ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

วิถีทางของเทรดเดอร์

วันนี้มีคนมาขอคำแนะนำผมเรื ่องการเป็นเทรดเดอร์ คำแนะนำผมคือ เราควรวางแผนแต่ตอนนี้ว่า อีก 5 ปี เราเห็นภาพตัวเองเป็นอย่างไ ร ต้องการเลือกที่จะเป็นแบบไห น เพื่อจะได้ลงมือทำและพัฒนาต ัวเอง อย่างไม่หลงทาง ไม่ว่าจะเป็น - Full time trader >> เทรดเดอร์อิสระ ไม่มีสังกัด - Part time trader >> เทรดไปเลี้ยงลูกไป ทำธุรกิจส่วนตัวไป ใช้การเทรดมาเป็นรายได้เสริ ม - Travel Trader >> เทรด 2 วันเที่ยว 5 วันทำงานได้ในทุกป ระเทศทั่วโลก - Prop Trader >> มือเทรดประจำบริษัทประจำกอง ทุนออกล่าเงิน โลดแล่นสร้างชื่อเสียงในวงก าร เราเลือกได้ ทุกเส้นทาง ล้วนมีข้อดีและมีจุดเด่นเฉพ าะ แต่เราต้องเลือกรูปแบบ การพัฒนาตัว พัฒนาความสามารถ รวมถึงสร้างกลยุทธ์เพื่อจะไ ปถึงจุดที่ประสบความสำเร็จใ นเส้นทางนั้นๆ สิ่งสำคัญที่สุด อย่าเอาแค่เงิน มาเป็นตัววัด หรือตัวเลือก ให้เราทำอย่างนั้น อย่างนี้ พยายามดูว่า รูปแบบไหนเหมาะกับเรา ตอบโจทย์ชีวิตของเรา และอย่าไปเสียเวลา พยายามทำในสิ่งที่เราไม่อยา กเป็น หรือไม่ต้องการจะเป็น เพราะนอกจากจะไม่สำเร็จในระ ยะยาวแล้ว ความสุขบนเส้นทางการเป็นเทร ดเดอร์ก็จะไม่เกิดอีกด้วย ว

Lessons from the Greatest Stock Traders

Lessons from the Greatest Stock Traders เป็นหนังสือที่ดีและเหมาะสำหรับเทรดเดอร์มือใหม่ เพื่อได้แนวทางการศึกษาและพัฒนา  Cway Book club จัดทำสรุปและรีวิว หนังสือเล่มนี้เบื้องต้นไว้ ท่านที่สนใจเข้าไปฟังได้จาก link ด้านล่าง https://www.youtube.com/watch?v=_4HItUzr-nY

Time-series analysis

มีคำถามมาทางกล่องข้อความ ถามว่า เทคนิคอล ยังใช่ได้อยู่ไหม? คือ ใครว่ายังไง ผมก็ไม่รู้ แต่ส่วนตัวผมผมมองว่ามันก็ย ังเป็นเครื่องมือที่สามารถใ ช้ในการเทรดได้ เพียงแต่ต้องใช้ให้เป็น ต้องใช้อย่างเข้าใจและเหมาะ สมกับพฤติกรรมราคาเท่านั้นเ อง  ตรงนี้ต้องอาศัยการเรียนรู้  การสังเกตอาศัยการทดสอบ อีกประการที่ต้องเข้าใจคือ เทคนิคอลส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น Art หรือกลุ่ม Indicator มันมักมีข้อจำกัดในตัวเอง มีจุดที่สมมต ิฐานเริ่มต้นของการพัฒนา ไปไม่ถึงหรือไม่รวม ดังนั้นเทรดเดอร์ ผู้ใช้ต้องตระหนัก เข้าใจในจุดนี้ เพื่อหลีกเลี่ยง อย่างกรณีถ้าเราหลัก time-series analysis แบบเชิงสถิติ มาเทียบเคียงกับเครื่องมือเ ทคนิคอล จะพบว่าการวิเคราะห์เทคนิคอ ลจะครอบคลุมหรือเน้นแค่ภาวะ ของแนวโน้ม(Trend) กับการเคลือนที่เป็นรอบ Season/ Cycle(n) แต่ในความเป็นจริงพฤติกรรมราคาหุ้น ราคาสินค้าต่างมันมันมีโอกา สเกิดความผันผวนหรือเคลื่อน ที่แบบ random เกิดความไม่ปกติได้เสมอ volatile ตรงนี้เป็นเหมือนจุดบอด ของเครื่องมือ ที่ถ้าไม่สนใจ ไม่วางแผนรับมือ การใช้เทคนิคอลแบบสุดโต่ง หรือใช้แบบมโน(เดาอนาคต) จึงทำให้เสียและขาดทุนหนักใ นที่สุด

