ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

Two Centuries of Momentum

เช้านี้นั่งอ่าน paper เรื่อง Two Centuries of Momentum ของ Newfound Research (Quant Investment Firm) มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ โดยสรุป paper เขาเขียนถึง momentum strategies สไตล์ Buy High Sell higher นั้นแหละ แต่มิติในการเรียบเรียงนำเสนอไม่ใช่เรื่องกลยุทธ์อย่างเดียว ผู้เขียนนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับ momentum ทั้งแบบ cross-sectional และ time series momentum แสดงข้อมูลประวัติตั้งแต่ยุคเริ่มต้นในตลาดหุ้น Wall Street ย้อนไปสมัย David Ricardo, Charles H. Dow(1851) และนำเสนอถึงช่วงตกต ่ำที่ทำให้คนจำนวนไม่น้อยหันหลังให้กับการเก็งกำไรหลังสิ้นสุดช่วงตลาดกระทิง นอกจากนี้ยังรวมไปถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ Modern Portfolio Theory + EMH ,Technical Analysis, Market anomaly และ Risk Management สำหรับผมคิดว่าตอน Manage Risk ด้วย momentum น่าสนใจสุดแหละ อ้างอิงการจัดพอร์ตผสม equity index, currency, commodity และ bond futures บนกลยุทธ์ momentum ของ AQR ซึ่งผู้เขียนไปหาข้อมูลอ้างอิงจาก Academic paper ในยุคต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ Momentum Investing/Trading ได้หลากหลายดี เช่น paper คลาสิกสายนี้อย่าง Ret

จากเทรดเดอร์ทองคำสู่ชีวิตชาวไร่

อิสรภาพทางการเงิน คงไม่ใช่แค่มีเงินเยอะหลายร้อยล้านพันล้านจนใช้ไม่หมด แต่มันหมายถึงการมีอิสระที่จะใช้ชีวิตในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ มีเงินมากเพียงพอสนองตอบต่อรูปแบบชีวิตที่เราออกแบบเอง คนรู้จักหลายท่านรอบตัวผม อายุ 40 มีเงินระดับหนึ่งลาออกจากการเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลากันแล้ว ไม่ใช่ว่ารวยร้อยล้านแต่มีเงินพอที่จะบริหารรองรับการใช้ชีวิตไปยันแก่ ย้ายกลับบ้านเกิดไปทำงานอิสระใช้ชีวิตได้สบายๆ อาจจะไม่ได้อยู่หรู กินหรูหรือรวยแต่เขาก็เลือกใช้ชีวิตแบบที่ต้องการได้ บทความนี้เป็นอีกตัวอย่ างของการมีอิสรภาพทางการเงิน เขากล่าวถึง Graham Birch คนทั่วไปอาจจะไม่รู้จักชื่อเขา แต่ถ้าใครเทรดทองคำน่าจะคุ้นชื่อนี้ คุณ Graham Birch เป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Gold และตลาดคอมโมดิตี้สินแร่ เขาจบ Ph.D ด้านวิศกรรมเหมืองแร่ ทำงานด้านนี้มานานหลายสิบปีจนได้เป็น Portfolio Manager ที่ BlackRock บริหารเงิน $6.9 billion ของ BlackRock World Gold Fund และบริหาร BlackRock Agriculture Fund มีผลงานที่ดีต่อเนื่อง แต่แล้ววันหนึ่งปี 2010 ช่วงอายุ 50 ปีเขาก็ลาออกหนีกรุงลอนดอน มาเป็นชาวไร่ทำฟาร์มโคนมขนาด 2,300 acres ในเมือง Dorset เขตช

