ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง

ความเปลี่ยนแปลงอันเป็นนิรันด์มีขึ้นก็มีลง มีลงย่อมมีขึ้น เป็นธรรมดาไม่ได้หมายความถึงเฉพาะราคาหุ้นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงธุรกิจต่างๆอีกด้วย เมื่อเช้าตื่นมาอ่านข่าวต่างประเทศน่าสนใจ 2 ข่าวคือเรื่องของราคาหุ้นซุปตาร์แบบ Google inc และยุคเปลี่ยนผ่านของสื่อสิ่งพิมพ์ยักษ์ใหญ่แบบ 'นิวส์วีค' เลยอยากนำสองประเด็นนี้มาเล่าให้ฟังต่อ

นิตยสารนิวสวีค เป็นอีกนิตยสารของอเมริกาที่อยู่ยงคงกระพันมาถึง 80 ปี สมัยเรียนเวลาว่างเข้าห้องสมุด ผมมักชอบหยิบนิตยสารนี้มาอ่าน ถึงแม้จะอ่านรู้เรื่้องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างในตอนนั้น แต่ได้ดูภาพสวยๆก็ม้วนใจแล้ว แถมด้วยประเด็นเด็ดแต่ละคอลัมภ์ที่น่าสนใจ ทำให้เราได้เปิดโลกทัศน์เพิ่มไปอีก นิตยสารนิวสวีค เป็นนิตยสารหัวสี คู่แข่งสำคัญของ ไทม์ มาโดยตลอด วันนีั้ประกาศยุติการพิมพ์นิตยสารข่าวในรูปแบบกระดาษ แต่ปรับเปลี่ยนมาเป็นการผลิตเพื่อจำหน่ายผ่านช่องทางสื่อออนไลน์และดิจิตอลแทนทั้งหมด


แน่นอนว่าเบื้องหลังการแข่งขันทางธุรกิจที่ดุเดือดบวกกับผลประกอบการที่ลดลงและเติบโตยากในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ทำให้ประสบปัญหาทางการเงิน นิตยสารนิวสวีค ต้องทำการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยลดพนักงานและเจ้าหน้าที่ทั้งในสหรัฐและต่างประเทศ ปรับรูปแบบองค์กร และเน้นการผลิตเพื่อจำหน่ายไปที่ช่องทางสื่อออนไลน์และดิจิตอล ภายใต้ชื่อ "นิวสวีค โกลบอล" โดยคิดค่าบริการจากผู้อ่านในรูปแบบสมาชิก ซึ่งจะสามารถเข้าถึงข่าวและบทความ ผ่านเว็บไซต์และแอบพิเคชั่นบนมือถือ หรือแท๊บเลต ซึ่งนับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงโมเดลธุรกิจครั้งใหญ่ของบริษัท จากโลกสื่อสิ่งพิมพ์มาสู่โลกดิจิตอลมีเดีย เป็นการเปลี่ยนแปลงเพื่อการอยู่รอดก่อนจะถูกกลืนหายไป

อีกประเด็นคือ ไม่ใช่เรื่องการเปลี่ยนแปลงธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของความไม่แน่นอน ที่เกิดกับหุ้น Google inc บริษัท IT ยักษ์ใหญ่เจ้าของออนไลน์มีเดียอันดับต้น ที่เจอเจาะยาง หลังจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาสูงเสียดฟ้าแบบไม่มีเบรคในช่วงปีที่ผ่านมา แต่เมื่อสัปดาห์ก่อนกับถูกเจาะยาง หลังจากราคาวิ่งไปแตะจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 774.38 ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ก่อนร่วงลงอย่างต่อเนื่องและรุนแรง 12% รายงานข่าวว่ากันว่ามาจากความผิดหวังของตัวเลขผลประกอบการ แต่นั้นเป็นเพียงการอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะความเป็นจริงคือเมื่อราคาปรับตัวขึ้นมาแรงและเร็วจนถึงจุดสูงสุดหนึ่งแล้ว ย่อมมีแรงขายทำกำไรเป็นธรรมดา เป็นสัจธรรมของความไม่แน่นอนของตลาดหุ้นอยู่แล้ว ทำเอาแมงเม่าอเมริกันร้อนโอดครวญและแตกตื่นกันพอสมควร แม้ว่ารายงานต่างๆจะมั่นอกมั่นใจว่าราคาหุ้น Google ยังร้อนแรงได้ต่อเนื่อง


ทุกอย่างย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีสิ่งใดอยู่ได้อย่างคงทนและแน่นอน 100% แบบที่เราจะไปมั่นใจและฝากอนาคตไว้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะธุรกิจหรือราคาหุ้น การเป็นนักลงทุนหรือนักเก็งกำไรย่อมต้อมเข้าใจธรรมชาติข้อนี้ เพื่อที่ใช้เตือนตัวเองไม่ให้ประมาท เตือนตัวเองให้ระวังมองหาทางออกและการรับมือในการเปลี่ยนแปลง ผมเคยอ่านเจอในหนังสือการลงทุนของต่างประเทศจำไม่ได้แล้วว่าเล่มไหน เขากล่าวถึงเรื่องของ Management of Change หรือการบริหารการเปลี่ยนแปลง สอนให้เราเรียนรู้ที่จะสังเกตการเปลี่ยนแปลงเพื่อเตรียมการรับมือให้อยู่รอด ลดผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลง 

ยกตัวอย่างในกรณีของธุรกิจ นั้นก็คือการเรียนรู้ทำความเข้าใจปัจจัยที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งบวกและลบ อันมาจากปัจจัยภายในและภายนอก  ส่วนถ้าเป็นเรื่องของราคาหุ้น เน้นไปที่การรับมือการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น ด้วยการวางแผนวางกลยุทธ การรับมือ การหาทางออก Exit Strategy เช่นการมอง จุดลงตัวของการทำกำไร(Take Profit Point) การออกแบบผู้ชนะ และการวางแผนการออกแบบลดความเสี่ยง หรือการหนีตายตัดขาดทุน (Stop loss) เป็นต้น 


เรื่องของการเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นสิ่งที่ทั้งนักลงทุน และนักเก็งกำไร ควรจะเรียนรู้ ทำความเข้าใจในความเปลี่ยนแปลง ไม่ควรนิ่งนอนใจ แม้ว่าจะมีกำไรในมือ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราจะมีกำไรตลอดไป หรือรักษากำไรนั้นไว้ได้ โดยที่ไม่ต้องเตรียมแผนการณ์รับมือ สิ่งที่ยังมาไม่ถึง สรุปสาระในหนังสือเล่มนั้นเกี่ยวกับ การบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงคือ "ต้องไม่ประมาท" คิดว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นธรรมชาติจะต้องเจอ ไม่มีอะไรคงที่แน่นอน ดังนั้นไม่ควรหยุดนิ่งมองหา สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงให้เจอ มองหาปัจจัยกระตุ้น และประเมินผลการเปลี่ยนแปลง จากนั้นเตรียมการรับมือ โดยการเปลี่ยนแปลงขาขึ้นก็ห้ามประมาท ส่วนการเปลี่ยนแปลงขาลง ถ้าสร้างความเสียหายต้องรีบยับยั้ง เพื่อลดความเสียหายที่จะเกิด สิ่งเหล่านี้เราควรจะเรียนรู้และนำไปพัฒนาเป็นกลยุทธ เพื่อเอาชนะตลาดหุ้นในระยาวต่อไปครับ