ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มิถุนายน, 2012

เรียนรู้การวิเคราะห์เทคนิคอล ด้วย Chartgame

ข้อดีอย่างหนึ่งของการได้ทำเว็บไซต์นี้เพื่อได้แบ่งปันเรื่องราวความรู้ๆต่างๆออกสู่สังคมนักลงทุน ทำให้เกิดการเรียนรู้ร่วมกัน หลายเรื่องที่ผมเองเขียนออกไปแล้วมี feedback กลับเข้ามาที่ทั้งการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การแนะนำ และติชม ทั้งทาง email และทางหน้า fanpage นั้นเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุดในการทำเว็บไซต์นี้ การที่ได้เขียนได้ถ่ายทอดเรื่องเทคนิคและองค์ความรู้ต่างๆ มันทำให้ผมพร้อมที่จะเปิดรับและเรียนรู้อะไรใหม่ๆเพิ่มเติมตลอดเวลา ทำให้ไม่ติดกับก้อนความรู้ที่ตัวเองได้ศึกษามาก่อนหน้า ผมเองก็ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างจากเพื่อนๆสมาชิก อย่างเช่นเรื่องราวที่นำมาเสนอวันนี้ วันนี้ขอเขียนถึง Chartgame เป็นโปรแกรมที่คุณ @Afivesix Cgsteam เพื่อนสมาชิกแนะนำเข้ามาทาง fanpage ซึ่งเป็นโปรแกรมที่มีประโยชน์ในการเรียนรู้เทคนิคอลมาก หลังจากได้ทดลองเล่นอยู่  หลายชั่วโมง รุ่งเช้าผมจึงได้นำมาเขียนรีวิว วิธีการเล่นเบื้องต้นให้เพื่อนๆอ่าน เพื่อที่จะได้ทดลองใช้และศึกษาต่อไป  Chartgame  เป็นโปรแกรมจำลองการซื้อขายหุ้น ที่ทำให้เราได้เรียนรู้การใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ทางเทคนิค(Technical analysis) โดยใช้ข้อมูลหุ้น bigcap ใน

SET@28-06-2012

บันทึกสภาวะตลาดหุ้น รวบรวมข้อมูลกราฟดัชนี ปริมาณการซื้อขายประจำวันที่ 28-06-2012 ตลาดหุ้นไทย ปิดบวก 5.34 จุดที่ 1171.32 ในช่วงเช้า volume ค่อนข้างบางเบา หลังจากเปิด GAP จากราคาปิดเมื่อวาน  ภาคบ่ายมา เริ่มคึกคักไม่แพ้การแข่งขันวอลเลย์บอลของทีมสาวไทยกับสาวอเมริกัน มีแรงขายเริ่มต้นกดดัชนีลงไปที่ 1160.75 ลบไปเกือบ 7 จุดทำเอาเสียว แต่แล้วก็กลับมีแรงซื้อต่อเนื่องเกือบ 1 ชั่วโมง ลากดัชนีขึ้นมาทำบวกทำจุดสูงสุดที่ 1178 ก่อนจะย่อตัวลงปิดที่ 1171.32  กราฟ 30 นาทียังแจ่ม ราคากลับมายืนเหนือเส้น EMA15 แบบ bullish หลังจากลงไปปิด GAP ช่วงเช้าแถว 1165 จากนั้นเด้งต่อเนื่อง ความชันของเส้น EMA15 ยังเป็นบวกต่อเนื่องวันที่ 3 ค่า MACD อยู่ใน zone บวกแต่เริ่มชะลอตัว ครึ่งชัวโมงท้ายก่อนปิดตลาดมีแรงขายเข้ามาทำให้ปิดแท่งแดง พรุ่งนี้ลุ้นแนวต้าน 1175 และ 1180 มีแนวรับ 1160  ภาพรวมกราฟ Day ยกตัวราคาปิดเหนือเส้น EMA15 แต่ยังแกว่งกรอบ 1143 - 1180 MACD อยู่ใน zone บวก ปลายเส้นเริ่มผงกหัว เส้นมีความชันมากขึ้น กราฟซื้อสะสมของต่างชาติความชันยังเป็นลบแต่เริ่มมีการชะลอการลงและยกตัวทดสอบเส้น EMA10 วันนี้ฝรั่งต่างชาติกลับมาซ

ทฤษฎีกบต้ม (The Boiled Frog Theory)

