAD มากกว่า 0 เนื่องจากราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด ถ้า VAD น้อยกว่า 0 ราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด สมการการคำนวณ   VAD = MA([( Close  -  Open ) /( High   -  Low )] * Volume) การตีความหมาย 1. กรณี VAD มากกว่า 0 เกิดสัญญาณซื้อสะสมหุ้น 2. กรณี VAD น้อยกว่า 0 บอกถึงสัญญาณการกระจายหุ้น  3. พิจารณาแนวโน้มของ VAD โดยดูจากกราฟ VAD กรณีใช้เพื่อสร้างการยืนยันทิศทางราคา VAD มีทิศทางเดียวก

ทฤษฏีตาอยู่ กินพุงปลา

สมัยเด็กๆหลายท่านคงเคยได้ยินเรื่องราวของตาอิน ตานาและตาอยู่กันมาบ้าง ทั้งในแบบเรียนระดับประถม และจากเพลงฮิตติดหูสมัยก่อนอย่างเพลง"ตาอยู่"(ตาอยู่แว่นดำ) ของพี่ป้อม พี่โต๊ะ อัสนี-วสันต์ โชติกุล ก่อนอื่นสำหรับเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันยุคนั้น ผมขอยกเรื่องราวแบบฉบับย่อของนิทานตาอินกับตานาและตาอยู่ นิทานคลาสสิก ที่มีในแบบเรียนหนังสือไทยของสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ รศ 108 เรื่องเล่าคติสอนใจแต่อดีตมาเล่าให้ฟังกันก่อน เรื่องราวของตาอินกับตานา สองเพื่อนซี่ที่ออกหาปลาในหมู่บ้านมาด้วยกันตั้งแต่หนุ่ม จนวันหนึ่งปลาเหลือน้อย ตาอินกับตานาจึง ตัดสินใจแยกทางกันหาปลา โดยตาอินไปทางเหนือ ตานาไปทางใต้ ตกเย็นกลับมาตาอินไม่ได้ปลาเลยสักตัว ส่วนตานาได้ปลาตัวใหญ่มาหนึ่งตัว ด้วยความเป็นเพื่อนตานา แบ่งปลาให้ตาอยู่ครึ่งหนึ่ง ตานาจะเอาข้างหัว ให้ข้างหางกับตาอิน แต่ตาอินไม่ยอม อยากได้ส่วนหัว ส่วนตานาก็โกรธบอกว่าตนเป็นคนหามาได้ ต้องได้ส่วนหัว เกิดการถกเถียงกันใหญ่โต จนต้องหาคนกลาง ระหว่างนั้นตาอยู่กับจากในเมืองเดินผ่านมา หอบกระดาษปึกใหญ่จะเอาไปทำว่าวจุฬาขาย ตาอินเห็นว่าตาอยู่แต่ตัวดี ถือกระดาษปึกใหญ่เลยค

"สมาธิ" วิธีการฝึกจิตสำหรับนักลงทุน

เคยมีนักลงทุนคนหนึ่ง เจอผมในงานสัมนา ด้วยความที่จำชื่อได้ เลยเข้ามาทักทาย ระหว่างการสนทนามีคำถามหนึ่งที่เขาได้ถามขึ้นมาว่า "คุณคิดว่าคุณเล่นหุ้นเก่งหรือเปล่า" ผมตอบได้ไม่ยากเลยว่ายังไม่เก่งครับ เพราะคำว่า “เก่ง” นั้นแต่ละคนจะตีความต่างกันออกไปขึ้นกับการเปรียบเทียบ หรือจุดอ้างอิงในทรรศนคติของแต่ละบุคคล ผมเองไม่ใช่คนเก่งแต่ผมเป็นคนขยันมาก ผมชอบอ่านหนังสือและทำให้เมื่อมาสนใจเรื่องหุ้น เลยได้มีโอกาสอ่านหนังสือและตำราต่างประเทศทั้งแบบเล่มและแบบ pdf ที่หาอ่านได้ฟรีเยอะพอสมควร ทำให้พอจะรู้อะไรเยอะเกี่ยวกับระบบเทรดและการวิเคราะห์หุ้นเชิงเทคนิค จึงนำมาแบ่งปันกัน  แต่เรื่องหนึ่งที่ผมยังคิดว่าตัวเองยังต้องพัฒนาอีกมากคือเรื่องของการฝึกจิตใจ และการบริหารอารมณ์ไม่ให้มันเข้ามามีผลต่อการเล่นหุ้น เพราะบ่อยครั้งผมเองก็ยังไม่สามารถควบคุมตัวเองให้นิ่งได้ 100% ยังมีกิเลสที่มากวนใจทำให้เราออกนอกทางไปบ้าง แต่แน่นอนว่าขอบเขตยังชัดเจนคือยังไม่ทำให้ขาดทุนหรือเสี่ยงเกินตัว ดังนั้นถ้าจะเก่งได้จริงในมุมมองผม เราต้องฝึกหัดเรื่องของ “จิตใจ” มากๆ เรื่องนี้เราหลอกลวงหรือสร้างภาพไม่ได้ เพราะตัวเราย่อมรู้ตัวเร