ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์ที่มีป้ายกำกับ มือใหม่

the Impact of China’s Growth on the World Economy, Ray dalio

คลิปดีงามมากคุณ ray dalio มาเล่าเรื่องของจีน เขายังคงมุมมองเดิม เชื่อว่า จีน เป็นโอกาสหนึ่งที่ควรลงทุนในอนาคต นอกจากนี้ยังมีภาพชาร์ต +ข้อมูลประกอบดีๆเยอะเลย ผม cap บางส่วนที่สำคัญเอาไว้ ไม่ได้แปลให้ทั้งหมด แต่มี key take away มาแชร์ ถ้าใครฟังจบมีประเด็นดีๆเพิ่มเติมก็คอมเมนต์แชร์เอาไว้ได้ครับ > คุณ ray dalio ชื่นชอบจีน การพัฒนา การเปลี่ยนแปลงช่วง 40 ปีที่ผ่านมานโยบายการเมือง เศรษฐกิจต่อสู้กับควา มยากจน แล้วก้าวมาสู่ชาติที่มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับสองของโลก > Invest in china , การเติบโต ของจีนก้าวสู้อำนาจใหม่ในศตวรรษหน้าเกือบทุกด้าน โดยเฉพาะการแข่งขันทางธุรกิจ และเทคโนโลยี > จีน กลายเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันธุรกิจระดับโลก และควรเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุน diversification (eary ดีกว่า late)ในพอร์ต > market สะท้อนข่าวหรือประเด็นที่เกิดด้านบวกหรือลบ การลงทุนต้องจัดการ risk แม้ปัจจุบันหลายที่ก็ risk เช่น ยุโรป , US , EM ทุกที่ล้วน Risk เช่นเดียวกับจีน มี risk เฉพาะ มองเชิงสัมพันธ์เทียบกับทั้งหมด จีนเสี่ยงต่ำกว่า เทียบกับ ประสิทธิภาพและความสามารถการจัดการปัญหา และสถานกา

Passion , Mission & Money by ray dalio

มีคนมาบ่นเรื่องเหมือนกำลังจะหมดไฟ เพราะ งานที่ทำพยายามเท่าไหร่มันก็ไม่ได้ผลลัพธ์ที่หวังสักที ผมไปเจอ quote นี้ของคุณ ray dalio เป็น work principle เลยอยากเอามาแชร์ โดยสรุปว่า เขายกคุณสมบัติของงานสองประเภท 1. สร้างรายได้สร้างเงินมาเลี้ยงชีพ 2. ตอบโจทย์เป้าหมายความต้องการของตัวเรา คุณ ray แนะนำเอาไว้ว่า เราควรเลือกทำงาน ที่ผสมทั้ง 1 และ 2 พยายามทำสิ่งที่มีความหมาย สิ่งที่เราหลงใหล(passion) ท้าทาย จูงใจ บวกกับตอบโจทย์ชีวิตของเรา(mission) ที่เราต้องการ ทำในสิ่งที่มีความหมาย(ไม่ใช่แค่ผ่านไปวันๆ) และขณะเดียวกัน งานมีคุณค่าสร้างเงิน สร้างรายได้ที่ได้มาเหมาะสม สุดท้ายท้ายสุดคือเลือก หาคนที่มีมุมมอง มีเป้าหมายคล้ายกันเพื่อทำงานร่วมกัน (อันนี้ระบบงานประจำอาจจะยากหน่อย) นำมาตกผลึก พบว่า work principle นี้ดี ray dalio ใช้ในการเลือกและวางแผนการทำงาน ทำให้เขาไปสู่เป้าหมายความสำเร็จ เพราะถ้าเราไม่ได้ทำงานที่อยากทำ แต่ทำเพราะมันได้เงิน สุดท้ายไม่ตอบโจทย์ชีวิต ไม่เหมาะสมมันก็ยากจะไปรอด(เพราะเมื่อเจอ Bad day ช่วงที่แย่ก็ผ่านไปไม่ได้ หรือไม่มีพลังในการพัฒนาตัวเอง) หรือทำงานที่อยากทำ แต่ไม