Most Important Investors Of All Time

บทความนี้ของ MICHAEL BATNICK น่าสนใจมาก เขาเอาเหล่าตำนานที่ประสบคว ามสำเร็จในโลกการเงินของสหร ัฐ เช่นนักลงทุน หรือผู้จัดการกองทุนป้องกัน ความเสี่ยงสายต่างๆ มาวิเคราะห์ และหาสิ่งที่เหมือนหรือคุณส มบัติร่วมกัน มีประเด็นหลายจุดที่น่าสนใจ  เช่น - จำนวนมากเกือบทั้งหมดส่วนให ญ่เป็นคนผิวขาว( white men) และเป็นผู้ชาย - เกือบทุกคนใน list เป็นคนฉลาด เป็นนักคิดนักกลยุทธ์ที่โดด เด่น - เกือบทุกคนมีฝีมือ แต่จังหวะภาวะตลาดปีที่เริ่ มต้นก็มีส่วนช่วยได้เยอะ เหมือนเป็นแรงลมสนับสนุน เช่น Jim Chanos ตำนาน short sell เริ่มปีแรกทำกำไร 2451% - S&P500 25-ปี total return อยู่ที่ 1463% คนที่ทำผลงานดีสุด รอบ 25ปี Stanley Druckenmiller(5242%) ตามมาด้วย Paul Tudor Jones, David Swensen และ Rob Arnott ที่ 3438% - ไม่มีผู้จัดการกองทุนคนไหนเ ริ่มต้นตอน Great Depression - จุดเริ่มต้นสำคัญต่อผลงาน ในบทความนี้ยกการวิเคราะห์ return ระยะยาว กรณีเริ่มปี 1966-1990 returnของตลาด ได้ 878% แต่ถ้าเป็น 1967-1990 จะกลายเป็น 1318% - ใน list มีคนประสบความสำเร็จในกลุ่ม  Baby boomers เกิด 1946 ถึง 1960 จำนวน 33% เช่น Howard Marks,

My Favorite Macro Economic Blogs

มีคำถามทาง email อยากให้แนะนำ blog ที่ผมอ่านประจำ วันนี้เลยจะมาเขียนสรุปเรียบเรียงไว้ให้เป็น reference ในการศึกษา โดยเน้นเรื่อง global macro เป็นหลักเพราะอ่านง่าย สำหรับคนทั่วไป เรื่องบางเรื่องที่เรา ไม่ชำนาญ เราสามารถหาอ่าน หรือหาผู้รู้มาเสริม ให้เราได้เสมอ เพราะอย่างน้อยมันช่วยเปิดมุมมองและเปิดไอเดีย เราได้เยอะ เพื่อนำมาใช้วางแผนการเทรดหรือทำกลยุทธ์ภาพใหญ่ ยิ่งถ้าเราเรียนจาก นักเศรษฐศาสตร์ หรือผู้จัดการกองทุนเก่งๆ มันช่วยให้เราเห็นอะไรเยอะ Blog ก็เป็นช่องทางหนึ่งที่เราสามารถติดตามมุมมองและแนวคิดของ กูรูทั้งหลายเหล่านี้ได้ วันนี้มีมาแนะนำ 10 web ที่ผมติดตามประจำ 1. CONSCIENCE OF A LIBERAL เว็บนี้ของ Paul Krugman คนดังที่หลายคนรู้จักอยู่แล้ว เขาเป็นนักเศรษฐศาสตร์ ระดับ Nobel Prize และ เป็นอาจารย์ อ่านด้าน macroeconomics หรือ international economics ต้องคนนี้เลย เขาเขียนบทความ เป็นคอลัมภ์ให้กับ nytimes.com ที่สำคัญแก update บ่อยสม่ำเสมอ http://krugman.blogs.nytimes.com/ 2. Free exchange Free exchange เป็น blog รวมเรื่องสั้น เกี่ยวกับเศรษฐกิจ สังคม ประเด็นต่างๆเขียนโดย