Andrew Krieger: Legendary Forex Trader

วันนี้ได้อ่านหนังสือ The Money Bazaar เรื่องราวเกี่ยวกับ Andrew Krieger เป็นตำนานเทรดเดอร์ค่าเงิน อีกคนที่โด่งดังในอดีต เลยจะนำประเด็นสำคัญมาแชร์ให้ฟัง Andrew Krieger เริ่มทำงานเป็นเทรดเดอร์ให้กับ Salomon Brothers ทำผลงานได้ดีมีชื่อเสียง จนถูกซื้อชักชวนมาทำงานให้กับ Bankers’ Trust ในปี 1986 ซึ่งด้วยผลงานที่ดีทำให้บอร์ดอนุมัติวงเงินเทรด $700 million ซึ่งถือว่าเป็นเทรดเดอร์ค่าเงินที่มีวงเงินเทรดสูงกว่าเทรดเดอร์ทั่วไปในบริษัทมากทีเดียว(ในวัย 30 ต้นๆ) เขามาสร้างชื่อเป็นตำนานจาก การถล่มค่าเงิน Kiwi หรือ New Zealand dollar (NZD) ในช่วง Black Monday ปี 1987 ที่ตลาดหุ้นสหรัฐถล่มรุนแรงกว่า -22% ตามด้วยการ panic และการตกลงของค่าเงิน USD ผู้เล่นในตลาดกลัวที่ถือค่าเงิน USD ก็ทำให้ค่าเงินสกุลต่างๆดีดตัวขึ้นสูง เช่นเดียวกับ NZD การบวกรุนแรงทำให้เกิด short-term overvalue โดย คุณ Krieger มองไปที่ New Zealand ประเทศเศรษฐกิจขนาดเล็กกว่าสหรัฐมาก และมีความอ่อนแอ แต่ด้วยความไม่ปกติของสถานทำให้ค่าเงิน New Zealand dollar แข็งค่ามากกว่า US dollar Andrew Krieger ใช้ currency options (Leverage 400:1

Bootstrapping Method approach to System Evaluation

ขยายความจากการบรรยายเมื่อวาน เรื่องการพัฒนาระบบเทรด ปัญหาที่พบคือระบบที่ทำการทดสอบ Back testing ต่อให้ค่าสถิติออกมาดีแค่ไหน หรือทำกับข้อมูลย้อนหลังมากเพียงใดก็ยังไม่สามารถการันตรีว่าระบบจะทำเงิน หรือรอดในตลาดได้จริง 100% ดังนั้นการทำ Forward Testing ปล่อยให้ระบบเทรดเงินจริงในตลาดจริง(บนสภาวะแวดล้อมข้อจำกัดจริงทั้งเรื่อง liquidity , slippage และอื่นๆ) จะทำให้ได้ผลการประเมินที่สอดคล้องกับความจริงมากขึ้น สำคัญมากต่อการประเมิน  ความเสี่ยง ก่อนเริ่มใช้การเทรดบนเงินทุนจริงเต็มรูปแบบ แต่การทำ Forward Testing ของเทรดเดอร์ก็มีข้อจำกัดเรื่องของเวลา และเงินทุนทำให้อาจจะเก็บข้อมูลส่วนนี้ได้น้อย ค่าสถิติที่นำมาประเมินอาจจะมีนัยยะสำคัญไม่เพียงพอ ตรงนี้ Bootstrapping Method เข้ามามีบทบาทและเพิ่มผลการประเมินระบบ บนค่าความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นได้ ซึ่งในตัวอย่างผมทำ Bootstrapping กับข้อมูล trading data ที่ได้จาก forward testing เพื่อประเมินหา risk ในระบบเทรด ก่อนนำไปปรับปรุง หรือวางแผนเพิ่มเติมในการใช้งานเทรดจริงต่อไป(งานนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการ simulation เพื่อ predict future แต่อย่างไร อย่าเข้าใ

13 Things You Should Give Up If You Want To Be Successful

วันนี้ได้อ่านบทความ 13 Things You Should Give Up If You Want To Be Successful รวบรวมโดยคุณ Zdravko Cvijetic ผมอ่านจบแล้ว รู้สึกว่าดีและคิดว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อหลายคนเลยอยากเอาโน๊ตสรุปย่อมาแชร์ไว้ 1. ละทิ้งวิถีชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ -นอนให้เพียงพอ กินอาหารที่ดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 2. เลิกวิธีคิดแบบหวังผลระยะสั้น - วางเป้าหมายระยะยาว โฟกัสในการทำให้สำเร็จ อย่าเห็นกับความสุขระยะสั้น ฉาบฉวย 3. เลิกคิดเล็ก หัดคิดการณ์ใหญ่ - ฝันใหญ่แต่เป็นจริงได้ กล้าวิ่งเข้าหาโอกาส แล้วใช้ศักยภาพของตัวเราให้เต็มที่ 4. เลิกหาข้ออ้างหรือกล่าวโทษสิ่งต่างๆ -คนที่ประสบความสำเร็จ ทุกคนกล้าที่ลงมือทำแล้วยอมรับกับความผิดพลาดที่เกิด เรียนรู้จากความล้มเลวและจุดอ่อนของตัวเอง เพื่อปรับปรุงให้ดีในอนาคต 5. เลิกยึดติดกับความคิดเฉพาะตัว (Fixed Mindset) -เปิดกว้าง รับฟัง เรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ ตลอดเวลา สร้าง growth mindset 6. เลิกมองหาทางลัด เชื่อในปาฏิหาริย์(Magic Bullet) - เลิกงมงายกับทางลัดนำมาซึ่งความสำเร็จในเวลาข้ามคืน - ผู้ที่ประสบความสำเร็จ คือคนที่ทำงานหนัก จริงจังและพยายามอย่างต่อเนื่อง อาจจะเริ่มจากการทำส