Time Management & ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเทรด

เมื่อวานบรรยายเรื่องการสังเกต พฤติกรรมการเทรดของตัวเทรดเดอร์ เพื่อหาช่วงเวลาที่เราเทรดได้ดีที่สุด หรือทำ cashflow ได้ลื่น ได้รอบที่สุด เพราะช่วยทำให้เรา optimize ด้านเวลาทำงาน การจัดตารางเทรด(สำหรับ part time trader ที่ไม่มีเวลานั่งติดจอทั้งวัน)และเวลาในการพักผ่อนของตัวเราได้ด้วย อีกมิติ ก็จะเป็นการทดสอบ trading system กับภาวะของ market ไปในตัวด้วย ตรงนี้หลักการวิเคราะห์คือเอา ค่า volatility ของสินค้า มาเท ียบกับ cashflow ที่ทำได้(ดูค่า mean และ sd ของวัน) อิงจากช่วงเวลาเดียวกัน โดยสรุป กรณีเป็นประเภท volatile trading strategies: ถ้าภาวะตลาดมีค่า volatility สูง และเราสามารถทำรอบการเทรดได้ดี ได้ flow นั้นหมายความว่า ระบบมัน flow ถ้าเป็นประเภท Trend / TSMOM trading strategies กรณีตลาดมี volatility สูง แล้วเราไม่เสีย drawdown ไม่สูงตามแปลว่า ระบบนั้นใช้ได้ แนวคิดนี้ไม่ซับซ้อน การติดตาม cashflow ทำได้ในช่วงเวลาใดๆเพื่อทำ data analysis ต่อ กรณีเราไม่มีเครื่องมือหรือไม่ได้เขียนโปรแกรมวิเคราะห์ สามารถใช้ myfxbook เพื่อวิเคราะห์ค่าเหล่านี้จาก tradind record ได้ครับ เป็นการ

7 Days Out

มีคำกล่าวที่ว่า "ถ้าหากเราทำงานที่เรารัก เราจะรู้สึกว่าไม่ได้ทำงานตลอดชีวิต" ยิ่งไปกว่างานที่รัก คืองานที่สร้างไฟให้เราอยาก ตื่นขึ้นมาทำมัน อย่างสนุก ทุกวัน ถ้าอยากเห็นคนที่มีโอกาสได้ทำงานเหล่านี้ แนะนำให้ลองชมสารคดี 7 Days Out ทาง Netflix สารคดีนี้มี 6 ตอนสะท้อน 6 งาน event ใหญ่ระดับโลก ไล่ตั้งแต่ การประกวดสุนัข, แฟชั่นโชว์ของชาเนล, การแข่งขัน e sport รอบสุดท้าย League of Legends ตัวแทนทวีปอเมริกาเหนือ, จนไปถึงปฏิบัติการสุดท้ายข อง NASA's Cassini Mission โดยสารคดีแต่ละตอนยาวราวๆ 45 นาที ดูสนุก ได้แง่คิด ได้เห็น คนที่รักและทุ่มเทเกิน 100% ให้กับงานของตัวเอง ในช่วงเวลาจำกัดสำคัญ 7 วันก่อนถึง event ใหญ่ พวกเขาต้องเผชิญ กับปัญหา ความยากลำบาก ความเครียด ความกดดันจากเวลา แต่ก็สู้สุดๆทำงานแบบเป็นทีม เพื่อให้งานสุดท้ายออกมาดี และสำเร็จ สารคดีนี้ทำออกมาได้ดี สนุก ได้เปิดมุมมองเบื้องหลังการถ่ายทำ ในหลายเรื่อง ที่เรียกว่า เราอาจจะไม่รู้มาก่อน ส่วนตัวผมชอบสุดเป็นเรื่องของ NASA ถ้ามีโอกาสแนะนำให้ลองหามาชมกันครับ อ้างอิง https://www.imdb.com/title/tt9315990/

