ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Bitcoin

วันนี้มาแชร์ประสบการณ์ bitcoin ในแง่ของผู้ใช้งานให้เพื่อนๆได้อ่านกัน ผมว่าคนไม่น้อยแหละรู้จัก bitcoin กันแล้ว แต่คงยังมีไม่มากที่ได้ใช้ ผมเองเป็นคนชอบซื้อของออนไลน์ ดังนั้นจึงถนัดพวก e-currency พวกนี้อยู่แล้ว แต่ก่อนใช้ Skill กับ Webmoney เป็นหลัก แต่ในช่วงปี 2013 กระแส bitcoin มาแรง หลายเว็บ e-commerce เริ่มยอมรับสกุลนี้มากขึ้น 


Bitcoin คือ สกุลเงินที่ใช้แลกเปลี่ยน แต่ข้อดีของมันคือไม่ผูกกับอัตราแลกเปลี่ยนใด และไม่ได้อยู่ในการดูแลของรัฐบาลใด แต่มันทำงานบนข้อตกลงโมเดลคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อนเข้ารหัสแบบ 21 ล้านชุด รันบนชุดโปรแกรม Bitcoin Mining การซื้อขายก็คือ Transaction โดยจะมีการสร้างรหัสเฉพาะที่ไม่มีการปลอมแปลงได้ และใช้กันในเครือข่ายของคอมพิวเตอร์ที่ผู้ใช้สร้าง address ไว้ เหมือนกับทำงานบนระบบนิเวศทางการเงิน โดย bitcoin ถูกดูแลบนกลุ่มสมาคม ที่ตั้งมาเพื่อบริหารจัดการและดูแลการจัดการและการแลกเปลี่ยน





ข้อดีคือไม่มีค่าธรรมเนียม (Quick and Cheap Transactions) และมีการการผันผวนแทรกแทรงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจภายนอก การด้อยค่าเพิ่มค่าของ Bitcoin มีอัตรามีน้อยกว่าอัตราแลกเปลี่ยนที่อิงกับ USD 

คนที่พัฒนาระบบนิเวศเงินใหม่อย่าง Bitcoin คือ Satoshi Nakamoto (นามแฝง มีคนออกมาเคลมหลายคน ล่าสุดคือ Ted Nelson ยอด hacker) โครตฉลาดจริงๆที่สร้าง algorithm ของ  Bitcoin Mining เขาใช้ความรู้ทางคอมพิวเตอร์ขั้นสูง บวกกับ ความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ 


ราคาและปริมาณการซื้่้อขายของ Bitcoin ที่เทรดกันในตลาด

เขาเริ่มก่อตั้งในปี 2009 โดยจำกัดขนาดของเหมือง ไว้ที่ 21,000,000 BTC ล่าสุดกลุ่ม BTC Guild และ Slush  ได้ขุดบล็อคที่ 209999 สำเร็จได้รับ Bitcoin ไปทั้งสิ้นคนละ 25 BTC(แบ่งกันคนละครึ่ง) แนวคิดนี้ของ bitcoin คล้ายการขุดทอง กลุ่มนักขุดก็จะหาโมเดลหา algorithm เพื่อแก้สมการเข้ารหัสหาคำตอบเพื่อขุดเหมืองนี้ โดยความยากมันเพิ่มมากตามปริมาณ BTC ที่ลดลง และมีคณะกรรมการกำกับดูแลปริมาณการขุดเพื่อไม่ให้สกัดออกมา มากจนค่าเงินมันด้อยค่า

มันไม่ใช่เกมส์การฮั่วหรือแชร์ลมแบบที่บางคนเข้าใจ สมการ ตัวเงื่อนไข ที่ต้องแก้โจทย์มันถูกปรับให้ยากเสมอและ มีเงื่อนไขทางเวลา มีเวลาที่กำหนดที่ยากจนคอมพิวเตอร์ธรรมดาไม่สามารถคำนวณได้ทัน บวกกับคำตอบมันเป็นค่า nonce มันเป็น random มีการกำหนดค่าความยาก ของ Hash ในแต่ละ Blocks ปัจจุบันการคำนวณหาค่า nonce นั้นอาจจะต้องลองผิดลองถูกเกินล้านครั้ง และคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานต้องมีความเร็วสูงเพื่อให้ทันตามระดับเวลาที่กำหนด แถมต้องแข่งกับนักขุดรายอื่นๆ ผู้ที่ขุดได้ได้ผลตอบแทน 50BTC และลดลงเรื่อยๆตามปริมาณที่ถูกขุดได้จากเหมือง

ในแง่คนใช้ทั่วไป (User) เราไม่ต้องขุดเองเรา สามารถเข้าไปที่ Merchant(พวกนี้เขารับซื้อจากนักขุดมาอีกที) และแลกเงิน USD เป็น BTC ได้เพื่อนำไว้ใช้งานได้เลย ไม่ต้องขุดเอง
MT.GOX ตลาดใหญ่ของ Bitcoin

ปัจจุบันมีมากมายหลายเว็บที่เปิดบริการเป็น Merchant และนอกเหนือกว่านั้น ผู้ประกอบธุรกิจออนไลน์จำนวนมากก็ยอมรับในสกุล Bitcoin มากกว่า 2 ปีแรกมากที่มักใช้ใน  Silk Road  ตัวอย่างเช่น WordPress.com ,  Namecheap (ผู้ขาย domain) และบริษัทอื่นๆมากมาย นอกจากนี้ในสหรัฐยังมีการบริษัท BitInstant ได้สร้าง Bitcoin Paycard ลักษณะเหมือนบัตรเดบิตที่กดเงิน จ่ายเงินในโลกจริง ได้ทันที