เคยได้ยินคำกล่าวของนักลงทุนรุ่นแรกที่ว่า "ถ้าจะเอาตัวรอดจากตลาดหุ้นได้นั้น จำเป็นต้องใช้สัญชาติญาณ" เพราะสัญชาติญาณ เป็นตัวที่บอกเราว่าเมื่อไหร่ไม่น่าวางใจ เมื่อไหร่ที่อันตรายหรือ เมื่อไหร่ที่โอกาสดี แต่ทว่าสัญชาติญาณนั้นไม่ได้เกิดจากการเสียเงินไปอบรม หรือสามารถซื้อหนังสือมาอ่าน แล้วก็จะมี แต่สัญชาติญาณเกิดจากการการสั่งสมชั่วโมงบิน หรือสะสมประสบการณ์ในตลาดหุ้น  การจะวัดว่าใครเก่งหรือไม่เก่ง นั้นไม่ได้ดูที่การพูด ดูที่การนำเสนอตัวเอง ของคนนั้น จริงๆแล้วต้องดูที่ประสบการณ์ ชั่วโมงบิน ซึ่งความรู้และประสบการณ์มันจะตกผลึก ออกมาเป็นวิธีคิดและทัศนคติ มันจะฉายแสงความโดดเด่นหรือความสามารถของตัวตนออกมา เป็นไปไม่ได้เลยที่คนเพิ่งหัดเล่นหุ้นได้ 1 ปีจะเก่งกว่าคนที่เล่นหุ้นทุกวัน 10 ปี ต่อให้ไอคิว 180 จะเป็นอัจริยะ จบดร. จบเมืองนอกหรืออะไรก็ตาม การเอาตัวรอดของมือใหม่ที่เพิ่งเขามาในสนามนี้ยังไงเสียก็ยังไม่ครบถ้วน ที่สำคัญยังถูกหลอก ถูกชักจูงด้วยกลวิธีต่างๆในตลาดหุ้น  ทฤษฏีหนึ่งที่ทำให้แมงเม่า โดยเฉพาะมือใหม่ขาดทุนมากๆนั้นคือ ทฤษฏีกบต้ม รูปแบบการทำให้ดูเหมือนจะช่วยเหลือ แต่เอาเปรียบ ดูเหมือนก

SET@26-06-2012

บันทึกสภาวะตลาดหุ้น รวบรวมข้อมูลกราฟดัชนี ปริมาณการซื้อขายประจำวันที่ 26-06-2012 ตลาดหุ้นไทย ปิดบวก 3.66 จุดที่ 1151.09 ในช่วงเช้า volume ค่อนข้างบางเบา ช่วงบ่ายมีแรงซื้อเข้ามาลากดัชนีให้ยกตัวขึ้น และถูกเทขายหลังปิดตลาด ภาพรวมยังดูชะลอตัวแกว่งแถว 1150  กราฟ 30 นาทีแสดงการแกว่งตัวในกรอบ sideway โดยดัชนีอยู่ในกรอบเดิมแถว 1160 - 1146 ราคาปิดเลี้ยงตัวไม่หลุด เส้นค่าเฉลี่ย EMA20 ได้ ครึ่งชั่วโมงท้ายของวันมีแรงซื้อเข้ามาสนับสนุน ยกดัชนีปิดเหนือ 1150 กราฟ Day ดัชนียังแกว่งตัวแคบในกรอบ  แนวรับ 1143 ซึ่งเป็นแนว GAP ก่อนหน้า เส้น EMA 15 ความชันต่ำ นอนนิ่ง แท่งเทียนสั้น ราคาปิด ยังอยู่ต่ำแนวเส้น EMA15 และ AVGHL ตัด EMA15  ค่า MACD มีแนวโน้มความชัดลดลง โดยค่า Histogram เข้าใกล้ 0  บ่งบอกการแกว่งตัวแคบย่อลง(sideway down) มีแนวต้านแรกที่ 1160 แนวรับที่ 1143 กราฟการซื้อสะสมของต่างชาติความชันยังเป็นลบ ทิศทางแนวโน้มขาลงต่อเนื่อง 33 วันนี้ฝรั่งต่างชาติขายสุทธิ -922.9 ลบ.

Average Directional Index (ADX)

