ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

รีวิวสั้นๆหนังสือที่อ่านจบในปี2021

 ตอนต้นปีตั้งใจจะอ่านหนังสือเดือนละ 1 เล่ม, แต่เอาจริงๆก็ไม่ง่ายเท่าไหร่เพราะเวลาไม่ค่อยอำนวย(บวกอ่านแบบอีบุ๊คด้วยทำให้อ่านช้าลง), สรุปปีที่แล้วได้อ่านหนังสือ จบจริงๆ 7 เล่มเท่านั้นเอง (แต่ยังอ่านเยอะมากทุกวัน แต่เน้นไปทางบทความในเว็บ มักจะตอบโจทย์ด้านการให้ความรู้ในบางหัวข้อที่ต้องการในการทำงานมากกว่า)

หลายเล่มที่อ่านก็เรียกว่า ดีและน่าสนใจจริงๆ เลยอยากนำรีวิวที่โน๊ตไว้มาแชร์ต่อเพื่อว่า ท่านที่สนใจหาหนังสืออ่านได้ใช้เป็นข้อมูลพิจารณาต่อไป
1. Positional Option Trading: An Advanced Guide
-เล่มนี้ของ Euan Sinclair พอดีอยากได้หนังสืออ้างอิงใช้เทรด Option เลยสั่งซื้อมา , หนังสือเนื้อหาไม่ผิดหวังเลยแน่นมากตามสไตล์ของคุณ Sinclair
เริ่มเนื้อหาก็ปูพื้นฐาน options พวก Theory และ Pricing Model , จากนั้นก็ค่อยๆลึกเช่นเรื่อง Forecasting Volatility แบบต่างๆ,
-ส่วนที่ชอบสุดเรื่องกลยุทธ์ เขาเขียนอธิบายแจกแจงกลยุทธ์การเทรด options ไว้หลากหลาย โดยเฉพาะการเทรดระยะกลาง , หรือยาว เชิงกลยุทธ์เชิงซ้อน ,การใช้ประโยชน์ร่วมกับการเทรด spot เป็นต้น
-ส่วนท้ายเรื่อง Money Management และการจัดการ Risk ในการเทรด options ก็น่าสนใจดี โดยเฉพาะพวกประยุกต์กับ Directional Option strategies ซึ่งในหนังสือก็สอนทั้งโมเดลสามัญ เช่น Kelly criterion , Uncertain parameter เป็นต้น
-เล่มนี้อ่านยากพอควร(แต่อ่านง่ายกว่าเล่ม Volatility Trading นะ) ถ้าพื้นฐานไม่แน่นอาจจะงง ไม่เหมาะกับมือใหม่เลย ควรเริ่มที่เล่ม Option Trading ของ Sinclair ก่อนจะดีกว่า แต่ถ้าจะเอาไปใช้อ้างอิงหรือทำระบบเทรด ดีงามมาก, และด้วยความที่เน้นไปทาง การเทรดระยะกลาง ทำให้บางทีไม่ต้องเทรด options เป็นหลักก็นำเอาหลักการไปประยุกต์ ใช้ options trading เสริมการบริหารพอร์ตได้ด้วยเช่นกัน
***********

