ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ลาออก ยังงี้ต้องลาออก

วันนี้อ่านกระทู้ดราม่านี้ แล้วเกิดอยากแสดงความเห็น ก่อนอื่นๆออกตัวก่อนว่าฐานะคนใช้ systematic trading ไม่ได้ยุส่งเสริมให้ลาออก กลับกันซะอีก ผมมีเพื่อนๆพี่ๆในกลุ่มที่เขาทำระบบดีๆ ทำงานประจำไปด้วย บ้างคน advance ไปใช่ระบบเทรดอัตโนมัติ ATS ขนาดทำงานประจำแล้วให้ระบบมันทำงานเองอัตโนมัติอีกต่างๆห่าง 

สิ่งหนึ่งที่บอกได้คือ การทำระบบเทรด ให้สำเร็จดี ไม่ได้เกิดง่ายๆในไม่กี่วัน!! ไม่ใช่การเอา indicator มาผูกรวมกันเยอะๆ แล้วจบ แต่ระบบเทรดที่ดีเกิดจากการสร้าง บนความเข้าใจตลาด เข้าใจสินค้า เข้าใจในจริตจิตใจ และเข้าใจในความเสี่ยงที่ตัวเราเองรับได้ การพัฒนาและการวัดผลต้องทำต่อเนื่อง และมีการศึกษาอย่างไม่รู้จบ มันก็คืองาน อีกรูปแบบหนึ่งนั้นแหละครับ

อยากให้มองเหมือนกับว่ามันคือ ธุรกิจ(Business) ที่คุณสามารถทำได้ในต้นทุนต่ำและใช้ทรัพยากรไม่มาก(เทียบกับการเปิดบริษัททำธุรกิจจริงๆ)  แต่ต้องชัดเจน เขียนแผนธุรกิจไปเลย วางเงินตั้งต้นเท่าไหร่เป็นเงินดำเนินธุรกิจการเทรด + เงินต้นทุนค่าไฟ ค่าอินเตอรเน็ต +เงินค่าแรงตัวเอง แล้วทำบัญชีรายรับรายจ่าย เงินเริ่มต้นสำคัญ อย่าไปคิดว่าเทรดใหม่ๆจะมีเงินออกมาเลี้ยงชีพได้เลย เพราะคนจะไปจุดนัน้ได้ มันต้อง hit bottom ก่อนและมันเหมือนธุรกิจ bad day มาเราต้องรับให้อยู่ก่อนคืนทุนเสมอ ตรงนี้ใช้เวลาเป็นปีครับดังนั้นมันไม่ใช่งานสบาย ออกมานั่งกระดิกเท้าริมทะเล นอนชายหาด แบบที่มโนหรือโฆษณากัน

อ้าว ลำบากอย่างงั้น จะลาออกมาทำไมฟ่ะ เชื่อว่าหลายคนสงสัย คำตอบมันคือ ความชอบ ความรัก ความตั้งใจที่จะทำ รางวัลที่ได้คือ "อิสรภาพ" ไม่ใช่พันล้าน หมื่นล้านแบบที่โฆษณากันหรอกนะ อันนั้นจะมีสักกี่คนที่ทำได้ ยิ่งถ้าไม่บ้านรวยมีเงินหลายล้านมาให้เริ่ม อิสระที่ผมพูดมันคือ การออกแบบการใช้ชีวิตได้อย่าง freestyle ไม่ติดขัดในเรื่องเงื่อนไขและข้อจำกัดทางเวลา ได้ทำสิ่งที่อยากทำ ได้ใช้ชีวิตแบบที่ต้องการ และมีรายได้มาเลี้ยงตัวเรา เลี้ยงครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ มากพอเพียง ตรงนี้ต่างหากสำคัญ


มุมมองผมนะ หลังจากอ่านไป 2 รอบ ผมว่า ปัญหากระทู้นี้ไม่ใช่เรื่องลาออกมาเล่นหุ้น หรอก แต่เป็นเรื่องการสื่อสารในครอบครัว  อาจจะยังคุยกันไม่รู้เรื่องไม่ลงตัว เอาจริงๆ ผมอ่านจนจบผมยังไม่เห็น สาเหตุที่ผัวอยากลาออกเลย ผมว่าคนเบื่องานที่ทำมันมีปัญหา มีสาเหตุ ลองรับฟังเขาก่อนครับ ดีกว่าตั้งธงไปไม่ให้ห้ามลาออก เพราะตรงนั้นมันแก่นปัญหา 


สามีทำงานไม่ไหว ปัญหาเขาทนไม่ได้ บีบคั้นจนทุกข์หนักทุกวัน ทรมานนะ เสียสุขภาพจิต ต่อมีเงินเดือนเยอะ ทุกเดือน เขาทุกข์ กลับบ้านมาไม่มีสุข สุดท้ายครอบครัวก็ไม่ happy ตามมาปัญหาต่างๆอีก หรือแย่จริงๆ สุดท้ายก็ต้องลาออก มาอยู่ดี ไปออกตอน 35 40 ยิ่งเลวร้ายกว่าอีก (คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก ผมเห็นเยอะแยะผู้บริหารเงินเดือนหลายแสนโดดตึกตาย จากความเครียดในงาน)