ตลาดซึมๆไซด์ๆ ไร้แนวโน้มที่ชัดเจนแบบนี้ คงจะดีไม่น้อยถ้าเรามีเครื่องมือที่สามารถจับกำลังของแนวโน้ม เพื่อนิยาม ความชัดเจนและแข็งแรงของแนวโน้มราคาหุ้นได้ วันนี้ผมจึงขอมาเขียนถึงเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค ดัชนีราคา ที่ชื่อ Average Directional Index (ADX) ดัชนีราคาตัวนี้ค่อนข้างเป็นที่นิยม ใช้งานง่ายและมีประสิทธิภาพดี สามารถใช้งานได้ทั้งกรอบเวลาเล็กและใหญ่ เป็นเครื่องมือคู่ใจเทรดเดอร์หลายคน Average Directional Index (ADX) พัฒนาโดยคุณ Welles Wilder ตั้งยุคก่อนจะมีคอมพิวเตอร์เสียอีก ADX เป็นเครื่องมือสำหรับการวิเคราะห์ทางเทคนิคอีกตัวที่นิยมใช้เพื่อวัดความแข็งแรงของแนวโน้ม ในระยะเล็ก กลาง ใหญ่ โดยเป็นการเฉลี่ยค่าของ Directional Movement Index(DI) ถ้าจะให้เข้าใจต้องลองเจาะลึกถึงสูตรสมการ โดย DM(Directional Movement) จะเป็นโมเดลคณิตศาสตร์ที่คำนวณจาก การเปรียบเทียบช่วงราคาสูงสุดต่ำสุดของปัจจุบัน(T) และช่วงราคาสูงสุดต่ำสุดของเวลาก่อนหน้า(T-1) โดยถ้า DM เป็นบวก(+DM)แสดงว่า ราคาของปัจจุบันสูงขึ้นกว่าราคาของช่วงเวลาก่อนหน้า และถ้า DM เป็นลบ(-DM)แสดงว่า ราคาของปัจจุบันสูงขึ้นกว่าราคาของช่วงเวลาก่อน

Trading System Idea : Red Light Green Light System

เคยตั้งคำถามกับเพื่อนๆสมาชิกที่ติดตามเว็บของผม ว่าอยากให้นำเสนอเนื้อหาแนวไหนให้อ่านบ้าง พบว่าจำนวนไม่น้อยที่อยากอ่านเรื่อง Trading System โดยอยากให้นำไอเดียมาแนะนำ โดยส่วนตัวผมศึกษาและวิจัยระบบพวกนี้อยู่แล้ว เลยคิดว่า น่าจะนำไอเดียที่เจอ มาแบ่งปันให้เพื่อนๆลองไปศึกษาหรือทดสอบต่อได้ ดังนั้นวันนี้ของเอาระบบยอดนิยมหนึ่งที่น่าสนใจมาฝาก ระบบเทรดที่ว่านี้ชื่อ "Red Light Green Light System" พัฒนาโดยคุณ vincejg327 ผมนำมาจาก "Forex Trading Systems Hall of Fame" ของ babypips.com โดยเราสามารถเรียนรู้ algorithm trade จากพวกนี้ได้ เพราะในกลุ่ม forex เป็นสังคมที่มีเทรดเดอร์เก่งๆเยอะ และมีการวิจัยพัฒนาระบบเทรดอย่างจริงจัง เราสามารถเรียนรู้และนำมาศึกษาต่อ ปรับใช้กับการลงทุนในหุ้นหรืออนุพันธ์ได้ บนพื้นฐานของความเข้าใจ (ไม่ใช้การลอกมาใช้) "Red Light Green Light System" เป็นระบบประเภท Treand Following บน Timeframe 15 นาที โดยคุณ ทำการทดสอบกับข้อมูล EUR/USD เป็นเวลา 6 เดือน ใช้เครื่องมือทางเทคนิคคือ EMA9, ADX14(level 20), ATR14 ซึ่งมีตรรกะในการเทรดดังนี้ Entry Rules

Risk Reward Ratio

คำว่า “การลงทุนมีความเสี่ยง” เป็นคำที่ผมเชื่อว่านักลงทุนทั่วไปคุ้นหู และมักจะได้รับข้อความนี้จากการชี้ชวนการลงทุนต่างๆ แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาดหุ้น มักละเลย เพราะมันจับต้องไม่ได้หรือมองไม่ค่อยเห็นความเสี่ยงก่อนการลงทุนจริงๆ บวกกับคำพูดทัศนคติแปลกๆที่ฝังหัวว่า "ไม่ขายไม่ขาดทุน" ไม่ขาดทุนก็ไม่เสี่ยง  มันจึงทำให้เกิดการประมาทหรือละเลยในความเสี่ยงที่จะเกิดนั้น และไดรฟ์การลงทุนด้วยกำไรที่ตนเองอยากจะได้เพียงอย่างเดียว ความเสี่ยงรวมในหุ้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆคือ ความเสี่ยงที่เป็นระบบ(Systematic risk) และ ความเสี่ยงที่ไม่เป็นระบบ(Unsystematic Risk) โดยความเสี่ยงเป็นระบบ เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากปัจจัยภายนอกตัวหุ้น ได้แก่ความผันผวนของตลาด ความผันผวนของกลุ่มอุตสาหกรรม ความผันผวนของกระแสเงินต่างชาติ เป็นต้น ซึ่งความเสี่ยงตัวนี้ แสดงออกชัดเจนและมีความต่อเนื่องในรูปแบบของกราฟ มีลักษณะเป็นแนวโน้มและมีทิศทางที่ชัดเจน และเกิดในลักษณะเดียวกันกับหุ้นอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน  ความเสี่ยงไม่เป็นระบบ เป็นความเสี่ยงที่เกิดเฉพาะกับตัวธุรกิจ หรือเกิดเฉพาะกับหุ้นนั้นๆ เช่นไฟไหม้โรงงาน, ผลประกอบการขา