+swap & time arbitrage

วันนี้ ปิด position ค้างมาออกได้จากการใช้ประโยชน์ของ swap จึงอยากเขียนบันทึกไว้ เทรดเดอร์ ไม่มีใครบอกให้ต้องเล่นสั้นเสมอไป ดังนั้นอย่าไปดูถูกพลังของ +swap และ "time arbitrage" นำสองสิ่งมาใช้ให้เป็น บวกกับการเลือก product และทำ portfolio construction ที่ดี ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ trading system ได้ นอกจากนั้นการใช้ time management และ +swap นอกจากได้ ผลตอบแทนมาลด DD ของ position บวกเพิ่ม ความสามารถในการถือสถานะให้ยาวขึ้น แล้ว ยังมาลด cost พวกค่าคอมมิชั่นและอื่นๆได้ด้วย ซึ่งสุดท้ายเป้าหมาย คือการทำให้เกิด alpha หรือสร้างให้ balance curve มันมีความสัมพันธ์กับ market น้อยที่สุดเพื่อลดความผันผวนจากตลาด และสามารถสร้างผลตอบแทนเชิงบวกได้ในทุกสภาพตลาด ปล. เช่นเดียวกัน ก็ไม่ใช่ทุกโบรกเกอร์จะให้ swap ที่ดีหรือเท่ากันเสมอไป ขณะเดียวกันบางสินค้า swap ดีแต่สภาพคล่องในการเทรดต่ำ บวก spread อาจจะกว้าง ก็เป็นได้ ดังนั้นจุดนี้ ต้องใช้การวิเคราะห์ข้อมูลให้ดี ก่อนเข้าไปเทรดเสมอ

บันทึกหุ้น Deutsche Bank

Deutsche Bank หุ้นธุรกิจอายุยาวกว่า 140 ปี ธนาคารยักษ์ใหญ่ของเยอรมันนี สาขา 58 ประเทศทั่วโลก พนักงานกว่า 91,463 คน ราคาหุ้นสัปดาห์นี้ทำ New low ประวัติการณ์ หลุด 6 Eur ลงมา (ล่าสุด 5.98 eur) อดีตตอน 2007 ราคา high ที่ 116.65 ถ้าถือลงทุนยาวหรือติดดอย คงจะทำให้ปวดตับน่าดู ราคาไหลลงต่อเนื่องหนักมาตั้งแต่ปี 2010 ติดต่อกันมา 9 ปีเต็ม พร้อมกับกรณีข่าวฉาวไม่หยุดหย่อน ทั้งเรื่องการไปพัวพันกับการฟอกเงิน, การโดนปรับจากรัฐกรณีผิดกฏ(รวมกว่า 12,489 ล้านเหรียญ) ยังมีเรื่องการโดนฟ้องจากสหรัฐ เรียกค่าเสียหายกรณีวิกฤติซับไพร์ม ล่าสุดดีลการควบรวมระหว่าง Deutsche Bank และ Commerzbank ก็ล้มไป ราคารับผลเชิงลบ ร่วงลงหนักทำเอานักเก็งกำไร เข้าไป ดักทาง หรือนักลงทุนที่ติดดอยและ ถัวเฉลี่ย ต้องขาดทุนกันอย่างหนัก https://twitter.com/zerohedge/status/1134412215174479873

Uncertainty ว่าด้วยความไม่แน่นอน

อธิบายเรื่อง Uncertainty Analysis และ Monte Carlo Method จบทิ้งท้าย slide ด้าน quote คำพูดคมๆจากบทความของ Cassie Kozyrkov Uncertainty means you can come to the wrong conclusion, even if you have the best math in the world. การเทรดยังไงเสียก็หนี้ไม่พ้น risk ส่วน risk เป็นซับเซตของ uncertainty นั้นแหละแต่ risk นั้นมักจะสามารถ คำนวน probability และ impact ที่เกิดได้ ลองดูภาพด้านล่างได้ ประกอบ