แรกๆเมืองไทยยังไม่นิยม ตอนนี้ไทยเองมี Local Merchant แล้วหลายเว็บ อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 BTC = 3636.56 THB แต่ถ้าเป็น local อาจจะแลกยากกรณีที่ไม่มี bitcoin บางครั้ง Merchant อาจจะเพิ่มค่าธรรมเนียมไปอีก  ดังนั้นถ้าจะใช้เลือกที่ดีๆ volume เยอะและไว้ใจได้

ผมเองไม่ได้ใช้ local เสียโอกาสการ convert จาก บาท ไป แต่ผมใช้ของ bitpay.com และ mtgox.com ที่เป็น Global Merchant ตรงนี้มันง่ายและสะดวกในเรื่อง volume แต่ต้องถือ USD ใน e-wallet เพื่อใช้แลกเป็น Bitcoin


ในอเมริกา ยุโรป เริ่มมีแนวคิดการทำบัตร ATM หรือ เดบิตการ์ด สำหรับ Bitcoin แล้ว 

การใช้งาน Bitcoin ในปีที่ผ่านมา ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ และมีจำนวนผู้ใช้มากกว่าอดีตจำนวนเกือบเท่าตัว

ผมใช้ bitcoint มาเกือบ 8 เดือนแล้ว แรกๆได้ลองขุดหรือทำ mining บ้างแต่ก็ไม่สามารถสู้กับบริษัทใหญ่ หรือพวกที่ใช้คอมพิวเตอร์แบบสมรรถนะสูงในการแก้โจทย์เพื่อสกัด Bitcoin ได้ ดังนั้นส่วนใหญ่ผมเลยใช้เพื่อเป็น e-currency หลักๆ 6 อย่าง ได้แก่
1. จ่ายค่า delicate server ที่เช่าในอเมริกาสำหรับรันตัว Robot (automatic trade system)
2. ลงทุนในบริษัท startup เล็กๆในอเมริกา คืออเมริกามีเว็บที่ระดมทุนให้บริษัทเล็กๆที่ทำกิจการด้าน IT 
3. จ่ายค่าบริการเว็บดูเคเบิ้ลออนไลน์ ของอเมริกา (เอาไว้ดูซีรีย์และสารคดี)
4. อีกอันนิดหน่อยคือ จ่ายค่าเกมส์ออนไลน์
5. ซื้อสินค้าออนไลน์ ทางอินเตอร์เน็ต


6. ชำระค่า Download โปรแกรมและ Application

ในโลกนี้ปัจจุบันมีการใช้งาน Bitcoin กันมากขึ้นเรื่อยๆ สามารถเข้าไปหาธุรกิจที่ ลงทะเบียนในระบบนิเวศนี้ได้ จาก http://usebitcoins.info/


บริษัทและธุรกิจ ที่รับการชำระเงินด้วย Bitcoin






Ted Nelson อ้างว่า Shinichi Mochizuki คือ Satoshi Nakamoto นามแฝงผู้สร้าง algorithmและระบบนิเวศของ Bitcoin (ยังไม่รับการพิสูจน์ 100% นะครับ)

ข้อดีของ  Bitcoin  คือสะดวกและไม่ม่ค่าธรรมเนียมการโอน ปกติถ้าเราต้องซื้อขาย หรือทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์ ผมว่าสะดวกมาก แต่แน่นอนว่า  Bitcoin ยังคงต้องพิสูจน์ตัวเองอีกมาก และต้องต่อสู้กับระบบธนาคาร ทุนของโลกและรัฐบาลสหรัฐที่ต้องการล้ม Bitcoin เพราะกลัวเรื่องการนำไปใช้ในทางผิดกฏหมาย และไม่สามารถติดตามการเคลื่อนของเงินได้

สิ่งที่นักวิเคราะห์กังวลคือ ถ้า  Bitcoin เด่นเกิน USD โอกาสที่จะเกิดการเสื่อมความนิยมในการเป็นตัวกลางแลกเปลี่ยนในอนาคตก็จะมีได้เร็วไปอีก แม้ว่า Bitcoin จะไม่มาแทน USD แต่ความนิยมที่มากมันจะเป็นดัชนีสะท้อน ความต้องการมาตรฐานการเงินแบบใหม่ ที่ไม่ได้ถูกกำหนด หรือแทรกแซงด้วยรัฐบาลกลางของประเทศใดประเทศหนึ่งอีกต่อไป


บทความนี้ให้ความรู้นะครับ แต่ผมก็ไม่ได้เน้นไปเชียร์ให้เข้าไป ซื้อขายหรือเก็งกำไรใน Bitcoin เพราะเป้าหมายมันไม่ใช่การลงทุน หรือการเก็งกำไรแบบทอง มันเป็น peer to peer สำหรับการแลกเปลี่ยนจับคู่ตรง หรือเป็นประโยชน์ ในการใช้เป็น e currency มากกว่า ใครที่กลัว หรือไม่มั่นใจ ผมว่าก็อย่าไปยุ่ง ไปใช้งานดีที่สุดครับ