ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มกราคม, 2015

ล้มเหลวไม่ล้มเลิก

สาเหตุหลักที่ คนส่วนใหญ่ล้มเลิก จากความตั้งใจเดิมๆ คือ ความล้มเหลว ผมเห็น คนจำนวนมาก ที่เริ่มต้นเข้ามาในตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์ ตลาดเก็งกำไร ด้วยความฝันอันยิ่งใหญ่ อยากประสบความสำเร็จ อยากมีอิสรภาพทางการเงิน(ฮิตมากคำนี้) ช่วงแรก ก็สนุก ดูกระตือรือร้น อยากทำได้ อยากรวย แต่แล้ว ไปไม่ถึงฝัน ขาดทุน เจ็บปวด ท้อถอย  หันหลังออกจากตลาดไป บ้างก็ติดดอย คอยรัก กลายสภาพเป็นนักลงทุนในหุ้นไร้คุณค่ากันไป(เพราะตอนเข้าไม่ได้ดูพื้นฐาน จะเข้าไปเก็งกำไร พองานเลี้ยงเลิก ก็ตัดขาดทุนไม่ทัน ถัวเฉลี่ยจนหมดเงินแล้วก็เฝ้าดอย) ปิดจอไม่ดูราคา หันหน้าไปทำงานประจำกันต่อไป เหลือไว้แต่ความฝังใจและทัศนคติที่ไม่ดี   มันก็เป็นเช่นนี้ ตลอดมาและตลอดไป ผมอยู่ตรงนี้มาหลายปี เจอมือใหม่ จำนวนไม่น้อยที่เข้ามาออกไป ในเวลาไม่ถึง 1 ปี  ส่วนใหญ่จะเป็นทรงเดียวกันหมด คือ 1. อยากรวย แต่ไม่อยากขาดทุน  2. อยากเก่ง แต่ไม่อยากเรียนรู้ ไม่อยากลำบาก 3. อยากได้หน้า แต่ไม่ชอบยอมรับความผิดพลาด พอคุณสมบัติครบ บวกกับความโลภ ความคะนอง และเกมส์จิตวิทยาตลาด ที่เจอเข้าไปสุดท้ายไม่ถึงปี เงินที่มีเท่าไหร่ก็หมด ไม่ได้หม

Nonsystematic Risk :Franc Surge

ความเสี่ยงจากการไม่รู้อนาคตนี้เป็นเรื่องที่ อันตรายมากสำหรับ เทรดเดอร์ ไม่วาคุณจะเก่งแค่ไหน แต่สุดท้าย อนาคตเป็นเรื่อง ที่ยากจะคาดเดา เขียนเรื่องนี้บันทึกเรื่อง ปรากฏการณ์ สวิตฟังซ์ CHF เอาไว้เพราะมันคือ ประสบการณ์ในรอบหลายปีที่เกิด กับการเทรดของผม ยอมรับว่าไม่เคยเจอ effect จากข่าวที่ผิดคาด มาเซอร์ไพร์สตลาดและทำให้ ราคาวิ่งแบบถล่มขนาดนี้ ประเด็นที่เกิดมาจากข่าว Swiss National Bank (SNB) ยกเลิก minimum exchange rate ที่ 1.20 / ยูโร กับ การปรับอัตราดอกเบี้ยชนิดที่พรวดเดียว จาก -0.25% ไป -0.75% ข่าวนี้ออกมาช๊อคตลาด เรียกว่า USDCHF และ EURCHF ร่วงหนักทำจุดต่ำสุด แบบรวดเร็วในเวลาไม่ถึง 20 นาที และทำจุด low ที่ทำให้ระบบรวน และเสียหายอย่างน่ากลัว บางโบรกนี้หยุด การซื้อขายไปชั่วขณะเลย  ดูจากภาพจะเห็นความโหด และเร็ว กดกันไปเกิน 3000 pip ในเวลาไม่ถึง 20 นาที  สิ่งที่ตามมาก็ป่วนสิครับ แม้จะมี รีบาวน์ยกกลับมาได้เกินครึ่ง แต่ก็ลดลงหนักมากกว่า 2000 pip  เป็นการปรับตัวที่รุนแรงและ high volatility มากที่สุด ที่ผมเคยเทรดมา งานนี้ทำเอา EA ของผมหลายตัวร