2.Alpha Trader: The Mindset, Methodology and Mathematics of Professional Trading
-เล่มนี้ของ Brent Donnelly (ชื่อคล้ายกันแต่คนละเล่มกับ Alpha Trading ) ผมตั้งใจซื้อเพราะต้องการจะอ่านเกี่ยวกับ strategies และ tacticsในมุมมองของ Donnelly เพราะเขาเป็นเทรดเดอร์ ค่าเงินที่มีชื่อและอยู่ใน ตลาดมานาน ประสบการณ์เพียบ ,
-หนังสืออ่านง่าย อ่านลื่นๆเป็นบทๆ ไม่มีความซับซ้อนหรือ โมเดลอะไรยุ่งยากเท่าไหร่ , ผู้เขียนอธิบายหลายประเด็นสำคัญ ให้เข้าง่าย และมีตัวอย่างประกอบ เนื้อหาทันสมัย เน้นไปทางวิธีคิด และมุมมองต่อตลาด ,ต่อเศรษฐกิจ, ต่อเครื่องมือเทคนิคอล และเรื่องของความเสี่ยง เล่มนี้ใครอยากเปิดมุมมองการเทรด แบบมืออาชีพ ผมแนะนำให้หามาอ่านเลย คุ้มค่ามากเพราะ Brent Donnelly เขียนถ่ายทอดประสบการณ์ไว้ดีจริงๆครับ
******************
3. Trading Evolved
-เล่มนี้ของ Andreas Clenow เป็นหนังสือ Systematic trading ที่มาพร้อมตัวอย่าง Python ในการพัฒนาระบบเทรด ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูล(ใช้ Pandas กับ Quandl ), การทำ algorithm และทดสอบ backtesting (สอนใช้ zipline) และประเมินผลทางสถิติจาก PyFolio
-แต่กลยุทธ์ไม่ค่อยลึกเท่าไหร่ ใช้ technical analysis สร้างกลยุทธ์พื้นฐานทั่วไป เช่น Trend following ,เนื้อหารวมๆไม่แน่นหรือลึกมาก แบบหนังสือ Systematic trading ของนักเขียนคนอื่นๆ เช่น Rob carver ,Perry Kulfman
-ข้อดีคือเนื้อหาเยอะหลากหลายหัวข้อดี และอ่านง่ายนะ อธิบายโค้ดละเอียดเลย เหมาะกับมือใหม่ ที่เพิ่งเริ่มและสนใจใช้ python ทำระบบเทรด ,ถ้าเพิ่งเริ่มนี้ถือว่าคุ้มค่าครับ
-แต่จริงๆถ้าใช้ Pandas , TA-lib , Zipline และPyFolio ของ Quantopian เป็นอยู่แล้ว ไม่แนะนำไม่ต้องอ่านก็ได้ ,
************************

4. Strategic Risk Management: Designing Portfolios & Managing Risk
-เล่มนี้เขียนโดย Campbell R. Harvey และคณะ เรียกว่าเป็นหนังสือที่ดีงามมากด้าน Risk Management ที่ผมมีโอกาสได้อ่านมาหลายปีนี้ , เนื้อหาลึก+หลากหลาย และ update ใหม่ล่าสุดมาก(มีเรื่อง COVID-19 pandemic ด้วย) ทำให้เห็นกระบวนการและกลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยงของพอร์ต ในภาวะตลาด และสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ,
-ส่วนตัวผมชอบตรงที่เนื้อหามีการพูดถึงแนวทางการป้องกันความเสี่ยงของพอร์ต เพื่อให้รับช่วงวิกฤติความไม่ปกติของสภาวะตลาดและเศรษฐกิจ มีการอธิบายโมเดลการทำ downside risk protection เช่น Volatility Targeting & Volatility scaling , Strategies Rebalancing, Drawdown Control
รวมไปถึงเคสที่เปลี่ยนเทียบการบริหารความเสี่ยงด้วย Man เทียบกับ machine ก็น่าสนใจ,
-บทท้ายเขานำเสนอตัวอย่างช่วง market selloff ในตอน COVID-19 ปี 2020 ว่าควรจะวางแผนจัดการความเสี่ยงอย่างไร ใช้ Volatility Targeting ,Rebalancing อย่างไรให้เหมาะสม
-ภาพรวมหนังสือเล่มนี้ เรียกว่าดีและคุ้มมาก สำหรับการเรียนรู้เรื่อง Risk management แต่ถ้าไม่มีพื้นฐาน Portfolio management เบื้องต้นมาก่อนอาจจะอ่านยากสักนิดเพราะหนังสือไม่ได้ปูพื้นฐาน , และถ้าไม่ชอบสมการตัวเลข หรือพวกสถิติ ก็อาจจะไม่เหมาะในการอ่านเช่นกัน
********************

