ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ต้องรอดเท่านั้น

ชอบคำอุปมาอุปมัยของพี่คนหนึ่งมาก ที่เปรียบ "ตลาดหุ้นเหมือนสนามรบในสวนสนุก" เพราะภาพจากภายนอกของคนที่สนใจ มักจะมองตลาดหุ้นสวยงามเกินกว่าความเป็นจริงเสมอ เพราะภาพของตลาดทุนที่มีเม็ดเงินสะพัดวันเป็นหมื่นล้าน มันจะยากแค่ไหนที่จะหลุดมาเป็นของเราสัก 1000 -10000 บาทต่อวัน(ได้ทุุกวันก็ไม่ต้องทำงานประจำแล้ว) แมงเม่าหน้าใหม่วัยกระเตาะต่างเคลิบเคลิมกับภาพลักษณ์ กับคำเชิญชวนให้ก้าวย่างเข้ามาในตลาดหุ้น เปรียบดั่งการเดินเข้าสวนสนุกของเด็กๆ ที่แค่ก้าวแรกที่ย่างเข้ามาก็จินตนาการไปถึงความสุข ความสนุกและความสมหวังอย่างเปลี่ยมล้นไปแล้ว



ยิ่งก้าวแรกเจอการบิ้วอารมณ์ให้โลภ ให้อยากเทรด อยากทำกำไร บวกกับการได้กำไร เล็กๆน้อยสลับขาดทุน บวกกับผู้หวังดีที่มีหุ้นเด็ดๆมาฝากทุกวัน เห็นคนโน้นคนนี้กำไรกัน จิตใจแมงเม่าหน้าใหม่ก็เริ่มผันผวน สนุกไปกับหุ้น สนุกกับการได้ๆเสียๆ ยิ่งเมามันกับการซื้อๆขายๆเพราะความโลภ ความกลัว จนหุ้นได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่แม้แต่เวลากิน เวลานอน คุณก็ต้องนึกถึง และยิ่งบวกกับการขาดทุนหนักๆมันยิ่ง กัดกินจิตใจของเราไปเรื่อยๆ แต่พอรู้ตัวอีกทีอาจจะผ่านไปปีสองปี จะพบว่าของจริงนั้นหนักหนากว่าที่คิดเยอะนัก 

ตลาดหุ้นนั้นเป็นดั่งสนามรบ ที่ตั้งอยู่บนกฏของการทฤษฎีการคัดเลือกตามธรรมชาติ ซึ่งผู้ที่จะอยู่รอดนั้นต้องหาแนวทางการลงทุน(จะสั้นจะยาวไม่สำคัญ ขึ้นกับจริตของผู้ลงทุน) ของตัวเองให้เจอ ต้องค้นพบตัวเอง ต้องรู้จักจิตใจตัวเองให้ดีก่อน ถึงจะได้ลิ้มรสความสำเร็จ ตลาดหุ้นเป็นแหล่งที่รวมของเสือ สิง กระทิง แรด ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว มีประสบการณ์มาอย่างโชคโชนในตลาดมาก่อน ที่จ้องจะเอาชนะ จะช่วงชิงกำไรจากผู้แพ้ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งนั้นก็คือ แมงเม่าผู้อ่อนแอที่คิดแต่จะอยากได้เงินนั้นเอง 

เราอาจจะคิดว่าเราเป็นหนึ่งในรายย่อย ที่กำลังร่วมกันต่อสู้กับกองทุน ต่อสู้กับต่างชาติ ที่มีกำลังเงินเหนือกว่า(จินตนาการดั่งเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่รวมตัวต่อสู้เหล่าร้ายแบบ The Avengers ) แต่ความจริงหาเป็นอย่างนั้นไม่ ไม่ว่าจะรายใหญ่รายเล็ก นั้นก็ต้องต่อสู้กันเองเพื่อแสวงหากำไรเขากระเป๋าตนเองทั้งนั้น ดังนั้นคู่ต่อสู้ที่สำคัญไม่ใช่อื่นใดนั้นคือ ตัวของเราเอง ที่เราต้องดิ้นรน ต้องแสวงหาวิธีการเอาตัวรอด ต้องเอาชนะตัวเอง ชนะจิตใจ ชนะความท้อแท้ ความขี้เกียจ ความโลภ ความกลัว นั้นหมายถึงการไม่ขาดทุน ไม่หมดตัวจนต้องล้างพอร์ตและหันหน้าเดินจากตลาดหุ้นไปแบบผู้แพ้หรือไม่ก็ยอมแพ้กอดหุ้นติดดอย หลังจากขนเงินเก็บเงินออมทั้งมวลเข้ามาสู้ในสนามรบแห่งนี้

สิ่งที่ผมเขียนมาทั้งหมดอยากให้แง่คิดกับมือใหม่และมือเก่าที่ยังเป็นแมงเม่าว่าอย่าประมาทตลาดหุ้น อย่าย่ามใจว่าตัวเองจะเอาตัวรอด เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นกฎการคัดเลือกตามธรรมชาติ เราต้องพิสูจน์ให้ธรรมชาติเห็นว่าเราดีพอ ดีพอที่จะอยู่รอดด้วยความพยายาม ด้วยการไม่หยุดเรียนรู้ หยุดพัฒนาตนเอง เมื่อเราเข้มแข็ง เมื่อเรามีมุมมอง มีวิธีคิดและมีรูปแบบการลงทุนที่เหมาะกับตัวเราเองแล้ว สามารถปรับตัวได้กับตลาดหุ้น จิตใจเราจะนิ่งและมั่นคง เราก็จะสามารถเอาตัวรอดในสนามรบแห่งนี้และมีกำไรอย่างต่อเนื่องไปตามกำลังตามความเหมาะสมของตนเอง