หนังสือแจกฟรี :Yearbook2014 บันทึกเส้นทางเทรดเดอร์

ถ้าเปรียบชีวิต เป็นเหมือนหนังสือ ทุกวันของการใช้ชีวิตก็คือการเขียนหนังสือ ลงไปทีละหน้า ใน 1 ปีเราพบเจอสิ่งใหม่ๆทั้งดีและร้ายเข้ามาตลอด บางเรื่องก็ทำให้เราสุขหัวใจพองโต บางเรื่องก็ทำให้ทุกข์ สุดแสนเศร้า แต่สุดท้ายแล้วมันก็คงเป็นแค่อีกวัน ที่ผ่านเข้ามาแล้วผ่านไป แน่นอนว่าคงจะดีไม่น้อยถ้าเราเรียนรู้แล้วจดบันทึก จากสิ่งต่างๆเหล่านั้น เพราะในทุกวันเวลามันเหมือนเราได้สั่งสมประสบการณ์และได้เติบโต ผมเองโชคดีที่ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรักและอยากทำ มันเลยทำให้ทุกวันของผมเหมือนการได้ ผจญภัยในโลกที่ฝัน แม้ความเป็นจริงมันจะไม่ได้ออกมาสวยงาม สุดยอดแบบภาพในหัวที่วาดไว้ ต้องพบเจอกับอุปสรรค์ เจอกับปัญหาต่างๆนานา สารพัด สำหรับผมการเป็นเทรดเดอร์ มันไม่ใช่เรื่องกำไรขาดทุนอย่างเดียวแล้วการเทรดสำหรับผมมันคือ เรื่องของการเอาชนะตัวเอง การพิชิตเป้าหมาย การค่อยๆเติบโตแบบยั่งยืน เพื่อไปถึงจุดที่เราสามารถสร้างความมั่นคง และมีชีวิตที่ดีในแบบที่เราต้องการได้ มีอิสระและมีรูปแบบชีวิตเป็นของตัวเอง แต่แน่นอนแหละครับชีวิตจริงมันไม่ใช่เทพนิยาย ไม่มี miracle ไม่มีกูรู ไม่มีเทพเทวดา อะไรที่มาทำให้เราไปถึงเป้าหม

Quantum Computer

อ่านบทความของ "สตีเฟน ฮอว์กินส์"  ออกมาเตือนเรื่อง AI ว่าอนาคตถ้าพัฒนากันไปมากๆอาจจะเป็นภัยคุกคามของมนุษย์ เรียกว่าถึงกับจุดอวสานของมนุษย์ชาติ กันเลย ถ้าเราไม่ได้ติดตามข่าว หรืออยู่ในแวดวงฟังอาจจะ ขำ หรือนึกภาพไม่ออก ว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง คอมพิวเตอร์ หรือซิฟประมวผล จะรุกมาปฏิวัติ คนซึ่งเป็นเจ้านาย เป็นผู้สร้างของมัน แต่ถ้าดูกันดีๆ ในอนาคตความน่าจะเป็นก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ เพราะ บทบาทของคอมพิวเตอร์มันมีมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์ ในหลายเรื่องสำคัญๆ ต่างถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ และเชื่อมโยงด้วยระบบอินเตอร์เน็ต ยังไม่นับรวมวิวัฒนาการของมนุษย์รุ่นหลังๆ เราถูกสร้างให้ พึ่งพาคอมพิวเตอร์ มากไปเรื่อยๆจนมันอาจจะกลายเป็น ปัจจัยที่ 5 ในชีวิตของคนรุ่นใหม่ ในยุคปัจจุบัน  ยิ่งดูข่าวสารการแข่งขันกันพัฒนาคอมพิวเตอร์ สมรรถนะสูงหรือ supercomputor ที่นำเอาเรื่องของ ควอนตัม มาใช้ในการสร้างหน่วยประมวผล(แนวคิดไม่ใช่ 0 กับ 1 แบบคอมพิวเตอร์แบบดิจิตอลเดิม แต่เป็นใช้การ spin ของอนุภาคแบบ 3 แกนแบบ ควอนตัมบิท การซ้อนทับแบบ bit เดิมทำให้การประมวลผลเพิ่มความเร็วและศักยภาพมากยิ่งขึ้