5. Get Funded!
-เล่มนี้ไม่เกี่ยวกับการเทรด แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการสร้างธุรกิจ Startup ผมเลยซื้อมาอ่าน , ผู้เขียนคือคุณ John Biggs และ Eric Villines ,มีประสบการณ์มากในสาย Startup และคุณ Biggs แกเป็นนักเขียนอาชีพและโปรแกรมเมอร์ ที่เขียนบทความด้าน Tech startup อ่านสนุกดีหลายชิ้นบน TechCrunch และ New York Times,
-หนังสืออ่านง่าย ไม่มีเทอม์เทคนิคด้านการเงิน หรืออะไรซับซ้อน แต่ผู้เขียนเรียบเรียงเนื้อหา อธิบายขั้นตอนต่างๆดีมาก สำหรับคนที่จะเริ่มสร้างธุรกิจ Startup และกำลังมองหา ผู้ร่วมลงทุน , การแต่งตัว วางแผน ,การนำเสนอ เพื่อให้ได้รับโอกาสระดมทุนจาก นักลงทุน , VC ซึ่งมันมักไม่ได้มาง่ายๆ เพราะมีหลายเรื่องที่ต้องวางแผน วางกลยุทธ์ให้ดี เพื่อสามารถสื่อสาร กับ VC ได้, รวมถึง ผู้ประกอบการสาย Tech มีมุมมองด้านการพัฒนา,แม้จะมี MVP แล้วแต่การสร้าง Value ของธุรกิจ มันต้องมีเรื่องของ "การตลาด" มาประกอบด้วยเสมอ ซึ่งการเตรียมแผน และการจัดการเรื่องของ สินค้า , การวางแผนกลุ่มเป้าหมาย เพื่อทำการตลาด และแนวการเติบโตของธุรกิจ(Scale) ในอนาคต เป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องมีแผนและคิดคำตอบไว้ ล่วงหน้าก่อนเริ่มระดมทุน เพื่อสร้าง Valuation ให้กิจการได้ดี
-หัวข้อหนึ่งที่น่าสนใจของหนังสือเล่มนี้คือ Valuation และ Dilution , มันเป็นเหมือน Trade off ว่าผู้ประกอบการ เมื่อสร้างธุรกิจที่มี valuation ระดับหนึ่ง เมื่อต้องการเงินทุน เท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม หรือจะไม่ทำให้เสียหุ้น และโดน Dilution มาเกินไปตั้งแต่เริ่มต้น
- นอกจากนี้หนังสือยังพูดถึง แนวทางการระดมทุนผ่าน crowdfunding platforms ต่างๆที่ปัจจุบันมีมากขึ้นและเป็นจุดเริ่มต้นในการ พิสูจน์โมเดลธุรกิจ รวมถึงทำการวิจัยการตลาด เก็บสถิติตัวเลข และการตอบรับ ของ Product จากกลุ่มผู้ใช้ต่างๆในโลกออนไลน์ ได้อีกด้วย
*************************

6. The Money Tree A Story About Finding the Fortune in Your Own Backyard
-เล่มนี้เขียนโดย Chris Guillebeau ,ผมเคยอ่าน The $100 Startup เลยกดเล่มนี้มาเพิ่ม หนังสืออ่านง่ายและค่อนข้างสนุกตามสไตล์การเขียนของคุณ Guillebeau ด้านเนื้อหาไม่มีอะไรใหม่มาก ถ้าอ่านหนังสือพวก passive income หรือการสร้าง wealth ,มาก่อน ประเด็นหลักก็คล้ายๆเดิม
-แต่ความสนุกคือการถ่ายทอดเรื่องราวด้านการเงินส่วนบุคคล ในลักษณะนิยาย ผ่านตัวละคร Jake Aarons ที่เผชิญปัญหาด้านการเงิน, การงานและชีวิต จากนั้นก็หาทางแก้ปัญหา จนไปพบกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เผชิญปัญหาทางการเงินคล้ายกัน, เริ่มท้าทายตัวเอง ทำการวางแผนการเงิน, เก็บเงิน, สร้างแหล่งรายได้หลายทางจาก side hustle ,
-หนังสือสอดแทรกความรู้และแง่คิดการเงิน ผ่านตัวละคร และบทสนทนา ทำให้อ่านสนุกและได้ความรู้ในการสร้าง แผนการเงินส่วนบุคคลดี
-ส่วนตัวคิดว่าเล่มนี้ น่าแปลไทย และเอาไปใช้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลา สำหรับเด็กรุ่นใหม่ มากๆเพราะถ้าเข้าใจเรื่องการเงิน ตั้งแต่เริ่มต้น ปัญหาความล้มเหลวทางการเงิน อย่าง Jake Aarons เช่น จบมหาลัยมาก็เป็นหนี้ student loan ,ทำงานหนัก ใช้เงินคลายเครียดจากงาน หรือซื้อสิ่งของเพื่อเข้าสังคมก็เป็น หนี้บัตรเครดิต ,สร้างฐานะ ก็เป็นหนี้กู้ซื้อบ้าน/คอนโด,หนี้รถยนต์ สุดท้ายมารู้ตัว ตอน 40 กว่าๆ ชีวิตก็ต้องพึ่งพา "งานประจำ" ทำงานยัน 65 มันก็สายไปแล้ว
***************************