How to become a Python coder at a top hedge fund

คำถามยอดนิยมอันหนึ่งคือถ้าจะหัดเขียนโปรแกรมด้าน Quant แบบจริงจังควรเลือกภาษาอะไร เพื่อไม่ให้ bias จากมุมมองส่วนตัวผมจะขอยกคำแนะนำจาก บทความ How to become a Python coder at a top hedge fund เป็นการสัมภาษณ์จากคุณ Gary Collier ตำแหน่ง CTO ของ Man AHL Man AHL เป็น Quant hedge fund อันดับต้นของโลกมี AUM $24bn เป็นอีกบริษัท Quant Fund ที่แถวหน้าของโลก ที่มีบทบาทและผลงานด้านนี้อย่างจริงจังต่อเนื่องมากหลายสิบปี มีการเผยแพร่ตัว opensource tools ที่สนับสนุนการวิเคราะห์ข้อมูลด้าน fina nce และ time series data เช่นเดียวกันถ้าจะศึกษาด้าน Machine Learning (โดย research เฉพาะ Bayesian approach ) แนะนำให้ลองไปศึกษาได้จาก paper งานวิจัยของบริษัท ในบทความคุณ Gary Collier แกแนะนำภาษา Python ซึ่งเป็นภาษาที่มีจุดแข็งในงานด้าน Data Science และเป็นเครื่องมือสำคัญของ Quant Research (mathematical, statistical and machine learning ) นอกจากนี้ Man AHL ยังจัดงานแข่งขัน Hackathon เพื่อหาโปรแกรมเมอร์ python และ Data scientist เข้าร่วมทำงานในบริษัท อย่างต่อเนื่อง ในบทความ คุณ Gary Collier บอกว่าเขาสนใจที่ค

Trading strategies

เมื่อวานมีคำถามหนึ่งเข้ามาทางกล่องข้อความ เรื่องเกี่ยวกับการเปรียบเทียบกลยุทธ์การเทรด ดูเหมือนน้องเทรดเดอร์คนนี้กำลังพยายามจะหากลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการทำเงินในตลาดอยู่ แต่ก็เหมือนที่ผมเคยแนะนำไปหลายครั้ง ว่าทุกกลยุทธ์การเทรดมันมีทั้งข้อดีข้อเสีย สิ่งสำคัญคือเปิดใจ ทำความเข้าใจมันอย่างแท้จริง เลือกกลยุทธ์ที่เหมาะกับตัวเรา (ไม่ใช่จะลอกหรือทำตามคนอื่นๆอย่างเดียว) จากนั้นศึกษา ข้อจำกัดข้อด้อย เพื่อหาทางจัดการ รับมือกับข้อจำกัดนั้นๆ ส่วนตัวผมทำระบบเทรดที่ใช้ Robot trading เป็นหลักท ำให้ในพอร์ตเรามีการรันระบบด้วย trading strategies ที่หลากหลายเพื่อทำการ research และพัฒนาผลการทำงานในภาวะตลาดจริงที่เกิดตรงนี้ทำให้เข้าใจข้อจำกัดของแต่ละกลยุทธ์ดีขึ้น มันไม่ได้สวยหล่อ สมบูรณ์แบบ 100%เหมือนที่นิยมโฆษณากันหรอกครับ นอกจากนี้กรณีต้องการติดตามว่ากลยุทธ์การเทรดใดๆ มีผลการทำงานได้ดีมากน้อยเพียงใด อาจจะลองอ่านบทความศึกษาในต่างๆประเทศ อย่างเช่นวันนี้แนะนำบทความของ eurekahedge เขาติดตาม performance รายปีของ Hedge Fund ขนาดใหญ่และกลาง(AUM มากกว่า $100M) ที่ใช้กลยุทธ์การเทรดแบบต่างๆ ตั้งแต่ช่วงป