ถ้าสามีเอ่ยปากแบบนี้ ผมว่าเขาคิดมาพอควรแล้วแหละ เชื่อผมเถอะ เพราะธรรมชาติมนุษย์ อายุ 30 กว่ามีครอบครัวไม่มีใครไม่แสวงหาความมั่นคงหรอก การมาเป็นโรบินฮูด การเริ่มต้นใหม่ นี้มันน่ากลัวกันทุกคนแหละ เพียงแต่ตอนนี้สามีมองเห็นว่า ลาออกแล้ว เล่นหุ้นอย่างเป็นระบบคือคำตอบ แต่มันจะสำเร็จ จริงแค่ไหน ผมว่านั้นคือสิ่งที่ต้องใช้เวลาพิสูจน์แต่ไม่ควรเอาไปปนเป็นปัญหาหลัก เพราะปัญหาคือ งานประจำที่ต้องการลาออก 


ลาออกจากงานประจำ ชีวิตก็ต้องเปลี่ยน การใช้เงิน การควบคุมรายจ่าย การใช้เวลา การทำอย่างอื่น ถ้ากังวล ให้สามีทำกิจการอื่นประกอบด้วยก็ได้ ผมเชื่อว่าคนอายุ 30 เป็นวิศวกรมีเงินเดือน 80000 ได้นี่ไม่กระจอกนะ(เพื่อนผม 30 เป็นวิศวกรเงินเดือนไม่ถึง เงินเก็บไม่มี มันยังใช้ชีวิตแบบสุดขั่วกันอยู่เลย) ความสามารถและคอนเน็คชั่นต้องมีพอควร อาจจะเริ่มทำกิจการอื่นๆ ทำฟรีแลน์ เป็นที่ปรึกษาควบคู่เพื่อหา fix income เสริมไปก็ได้ หรือถ้าสามีบอกไม่อยากให้ภรรยา กลับไปทำงานประจำ คุณก็ทำงานอิสระที่บ้านเสริมหารายได้ไปอีกทางก็ได้เช่นกัน(รอมฉอมช่วยการหาทางออก อย่าไปเอาชนะกันไม่เกิดประโยชน์ เปลี่ยนความกังวล ความกลัวเป็นความขยัน เป็นโอกาสในการหารายได้ทดลองทำอะไรใหม่ๆเพิ่มจากเดิม)


ผมอ่านคอมเมนต์ในกระทู้พันธ์ทิพ เหมือนกระทู้พุ่งเป้าไปทีทำยังไงให้โน้มนาวไม่ให้ลาออก มองการเล่นหุ้นเป็นผู้ร้ายไป จริงๆ อยากให้หาสาเหตจริงๆมากกว่าทำไม สามี คุณอยากลาออก??

ลองฟังปัญหาเขา แล้วช่วยกันแก้ บางทีถ้าต้องลาออกจริงๆ  อาจจะออกมาทำอย่างอื่นๆ ที่ไม่ต้องเล่นหุ้นก็ได้ หรือเล่นหุ้นควบคู่ไปก็ด้วยก็ได้  

อีกอย่างถามดีๆมันคือ "ความฝัน" เขาหรือเปล่า เขาอยากเดินตามความฝัน ความตั้งใจหรือไม่ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น ผมว่าควบสนับสนุน และส่งเสริม ผู้ชายมีความเป็น จ่าฝูง หรืออยากเป็นผู้นำทุกคน คนที่เข้าใจและส่งเสริม เชื่อในตัวเขา นี่จะเป็น key ในการสำเร็จแท้จริง แม้เส้นทางมันยากลำบาก หรือไปไม่ถึงในเร็ววัน การมีภรรยาเล่นหุ้นเป็นตัว คอยเตือนคอยระวังหลังให้ ลดอัตตา ช่วยกันคิด นี่น่าจะดีครับ 

ถ้าทำจริง ก็ลองลุยสักตั้ง ใช้เงินบางส่วนก่อน เช่นมีล้าน ใช้ แค่ 2 แสน ทำให้ได้เงินจริงๆ ลองวัด % การเติบโต(ไม่ต้องไปโฟกัสที่เงิน และอย่าไปเทียบกับเงินเดือนก่อนหน้าในตอนแรก เพราะมันทำให้จิตใจคุณโลภ) ลอง ค่อยเป็นค่อยไป ให้กำไรมันงอกเงย เติบโตต่อเนื่อง

อย่าไปลงทั้งหมด แล้วช่วยกันทำด้วยกันหา road map ที่มันกระทบความมั่นคงทางการเงิน ในอนาคต น้อยที่สุด (ช่วยกันประหยัด ลดรายจ่าย าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ค่ากิน/ใช้ ค่าเทอมลูก ค่าใช้จ่ายดูแลพ่อแม่ หารายได้เสริม ระหว่างช่วงเริ่มต้น) 


สรุป เอาใจช่วยเจ้าของกระทู้และสามีนะครับ ให้ผ่านพ้นปัญหานี้ไปได้