ควาสำเร็จในชีวิต ชัยชนะเล็กๆใกล้ตัวเรา

ปัจจุบันเรามักค่าคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตจาก ตำแหน่งหน้าที่ ชื่อเสียง ทรัพย์สิน เงินทอง รถที่ขับ บ้านที่อยู่อาศัย ซึ่งใครมีมาก ยิ่งประสบความสำเร็จ ทำให้ต่างคนต่างพยายามไขว้ขว้าหามันมา ในทุกวิถีทาง จนบ่อยครั้งก็หลงผิด อยากรวยเร็วอยากได้เร็วๆ ยอมทุจริต ทำผิดกฏหมาย หรือบางครั้งก็ยอมแลกการครอบครองวัตถุ กับหน้าตา บารมี เพื่อให้ได้การยอมรับจากคนรอบข้าง แต่ข้างในจิตใจกับไม่มีความสุข ไม่มีความสงบที่แท้จริง ถ้าเราเป็นคนธรรมดาสามัญ เป็นชนชั้นกลาง เป็นมนุษย์เงินเดือน ที่ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับนามสกุลใหญ่โต หรือมีมรดกมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย โอกาสที่เราจะพบความสำเร็จในนิยามแบบนั้นถือว่าเป็นไปได้ยาก บางคนถึงท้อถอดใจ ยอมรับโชคชะตา ใช้ชีวิตไปวันๆแบบไม่มีเป้าหมาย บางคนก็สุดโต่งเสพวัตถุนิยมเพื่อมาเติมเต็มช่องว่างในจิตใจ แต่แท้จริงแล้วกับเผชิญกับความทุกข์จากการใช้จ่ายที่เกินตัว ผมเชื่อว่าจริงๆแล้วไม่ว่าจะเป็นคนจน เป็นคนธรรมดาสามัญแบบชนชั้นกลาง ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ทั้งนั้น เพียงแต่การตั้งเป้าหมายของความสำเร็จ อาจจะไม่ต้องไปยึดติดกับวัตถุ แต่ควรมุ่งเน้นที่ใจความสำคัญ ของการประสบความสำเร็จ นั้นคือ กา

SET@18-06-2012

บันทึกสภาวะตลาดหุ้น รวบรวมข้อมูลกราฟดัชนี ปริมาณการซื้อขายประจำวันที่ 18-06-2012 เช้าเปิดตลาดหุ้นไทย ทะยานบวก 13 จุดทะลุแนวต้าน 1180 รับผลการเลือกตั้งของกรีซ ที่พรรค ND ฝ่ายรัฐบาลเก่า ชนะการเลือกตั้ง สามารถจัดตั้งรัฐบาลผสม ปิดครึ่งเช้าบวกได้ 9 จุด ครึ่งบ่ายหนังคนละม้วน แรงขายถล่มขยมหุ้นใหญ่ปิดลบ 2.32 จุดที่ 1163.41  กราฟ 30 นาทีแสดงการย่อตัวลงแบบมีนัยยปิด GAP ถึง 2 ช่องที่เคยสร้างเอาไว้โดยดัชนีหลุดแนว 1176 ร่วงลงต่อเนื่องปิด GAP แรกและหลุดแนว 1168 หลุดเส้น EMA20 ด้วยแท่งเทียนแดงยาว พร้อมแรงขายต่อเนื่อง ลงไปปิด GAP สองที่ 1161 ทดสอบแนว 1160 แล้วก่อนเด้งกลับมาปิดที่ 1163.41  กราฟรายวัน Day เกิดแท่งแดงยกตัว แต่แนวโน้มและความชันยังไม่เสีย ดัชนีทดสอบแนวต้าน 1180 เป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์ ยืนไม่อยู่แต่ยังปิดเหนือเส้นแนวรับ 1156 ได้  โดยค่า MACD ระยะ 30 นาที ปิดใน Zone ลบ(MACD < 0) ความชันของปริมาณซื้อขายต่ำ บ่งบอกการชะลอตัวของแรงซื้อ กระแสเงินยังไม่กลับเข้าซื้อหุ้น กราฟการซื้อสะสมของต่างชาติยังเป็นลบ วันนี้ฝรั่งต่างชาติขายสุทธิ -875.46 ลบ.