ตลาดหุ้นไทย ในวันที่ vaule สูงสุดเป็นประวัติการณ์

บันทึกตลาดหุ้นไทย ไว้สักนิด เหตุการณ์วันนี้ ตลาดหุ้นไทยได้ดีใจกันเล็กๆ ด้วยดัชนี SET มูลค่าการซื้อขายทะลุ 2 แสนล้านบาท สูงสุดในประวัติการณ์ ๆๆๆๆๆ ข้อมูลเป็นการซื้อเข้ามาของ ผู้เล่นต่างชาติ ตัวเลขวันนี้ราวๆ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 12,534.55 ล้านบาท แต่ถ้านั้งเทรดทั้งวันจะพบ ว่ามันไม่ได้มีอารมณ์การ bullish แต่อย่างไร ยกช่วงเช้าชน 1631 โดยขายกดก่อนเที่ยงลงมา 1619 นิ่งไปนาน มาขยับขึ้นๆลงๆช่วงบ่ายๆกรอบ 1620 - 1628 ก่อนท้ายตลาดดีดแรงไปปิด 1632 สิริรวมวันนี้ +7.20 จุดเท่านั้นเอง แต่ volume ถลักมาก ส่วนตัวเลข Big lot วันนี้หุ้นใหญ่ ที่อยู่ใน MSCI มี volume ไม้หนักมาเกือบหมด 46 ตัว นำขบวน scc ตามด้วย intuch , bdms และ scb ด้านประเด็นที่เล่นกันวันนี้ เพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดท้ายตลาด สอดรับกับ story เรื่องการเพิ่มน้ำหนัก ของ MSCI ราวๆ $2.4 พันล้าน จริงๆ มองในแง่จิตวิทยาก็ค่อนข้างเรียกความเชื่อมั่นได้พอควร ทั้งเรื่องการเมืองและอื่นๆ ต้องดูต่อว่า ท่าทีของนักลงทุนต่างชาติ จะยังไง จะกลับมาไล่ต่อเหมือนอดีตหรือไม่ คงติดตามกัน อ่านเพิ่มเติม https://www.ryt9.com/s/iq05/2995826 htt

Rethinking Technical Analysis

slide งาน meetup ที่จัดโดย Cybertrader ผู้บรรยายคือคุณ Kingsley Jones แห่ง Jevons Global แชร์แนวคิดและงานวิจัย นำเอาเทคนิคการ solve ตัว nonlinear system ด้วย parallel computing มาใช้กับ Technical Analysis โดยสรุป คุณ Jones ผู้บรรยายบอกว่าปัจจุบันระบบประมวลผลคอมพิวเตอร์แบบสมรรถนะสูง(high performance computing) รองรับ การทำ nonlinear signal processing แบบเรียลไทม์ บน Partial Differential Equations กับข้อมูล  ขนาดใหญ่ ที่ซับซ้อน(ทั้ง Price, Order flow , sentiment) ได้จริงแล้วทางปฏิบัติ เขา สาธิตการทำงาน algorithm ที่ใช้คือ VECTORIZATION OF EWMA แสดงผลประสิทธิภาพการคำนวณ real time ให้ดู สไลด์ไม่ยาว แต่มีประเด็นที่น่าสนใจให้คิดต่อเยอะดี ปล. ส่วนตัวทำระบบ nonlinear system มาพอควร ผมเองจะใช้แนวทางของ genetic algorithm หรือพวก optimization method การประยุกต์กับ time series data แต่ไม่เคยทำ real time ระดับวินาทีแบบเขา พอดูจากผลการทดลอง บนเครื่องคอมพิวเตอร์สรรถนะสูง(โดยเฉพาะสร้าง algorithm ด้วย Parallel Programming สำหรับ HPC) คิดว่าน่าจะช่วยได้มาก แต่ก็แน่นอนว่าต้นทุนของระบบเพิ่