Downside risk with Kelly Criterion Method

โมเดลที่จะนำมาสอนการใช้งานวันนี้เรียกว่า Kelly Criterion Method หรือที่หลายคนอาจจะรู้จักกันในนามของ Kelly formula ขอออกตัวไว้ก่อนนะครับ ว่าในบทความนี้ที่เขียนให้สมาชิก cway อ่านผมเขียนแบบเบื้องต้นสั้นๆเข้าใจง่าย ละเรื่อง math model เอาไว้เพราะถ้าเขียนทั้งหมด มันจะยาวและจากประสบการณ์ พวกเราจะเบื่อตามไม่ทัน ดังนั้นพวกเป็นรายละเอียดโมเดลงานวิจัยการทดสอบระบบ การ optimize ด้วย  Kelly formula ผมละเอาไว้สอนในคลาสต่อไปแล้วกัน  Kelly Criterion คือโมเดลเชิงคณิตศาสตร์ที่ใช้หลักความน่าจะเป็นสถิติเข้ามาประเมินหา ขนาดของ position size ที่เหมาะสมกับ risk ที่รับได้ บนเงื่อนไขความสามารถของระบบเทรด(พูดภาษาชาวบ้านคือ ใช้ค่าสถิติจากการประเมินระบบเทรดของเราเป็นตัวตั้งในการคิดค่าความเสี่ยงที่เหมาะสม) โมเดลนี้เป็นที่นิยม พอสมควรใช้เยอะในพวก algorithm trade เพราะทุกอย่าง จะขึ้นกับศักย์ภาพและประสิทธิภาพของระบบ โดยKelly Criterion ถูกพัฒนาขึ้นในช่วงปี  1923–1965 โดย คุณ John Larry Kelly Jr หลักการใช้งาน 1. เริ่มจากการพัฒนาระบบเทรด สำหรับสินค้า หรือตลาดที่ต้องการจะเข้าไปเทรด จากนั้นทำการทดสอบระบบทั้ง

Determine your risk

วันนี้มีคำถามเรื่อง Money management เข้ามาทางกล่องข้อความ จากน้องในกลุ่มไทยเทรด ผมตอบคำถามเรื่องนี้บ่อยพอสมควร  หลายครั้งที่ตอบ คิดว่ามันมีประโยชน์ และคนทั่วไปที่สนใจเข้ามาเทรด เก็งกำไร จำนวนมากยังสับสนและไม่ค่อยเข้าใจ ในหลักการนำไปใช้เท่าไหร่  เลยอยากนำมาเขียนอะไรง่ายๆ สรุปไว้ จริงๆเรื่องของ Money management มันเป็นคณิตศาสตร์บางครั้งพูดมาลงลึก ยากไป ก็เบื่อ แถมไม่มีกราฟิกให้ดู ให้ท่องจำแบบ เทคนิคอล ทำให้คนไม่สนใจ และมักจะเลิกที่จะลืมมันไป  แต่น้องๆที่คิดจะมาเทรด จำไว้อย่างนะครับ เราไม่มีทาง betting แล้วชนะ ทุกครั้ง โอกาสขาดทุนมันมี เสมอ มีคนถามผมเสมอ ใช้เทคนิคอล ต่อให้ backtest หรือ forward test ทำไปทำไม ในเมื่อมันไม่มีทางถูกต้อง 100%  คำตอบก็คือ ทำไปไม่ใช้หาว่ามันถูกแค่ไหนเป็นหลัก แต่ทำเพื่อให้รู้ว่ามันมีโอกาสผิดพลาดหรือ %loss มากแค่ไหน  ถ้ามันมีโอกาสแพ้เยอะ ใช้ไม่ได้ก็ต้องโยนทิ้ง ถ้ามันมี %loss พอรับได้ เราก็ต้องประเมินให้ออกว่าระดับมันมาก ปานกลาง หรือสูงเท่าไหร่ เพื่อเอาโมเดลของ Risk Management หรือ Money management มาเป็นตัวไปจับ เพื่อจำกัด ลดทอนขนาดของความเส

Emotion Support

นำประเด็นจาก งามสัมมนา  Mind over stock market  สัมมนาออนไลน์ฟรีที่ผมจัดให้กับเแฟนหนังสือ น้องท่านหนึ่ง เป็นเทรดเดอร์ฝึกหัดของสถาบันการเงิน ถามเข้ามาเรื่อง "เคล็ดลับการบริหารจัดการอารมณ์สำหรับเทรดเดอร์" ผมตอบไปยาวพอควรแต่มีประเด็นหนึ่งเรื่อง Emotion Support ผมว่ามันสำคัญ อยากเอามาอธิบายเพิ่มผ่านบทความนี้ให้ฟังกัน -------------------------- เรื่องที่ว่าสำคัญคือ คุณไม่สามารถเดินทางไปถึงเป้าหมายได้เพียงลำพังนะครับ การเรามี "ราก" มีตัวตนที่ชัดเจน แข็งแรง มุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อเอาชนะ ไปให้ถึงเป้าหมายนั้นดี แต่หนทางเดินไปข้างหน้า การประสบความสำเร็จ หรือจะเป็นนักเก้งกำไรที่อยู่รอดในตลาด มันไม่ได้ง่ายแบบที่เขาโฆษณากัน ไม่รวยในสามนาที ไม่สบายจากการนั่งตีเทรนด์ไลน์ ส่องกราฟหรือนับเวฟง่ายๆหรอกครับ เพราะการจะรอดจะสำเร็จ มันเกิดจากการวิจัย การทดลอง ลองผิดลองถูก ด้วยตัวเอง หาแนวทางหาวิธี หาระบบเทรด ที่เหมาะกับตัวเองให้เจอ ใครมีพื้นฐานความรู้เรื่องการทำระบบเทรดที่ดี หรือมีวิธีคิดที่ถูก ก็จะง่าย สามารถทดลอง วิจัยเก็บข้อมูลที่เกิดเป็นระบบได้ เอาไว้ใช้ใน

