ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Outlook on the market, Stanley Druckenmiller

 วันนี้ได้ฟังมุมมองของ Stanley Druckenmiller น่าสนใจดี ผมเลยเอาโน๊ตสรุปมาแชร์

1. Stanley Druckenmiller มองเห็นความไม่ปกติที่เกิดปี 2020 ลักษณะการเข้าสู่ economic downturn แต่ภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมตลาดที่แตกต่างจากกรอบยึดในอดีตโดยเฉพาะช่วงวิกฤติที่เคยผ่านมา เขาเตือนให้ระวัง(Buckle up)
2. ข้อมูลเศรษฐกิจขัดแย้ง ในช่วงภาวะวิกฤติ covid-19 จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อพยุงไม่ให้ล้ม เช่นตัวเลขคนว่างงานสูงสุดรอบหลายปี แต่เป็นปีเดียวกันที่มีตัวเลขรายได้เฉลี่ยรายหัวเพิ่งสูงขึ้นแบบมีนัยยะ เป็นต้น
3. การเพิ่มของ Debt มหาศาลในช่วง 3 เดือนผ่านมา เพื่อแจกเงินอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ มากกว่า QE ช่วงวิกฤติการเงินที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน การยืมเงินจากอนาคตจำนวนมากมาอุ้มบริษัท อัดฉีดประชาชน แต่การแก้ปัญหาการแพร่ระบาด covid ในสหรัฐยังอยู่ระดับย่ำแย่ ยังเป็นวิกฤติ ซึ่งการควบคุมทำได้ไม่ดีแตกต่างจากจีน และประเทศเอเซีย สุดท้ายรอผลสำเร็จจากวัคซีน ซึ่งยังเป็นสิ่งต้องใช้เวลา
4. Stanley Druckenmiller มีสถานะใหญ่ใน commodity ,เขามอง potential inflation , และมีสถานะ short treasury ตราบที่ Fed ยังกดอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำและยังมีการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง(stimulus in the pipeline)




5. เขามอง valuation ของหุ้นกลุ่ม Tech ของ U.S. เริ่มไม่สเถียร หลายหุ้นราคาพุ่งเกินพื้นฐานแม้ในกลุ่ม Tech โอกาสการขยายการโตจากเทคโนโลยีเดิม เริ่มชะลอ เช่นเดียวกับคู่แข่งเริ่มมีมากขึ้น , ขณะที่เขาเชื่อว่า Tech ใหญ่จะต้องขยายโมเดลธุรกิจไปในพื้นที่ใหม่ (เช่น Apple ไป EV car)
6. Druckenmiller มอง asia เช่น จีน, ไต้หวัน, สิงค์โปร ,เกาหลีใต้ เด่นกว่าใน 5 ปีข้างหน้าดูดีกว่า U.S. ในหลายด้าน โดยเฉพาะหลัง covid-19 โดยมอง USD จะอ่อน(เขามี short ใน dollar position)และค่าเงินทวีป Asia จะแข็งกว่าในอนาคต จากภาวะอ่อนแอเศรษฐกิจสหรัฐ (GDP Growth จำกัด, Productivity ต่ำ)
7. เขาพูดถึง Risk management ว่าสำคัญ ประเด็นหนึ่งการผสมพอร์ตและหมุนเงินไปใน asset ต่างๆตามมุมมองสไตล์ Global Macro strategies , เขาแนะนำดีกว่าจะเล่นในพื้นที่เดียวที่อันตรายเกินไป บางคนลงทุนแค่ equity market อย่างเดียวถ้าเกิดปัญหาจะรับผลขาดทุนหนัก ยกตัวอย่างเขาเองบางกรณีผิดใน credit market แต่จะมี asset อื่นๆที่สร้าง return มาทดแทน
8.แม้จะลงทุนใน asset คลาสไม่กี่ชนิด แต่เขากระจายใน product ที่แตกต่างเช่น equity market มีทั้งหุ้นกลุ่มต่างๆ, ตลาดภูมิภาคต่างๆ เป็นต้น
9. แต่เขาไม่ได้กระจายความเสี่ยงใน asset class หลากหลายมาก(แต่ก็ไม่ได้ถือคลาสเดียว) เพราะเขาเน้นการมีวินัย(discipline) เชื่อว่าถ้าลงทุนในสินทรัพย์ 50-60% ในหนึ่ง asset class เราจะโฟกัส คอยระวังทุกก้าวและ ปกป้องความเสี่ยง
10. ไม่ได้ใช้ VAR เขาเน้นการดู P&L ทุกวันเพื่อคุมระดับความเสี่ยงของพอร์ต, เขาใช้ P&L พอร์ตตัวบ่งบอกความเสี่ยง เช่นถ้าผิดทาง P&L ลดลง(negative) , DD เริ่มเพิ่ม เขาก็จะแก้เกมส์ปรับกลยุทธ์ วิธีนี้เขามองว่ามันจะไม่ได้พึง stat แบบ risk model ทั่วไปและ เป็นวิธีที่อิงกับภาวะตลาดจริงที่เกิด เขามีประสบการณ์ 40 ปี จากก่อนหน้าแกเป็น macro investor เลือก asset เช่น currencies และ bonds เทรด 24 ชม.และมีสภาพคล่องสูงทำให้เขาบริหารความเสี่ยงได้ดี
11. เขาพูด Bitcoin ว่าอนาคตยังคงติดตาม มีด้านบวกและมีหลายประเด็นที่เขามองว่า Bitcoin ยังมีปัญหา 2-3 ข้อ(แต่ประเด็นมันละเอียดอ่อนผมไม่ขอลงลึก) ความน่าสนใจคือ Druckenmiller ซื้อลงทุน Bitcoin แต่ตอนนี้เขายังไม่ได้เชื่อใน Bitcoin เท่าไหร่
ยังมีอีกรายละเอียดอื่นๆ เช่นเรื่องระบบทุนนิยม. เศรษฐกิจ ที่ผมไม่ได้นำมาลงทั้งหมดเพราะมันยาว รายละเอียดเต็มๆลองฟังคลิปใน youtube ได้ครับ