เทรดหุ้นอย่างไรให้หลับสบายไร้กังวล

เมื่อเช้าผมได้คุยกับเพื่อนนักลงทุนคนหนึ่ง บอกว่าช่วงนี้นอนไม่ค่อยหลับ เพราะกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ของยุโรป ยิ่งเมื่อคืนรอลุ้นผลเลือกตั้งกรีซยังตีสาม จบลงด้วยดี แต่พอล้มตัวลงนอนก็นอนไม่หลับพลิกซ้าย พลิกขวา กังวลว่าตลาดหุ้นจะบวกหรือลบ หุ้นในพอร์ตจะกำไรหรือขาดทุน จิตใจไม่สงบกระทบกับการดำเนินชีวิต ดูเหมือนอาการแบบนี้มือใหม่จะเคยสัมผัสมาไม่มากก็น้อยโดยเฉพาะยิ่งถ้ากำลังเผชิญกับภาวะขาดทุนจนจิตตก หรือความไม่แน่นอนในการทำกำไร คนที่เล่นหุ้นเก็งกำไร ไม่มีหรอกครับที่วันไหนจะไม่คิดถึงหุ้น ทั้งหุ้นในพอร์ตที่ตัวเองถือ หุ้นตัวต่างๆที่คิดว่าจะมา คิดว่าจะต้องซื้อ หรือแม้แต่หุ้นที่ขายหมู หรือขายขาดทุนไปแล้ว เมื่อเราเล่นหุ้น จิตของเราได้ผูกติดกับหุ้นไปแล้ว จะดีหรือร้ายเราก็ต้องอยู่กับมัน แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องทำให้ได้คือ เราต้องควบคุมจิตให้อยู่ อย่าปล่อยให้ความกังวล ความโลภ ความกลัว หรืออารมณ์ที่เกิดจากการเล่นหุ้น เข้ามามีบทบาทกับชีวิตเรา หรือเข้ามามีบทบาทกับการตัดสินใจของเรา ถ้าเกิดคิดถึงหุ้นตลอดเวลาทั้งเวลา กิน เวลานอน เวลาเดิน เวลาขับรถ เวลาอาบน้ำ แบบนี้มีปัญหาแล้ว เพราะจิตเราจะไม่ว่าง ไม่สงบ ปัญญาที่แ

ความสำคัญของการบริหารจัดการเงิน

มีคำกล่าวของนักปราชญ์จีนท่านหนึ่งว่า ปัญหาทุกอย่างจะไม่เกิด ถ้าหากมีการบริหารจัดการ แต่ถ้ามองรอบๆตัวเราจะพบว่า เรากำลังรอให้ปัญหาเกิด และหาทางแก้ปัญหา แบบเฉพาะหน้าทีละปัญหา ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ การแก้ปัญหาหนึ่งกับไปสร้างปมปัญหาที่สอง ที่สามตามมา อีกไม่รู้จบ ถ้านึกไม่ออกลองมองปัญหาต่างๆในสังคม หรือจะเอาเรื่องน้ำท่วม มาเป็นกรณีศึกษาก็ได้ครับ จะพบเลยว่า ปัญหามันไม่ได้ถูกขจัดออกไป หรือถูกจัดการโดยแท้จริง แต่กับเน้นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้รอดพ้นวิกฤตไปเท่านั้น นักปราชญ์หรือคนที่มีปัญญา เขาจะให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการมากกว่า การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ผมเอาเรื่องนี้มาพูดเพราะในโลกของการลงทุน เรามีโอกาสจะพบปัญหาต่างๆมากมาย สารพัด แต่ปัญหาใหญ่ที่ทำให้เราล้มเหลว นั้นคือ ความเสี่ยง ดังนั้นการบริหารจัดการเงินทุน นั้นก็คือ เครื่องมือสำคัญในการลดความเสี่ยง หรือจำกัดวงของความเสี่ยง ให้เบาบางลง (แน่นอนว่าคงไม่สามารถทำให้หมดไปได้)  ผมเองพบว่านักลงทุนในหุ้น ส่วนใหญ่มักชอบและเพลิดเพลินต่อกำไร สนุกกับการได้เงิน จนมุ่งไปหาแต่หนทางทำกำไรสูงสุด จากนั้นก็นำผลที่ได้มาอวดกัน ได้ค่ากับข้าวเท่านั้นเท่านี้