Defense Mechanism

จิตวิทยา ผมเองศึกษาเรื่องนี้ค่อนข้างเยอะ หลายคนอาจจะคิดว่าเทคนิคอลสำคัญ นับเวฟ ส่องกราฟได้แม่นๆนี่ดี แต่พอชั่วโมงบินเยอะ เทรดไปมากๆเหมือนผมคุณจะพบว่า การเพิ่มขีดความสามารถของตัวเรา หรือการทำให้เราอยู่รอด มันเป็นเรื่องของจิตใจ เป็นอันดับต้น มากกว่าการไปเดาราคา เดาอนาคต ส่วนตัวอยากใช้เรื่องพวกนี้มาสร้าง ระบบการฝึก เพื่อพัฒนาตัวเอง เพราะ หลายเรื่อง มันช่วยเราได้มาก โดยเฉพาะเทรดเดอร์ ที่ไม่ได้มีทุนรอน หรือมีโค้ชทางจิตบำบัดช่วย เหมือนเทรดเดอร์ของ firm ต่างประเทศ จิตวิทยา เป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้ เรียนรู้เพื่อเข้าใจ และใช้วางแผนรับมือ มันช่วยลดทอน ความเสี่ยหายได้มาก  วันนี้มาเล่าเรื่องจิตวิทยา เบื่้องต้นให้ฟังกันครับ พยายามไม่เขียนอิงวิชาการ เอาเรื่องเข้าใจง่ายๆ และลองยกตัวอย่างให้พวกเราได้เรียนรู้กัน ขอพูดถึง กลไกการป้องกันตัวเองทางจิต อธิบายง่ายๆคือ มนุษย์ อยู่รอดในสังคม ได้เราต้องแข็งแกร่ง ไม่ใช่แค่ร่างกาย จิตใจก็สำคัญ โดยเฉพาะยิ่ง สภาพสังคม สภาพสถานการณ์รอบตัวบีบคั้น ให้เจอความทุกข์ ความไม่สบายใจ จิตใจตัวเรา จะสร้างกลไกการปกป้องนี้ขึ้นมาทำให้เราเข้มแข็ง และเอาตัวรอด จากส

เทคนิคการเก็งกำไรระยะยาว

นักเก็งกำไร หรือ เทรดเดอร์ คือ คนที่สนใจสร้างผลตอบแทนจากส่วนต่างราคา นักเก็งกำไรโฟกัส ที่ราคาของสินทรัพย์ เป็นสำคัญ ร่วมด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลประกอบ เช่น ปริมาณการซื้่อขาย(volume) และข้อมูลเชิงเวลา ที่สัมพันธ์กับราคา  นักเก็งกำไร ไม่จำเป็นต้อง เน้นซื้อๆขายๆในช่วงเวลาสั้นๆเสมอไป แต่การเก็งกำไรสามารถเล่นกับช่วงเวลาที่ยาว และกว้างออกไปได้ แบบไม่จำกัด ตามกลยุทธ์ ตามระบบเทรด ที่ออกแบบ เช่นยาวตามแนวโน้มใหญ่ระดับ วัน ระดับสัปดาห์ ระดับเดือน หรือตามวัฎจักรของสินทรัพย์ เราเรียกรูปแบบเหล่านี้ว่า การเก็งกำไรระยะยาว ตรงนี้ถ้าศึกษาดีๆ ให้แตกฉานจะพบกลยุทธ์ ที่สามารถทำเงินและประสบกับความสำเร็จได้เช่นกัน แต่การเป็นนักเก็งกำไรระยะยาว มีความเสี่ยง และมีข้อจำกัด ที่แตกต่างจากการเก็งกำไรระยะสั้น อยู่หลายประเด็น(แน่นอนว่ามีข้อเด่น ข้อได้เปรียบที่แตกต่างกันด้วย) ประเด็นหนึ่งทึ่ต้องตระหนักคือ ความเสี่ยงเชิงเวลา การถือครองสินทรัพย์ ในพอร์ต ระยะเวลานานแปลว่า เรามีโอกาสรับความเสี่ยง ต่างๆทั้งแบบเป็นระบบและ ไม่เป็นระบบ จากปัจจัยภายในภายนอกเข้ามาได้เสมอ ดังนั้น โมเดลการป้องกันความเสี่ยง ในจุดนี้เ