Top hedge-fund managers made $13 billion in 2015

เหล่าทวยเทพผลงานดีจริงๆ มาหลายคนโดยเฉพาะสาย Quant เห็นฝึมือแล้วบอกเลย ว่าพวกนี้ Genius จริงทำให้ยิ่งอยากแกะอยากศึกษา วิธีคิดของคนเหล่านี้มากขึ้น ส่วนตัวผมชื่นชอบ Dr. David E. Shaw เจ้าของฉายา "King Quant" บริหารกองทุน hedge fund อย่าง D. E. Shaw & Co และยังเป็นโปรเฟสเซอร์ด้าน computer science จาก Columbia University ผลงานปี 2015 เข้าอันดับ 6 ที่ 750 million แต่ยังเอาชนะปู่อย่าง  Jame simons แห่ง Renaissance Technologies ไม่ลงเช่นเคย ที่แม้ปี 2015 จะไม่ใช่ปีทองของอุตสาหกรรมนี้แต่แกยังโกยไปได้ 1.7 billion คนเหล่านี้ เป็นตัวอย่างที่ดีในการพยายาม และการเรียนรู้ จริงๆครับ อ่านบทความเต็มได้ที่ http://www.institutionalinvestorsalpha.com/…/The-2016-Rich-… http://www.marketwatch.com/…/top-hedge-fund-managers-made-1… https://en.wikipedia.org/wiki/David_E._Shaw

ตอบคำถามเรื่อง arbitrage

จากคำถามเรื่อง Statistical Arbitrage ผมสรุปคำตอบประมาณนี้ หลักการถ้าทำด้านนี้ต้องเข้าใจ Arbitrage ก่อน จังหวะเข้าซื้อสำคัญ หลักกการต้อง study ข้อมูลสร้าง สมการความสัมพันธ์ให้ได้ก่อน(Feature หลักคือค่า correlation และ co integration ) จากนั้นรอจังหวะซื้อตอน ที่ภาวะ ค่าความสัมพันธ์ของ ค่าเงินมัน ไม่ปกติ กำไร เกิดจากการที่จุดหนึ่ง ความสัมพันธ์ไม่ปกติกลับมาจุดปกติ อันนี้คือ key ของ Statistical arbitrage แต่ คู่ 3 นี้มันทำมาเพื่อปิดรอบ ปกติทำคู่ 2 หรือ pair trading   ก็ได้ แต่มันมี error ที่เหลื่อมซ่อน ลองดูภาพประกอบความเข้าใจ จุดไม่ปกติ จากเดิมเป็น +R อยู่ดีๆ EUR กับ GBP มันเกิดกลายเป็น -R ตรงนี้เกิดไม่ปกติเมื่อเทียบกับค่า ความสัมพันธ์ธรรมชาติของเขา จึงกลายเป็นจุดเทรดที่ได้เปรียบ ที่นี้ Statistical arbitrage ในค่าเงิน Sell EURUSD และ Buy GBPUSD เมื่อเรามาแยก จะเห็นมันไม่ perfect คือรอบความสัมพันธ์มันไม่ปิด มันเกิด risk แฝง นักกลยุทธ์เขาเลยสร้างคู่สาม Triangular Arbitrage มา ถ้าจะใช้ในที่นี้ก็ sell EURUSD BUY GBPUSD ในภาวะที่ค่า correlationมันไม่ปกติ จากนั้นเพิ่มไปอีกคู่เพื่อปิด