7.The Psychology of Money
-เล่มนี้น่าสนใจและเขียนออกมาได้ดีมาก มุมมองกว้าง,เข้าใจง่าย ข้อมูลลึก ตามสไตล์ของ Morgan Housel ผมตามอ่าน blog เขาที่ Collaborative Fundและเคยอ่านบทความมาก่อน เลยทำให้ตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มนี้ไม่ยาก , Housel เป็นนักข่าวสายการเงินมืออาชีพและเขียนบทความด้านการเงิน เศรษฐกิจมาเยอะ(แต่ก่อนลง monty fool ประจำ) ดังนั้นทำให้หนังสือเล่มนี้ออกมาลงตัวดีมาก
-สำหรับผมสิ่งที่ชอบใน The Psychology of Money คือการถ่ายทอดให้เข้าใจสัจจะทำที่ว่า คนเรา นั้นมีมุมมองเรื่อง เงิน ไม่เหมือนกัน!!! , อันนี้เป็นเรื่องปกติ และไม่ได้เกี่ยวกับความโง่ ความฉลาด หรือแม้แต่ระดับการศึกษาเสมอไป, มีมากมายที่รู้เยอะ เรียนเก่ง แต่ก็ล้มเหลวทางการเงิน, มีไม่น้อยที่ทำงานเก่ง ประกอบอาชีพเก่งแต่ก็ล้มเหลวเรื่องเงินได้เช่นกัน , บางคน anti เรื่อง เงิน และไม่สนใจอะไรกับมันมากเพราะกลัวว่าจะกลายเป็นคนที่ไม่ดี และยึดติดกับเงินมากไป แต่หารู้ไม่ว่าการขาดความรู้เรื่องการเงิน การบริหารเงินไม่เป็น จะทำให้อยู่รอดยากมาในระบบทุนนิยม และสุดท้ายการล้มเหลวทางการเงิน จะนำมาซึ่งปัญหาต่างๆ เช่นปัญหาครอบครัว, ปัญหาการงาน และสุขภาพกาย&จิต
-ดังนั้นก็ไม่ควรไปละเลยเรื่องเงิน เรียนรู้ ทำความเข้าใจ อย่างมีสติ รู้จักวางแผน อดออม และกล้าที่จะเสี่ยงแบบมีสติ มีแผน มีเหตุผล(calculated risk) ,หาประโยชน์จาก อัตราดอกเบี้ยทบต้น และใช้ประโยชน์จากการลงทุนในกองทุน(low cost) แทนการมุ่งเน้นการเลือกหุ้นรายตัว
-แน่นอนโลภมากไม่ดี ธรรมชาติของคน เงินมีเท่าไหร่ก็ไม่พอ ดังนั้นเราควรที่จะมีสติ ตั้งเป้าหมายอย่างพอดี ไม่ประมาท บริหารความเสี่ยงการลงทุน นึกถึง margin of safety และคำนึงถึง black swan หรือสิ่งที่ไม่คาดถึงในอนาคตเสมอ
-สุดท้าย เงิน หรือ ความมั่งคั่ง เป็นเพียงส่วนหนึ่ง แต่เราต้องมองหาสิ่งที่มีค่า มากกว่าเงิน เช่นความสุข, ความมีอิสระในชีวิตเป็นต้น