ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

กล้าที่จะแตกต่างแต่ต้องไม่แตกแยก

อ่านข่าวสะเทือนขวัญ คุณ เจมส์ โฮล์มส์ โจ๊กเกอร์ในชีวิตจริง ที่เปิดฉากกราดยิงในโรงหนัง เมืองออโรร่า สหรัฐอเมริกา ในช่วงกำลังฉายภาพยนต์ปฐมทัศน์ "BATMAN Dark Knight Rises" จนทำให้มีคนถูกยิง 71 คน รวมทั้งผู้เสียชีวิต 12 คน อีก 59 บาดเจ็บ ด้วยการวางแผนมาอย่างดีทำให้เกิดความเสียหายจำนวนมาก เพราะคุณ เจมส์ โฮล์มส์ เล่นใส่เสื้อเกราะ สวมหน้ากากกันเแก๊ส ก่อนโยนระเบิดควันจำนวน 2 ลูกเข้าไปในโรงหนัง เมื่อผู้คนแตกตื่นพากันลุกหนี พี่แกก็กราดยิงไม่เลือก ไปทั่ว โดยใช้ ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติของเขาที่บรรจุกระสุนได้ 100 นัด แต่ยิงไปได้ 60 นัดเกิดติด เลยใช้ปินสั้นยิงต่อ แถมยังวางระเบิดล่อเจ้าหน้าที่ไว้ที่ห้องพักอีกดอกหนึ่ง



ดูจากประวัติ คุณ เจมส์ โฮล์มส์ ไม่ใช่อาชญากร ที่มีประวัตินอกกฎหมาย เป็นคนปกติ เป็นคนเก่งที่เรียนได้เกรด A มาตลอดและจบเกียรตินิยมในระดับปริญญาตรี และได้ทุนเรียนต่อจนถึงปริญญาเอก สาขาประสาทวิทยาศาสตร์ สาขาที่มีคนแย่งทุนเรียนมากที่สุด สาขาหนึ่งในอเมริกา แน่นอนว่ายังไม่มีใครทราบสาเหตุของการก่อโศกนาถกรรมสังหารหมู่ครั้งนี้


ปรากฎการณ์ที่ตามมา ชาวอเมริกันจำนวนมากต่างตระหนักถึง ความรุนแรง อันตรายที่แฝงในสังคม หลายคนเริ่มกลัว และมีคำถามถึงการหาอาวุธร้ายแรงมาครอบครอง รวมถึงมาตรการความปลอดภัยในที่สาธารณะ ตัวเลขหนึ่งสะท้อนถึงความน่าเป็นห่วงคือ ยอดการขออนุญาติครอบครองปืนของรัฐ รัฐโคโลราโดสูงถึง 40 % หลังเหตุการณ์นี้เพียงเพราะ เหตุผลเรื่องของความปลอดภัยและประชาชนไม่เชื่อมั่นในการรักษาความปลอดภัยของรัฐ จึงต้องการมีปืนไว้ครอบครอง ไว้ป้องกันตัวเอง


จากประวัติศาสตร์และงานวิจัยมากมายสาเหตุหลักของการทำร้ายกัน ล้วนมาจากความแตกแยกทางสังคม ความรู้สึกไม่เป็นพวกไมได้รับการยอมรับ จากกลุ่มจากสังคม หรือแม้กระทั่งการมีความเห็น ความเชื่อที่แตกต่างไป ฆาตกรรายนี้ก็เช่นกัน แม้จะหาสาเหตุแท้จริงของการวางแผนฆาตรกรรมหมู่ครั้งนี้ไม่ได้ แต่นักจิตวิทยาของ FBI ก็ได้ประเมินสาเหตุหลักว่ามาจากพฤติกรรมความแตกแยกจากสังคมของคุณ เจมส์ โฮล์มส์

ตลาดหุ้น เป็นอีกแหล่งที่มีความแตกต่างทางความคิดและความเชื่อในด้านการลงทุนมากมาย ทำให้เกิดการโต้แย้ง โต้เถียงและเกิดการทะเลาะกันให้เห็นบ่อยๆ แม้จะไม่รุนแรงแบบใช้กำลัง แต่การขัดแย้งกันมันกลายเป็นเรื่องธรรมดา ปรากฏให้เห็นตามเว็บไซต์ ตามโซเวียลเน็ตเวิร์คเช่น Facebook สาเหตุหลักเกิดจากอัตตาของนักลงทุน การต้องการเป็นที่ยอมรับ การอยากให้ผู้อื่นยอมรับในสิ่งตนเองคิด 


แต่เราต้องยอมรับความจริงที่ว่า คงจะเป็นไปไม่ได้ที่ ทุกคนจะคิดเหมือนกัน เห็นเหมือนกันหมด ความแตกต่าง ทางความเชื่อหรือทางความคิด เป็นเรื่องปกติ ตราบใดที่ไม่นำไปสู่ความแตกแยกและความรุนแรง หลายครั้งหลายหนที่ผมเองก็ไม่ได้คิดเหมือนกับคนอื่น หรือคิดเหมือนกูรู เหมือนเซียนหุ้น แต่ผมเองก็ไม่เคยกังวลใจ หรือพยายามจะเปลี่ยนจะโน้มนาวผู้อื่น ให้มาเห็นตาม เพราะความเห็นต่างที่ปรากฏนั้น สำหรับผมเป็นสิ่งดี เป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่า เราคิดเป็น แต่จะผิดหรือถูก นั้นเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ เมื่อผลลัพธ์ออกมาผิดเราก็จะได้เรียนรู้เป็นประสบการณ์ ในอนาคตต่อไป 


สิ่งสำคัญคือ เราต้องกล้าคิด กล้าที่จะคิดต่าง ไม่ใช่ยอมเป็นคนส่วนใหญ่ยอมทำตามที่มีคนชักจูง เพียงเพราะกลัวว่าตัวเองจะผิดเลยไม่คิด ไม่ตั้งคำถาม และไม่กล้าทำตามที่ตัวเองคิด การเป็นแบบนี้จะทำให้เรากลายเป็นแมงเม่าที่ถูกชักจูง ถูกชี้นำไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ ต้องเป็นเหยื่อ เป็นสาวกเขาตลอดไป ในขณะเดียวกันถ้าเรากล้าคิดต่าง เราต้องกล้ายอมรับฟังเหตุผล หรือความคิดของผู้อื่นด้วย ต้องพิจารณาด้วยเหตุผล ปราศจากอคติและอารมณ์ ที่สำคัญไม่ควรให้อารมณ์นำพา ความรุนแรง เข้ามาในความแตกต่าง ซึ่งจะทำให้เกิดความแตกแยกและความเสียหาย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายครับ