ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Crypto-low-risk : Diversification&Coin Selection

 Crypto-low-risk : Diversification&Coin Selection

...................................
บทความนี้ตั้งใจเขียนเพื่อแชร์ไอเดีย ต้องเคลียร์ก่อนจริงๆไม่ใช่ Cryptocurrency เป็นสินทรัพย์ความเสี่ยงต่ำ แต่สิ่งที่เราทำได้คือจำกัดความเสี่ยง(Risk)ในพอร์ตของเราให้ต่ำที่สุด เพื่อให้การลงทุน/เทรด Cryptocurrency ไม่ทำร้ายตัวเรา

ตอนสองเป็นเรื่องของการกระจายความเสี่ยง(Diversification) และ Product selection , เพื่อความเข้าใจง่ายมองเหรียญคริปโต เหมือน หุ้น มีหลายประเภทหลายกลุ่ม แม้จะอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน, เหรียญคริปโตตัวหลักมีมากกว่า 50 ชนิดแต่พอเราศึกษาเชิงลึกจะพบว่า Business model และการนำไปประยุกต์ใช้นั้นแตกต่างกัน , จุดนี้มีผลในระยะยาวเพราะเมื่อมีการนำ Block chain technology ไปประยุกต์ใช้มากขึ้นๆๆใน 2-3 ปีข้างหน้า บทบาทและการเติบโตของ เหรียญ Cryptocurrentcy ย่อมเพิ่มตาม(Growth Factor) แม้ปัจจุบัน Cryptocurrency ส่วนใหญ่จะมีความสัมพันธ์(correlation) ระดับสูงกับ Bitcoin กล่าวคือยังแชร์ Risk Factor เดียวกัน เหมือนหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน แต่สิ่งที่เห็นจากข้อมูลช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาคือ BTC Dominance ลดลงอย่างมีนัยยะ(72 ลง 41) ทำให้บทบาทและปริมาณ market cap หรือเงินทุนเข้ามายัง alt coin เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

การทำ diversification ก็จะช่วยลดความผันผวนโดยรวมได้ เพราะบางเหรียญที่ราคาสูง (Over Price มากๆ)ความอ่อนไหวในราคายิ่งมาก(เวลา crash ร่วงแรงมากตาม) ดังจะเห็น crash รอบ May ที่ผ่านมาระดับการถดถอยของเหรียญมีตั้งแต่ -48% ถึง -70% การเฉลี่ยไปตาม weigth ที่เหมาะสมจะช่วยคุม downside ของพอร์ตคริปโตเราได้ แต่ก็ไม่ควรกระจายถือเหรียญให้มากเกินไป ถ้ามีเงินทุนไม่มาก 5-7 เหรียญก็กำลังดี, ส่วน Product selection การเลือกจะถือเหรียญอะไร ลองพิจารณาจาก white paper หรือรายงานสรุปเชิง technology โมเดลการนำไปใช้งาน(application), พิจารณาสภาพคล่อง(Liquidity)ของเหรียญ และขนาดของ Market cap ซึ่งเหรียญแต่ละตัวจะมีบทบาทที่แตกต่างกันมี Business model แตกต่างกันพวกนี้มีผลในระยะยาว (คนไม่เคยศึกษาอาจจะคิดว่าเหรียญก็คือเหรียญเหมือนกัน จริงๆไม่ใช้ยิ่งระยะยาวความแตกต่างมันยิ่งชัดขึ้นครับ )




ยกตัวอย่าง(แต่ไม่ใช่การแนะนำการลงทุน)ได้แก่ กลุ่มเหรียญหลัก เช่น BTC,ETH,XRP ,กลุ่ม Defi เช่น CAKE, LUNA, YFI ,กลุ่ม innovation เช่น MIR,1INCH,กลุ่ม POS เช่น ADA,ATOM,VET,MATIC,DASH,TRX,BNB เป็นต้น ส่วนสัดส่วนในการถือแต่ละเหรียญก็ขึ้นโมเดลการจัดพอร์ตของแต่ละคน ถ้าคิดไม่ออกก็อาจจะใช้แบบสัดส่วนคงที่ไปก่อนก็ได้ เช่น ถือ 5 เหรียญ เหรียญละ 20%, หรือถ้าคำนวนเป็นแนะนำลองจัดน้ำหนักตาม volatility ของแต่ละเหรียญ(บทความนี้ไม่ขอลงเทคนิคเชิงลึก)

ดังนั้นการกระจายความเสี่ยง(เพื่อลดความเสี่ยงเฉพาะ) ด้วยการถือเหรียญที่มากกว่า 1 เหรียญ, และทำ Product selection ด้วยการทำการบ้านจริงๆ อย่างน้อยแกะ Business model ของแต่ละเหรียญที่จะเลือกให้เข้าใจก่อน ว่าบทบาทหน้าที่ในโลกคริปโตของมันคืออะไร อนาคตมันมีแค่ไหน ไม่ใช่ไปซื้อตามคำเชียร์ หรือตามกระแสกาวไปวันๆแบบสุดโต่ง แบบนั้นระยะยาวย่อมเกิดผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน


ปล. ภาพเป็นแค่ตัวอย่างการ diversification เท่านั้นไม่ได้แนะนำการลงทุน
ปล. เริ่มต้นจากสร้างพอร์ตบน spot market ให้ได้ก่อน เพื่อสร้างฐานกำลังให้เรา ศึกษาข้อมูลและพฤติกรรมราคา+หาประสบการณ์ให้ชำนาญค่อยต่อ ยอดต่อไป