I Will Teach You To Be Rich โดย Ramit Sethi

วันนี้ระหว่างเดินทาง นั่งฟัง Ramit Sethi (New York Times bestselling author) เจ้าของหนังสือ "I Will Teach You To Be Rich" สัมภาษณ์และสนทนาในรายการ The Compound มีหลายประเด็นที่ชวนให้คิดต่อดี โดยเฉพาะเรื่อง การบริหารเงินส่วนบุคคล ที่ Ramit Sethi บอกเลยว่า เขาไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดแบบเดิมๆ ประเด็นหนึ่งที่ผมชอบคือ Ramit Sethi ชวนให้เราตั้งคำถามว่า - อะไรคือสิ่งที่เราชอบใช้เงินมากที่สุด - ลองจินตนาการว่าถ้าเราสามารถเพิ่มงบในการใช้จ่ายสิ่งนั้นเป็น 5 เท่า 10 เท่า แล้วมันจะสร้างคว ามสุขสนุกสนานได้เพิ่มตามหรือไม่ เขาท้าทายให้เราลองทำแบบนี้ จริงๆเพื่อค้นหาว่า มันมี item อะไรที่เราใช้เงินเยอะ แต่มันไม่ได้ทำให้เรามีความสุขหรือ enjoy ซึ่งคนส่วนใหญ่ จะมี 2-3 สิ่งที่หมดเงินใช้จ่ายไปมากแต่ไม่ได้ทำให้มีความสุข เมื่อเทียบกับสิ่งอื่น เมื่อพบ 2 รายการหลัก เขาก็แนะนำให้เรา ลองตัดเงินทุนที่นำไปใช้จ่ายกับมันลง เรื่อยๆ อย่างน้อยคุมได้ 10% ของรายได้ เพื่อนำเงินส่วนนั้น ไปใช้วางแผนทำอย่างอื่น เช่นการลงทุน หรือใช้ออมเงิน เพื่ออนาคตต่อไป ซึ่ง Ramit Sethi บอกว่ามันดีกว่าการมานั่งประหยัด

แนะนำ Ooca จิตแพทย์ออนไลน์

8 ปีก่อนเคยมีซีรีย์เรื่อง Web Therapy ของ Lisa Kudrow ออกฉาย เรตติ้งดีทีเดียวในอเมริกา ยังคิดเลยว่าน่าจะมีบริการแบบนี้ ในเมืองไทยบ้าง เพราะมันน่าจะช่วยคนที่มีข้อจำกัดหรือติดปัญหาในการเข้าถึง จิตแพทย์ได้ดีขึ้น โดยเฉพาะอาชีพ อย่างเทรดเดอร์ ที่ต้องเผชิญกับแรงกดดัน จากผลงาน(ยามขาดทุน หรือผิดหวัง) และภาวะตลาดผันผวน รวมไปถึงแรงกดดันจากครอบครัว จิตแพทย์ หรือคนที่ช่วย พูดคุยแนะนำ ทบทวนความคิดและปัญหาด้านจิตใจของเรา น่าจะช่วยลดความเครียด และความกดดัน ได้มาก วันนี้ไปเจอคลิปของ Ooca จ ิตแพทย์ออนไลน์ เป็น startup ที่น่าสนใจมาก ผมยังไม่เคยใช้บริการ แต่เดียวคงมีโอกาสได้ลอง เพราะตอนนี้น้องเทรดเดอร์ ที่รู้จักกำลังหา จิตแพทย์ เข้ามาช่วยให้คำปรึกษาอยู่ แต่ด้วยเวลาและชั่วโมงทำงาน ทำให้การไปพบแพทย์ตามโรงพยาบาล ไม่ง่าย คิดว่า Ooca น่าจะเป็นอีกทางเลือก ลองดูแนวและรายละเอียด ได้จาก link ด้านล่าง ใครสนใจลองไปโหลด app มาทดลองกัน ปล. เป็นเทรดเดอร์นี้เครียดนะครับ ถ้าไม่มี support system ด้านจิตใจที่ดี จะเป็นปัญหามาก ส่วนตัวผมเจอมาเยอะหลายรายแล้ว ที่เป็นเทรดเดอร์แล้วต้องประสบปัญหาด้านจิตใจ ป่วยทั้

ย้อนอดีต รำลึกความหลังกับ บันทึกการเทรด

เทรดเดอร์ค่าเงินรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จัก Effi lang แต่ชื่อของเทรดเดอร์ค่าเงินชาว บัลแกเรีย ในอดีต ก็เป็น อีกท่านที่ถ่ายทอดแนวคิดการเทรด และการบริหารพอร์ตแบบเรียล ดีๆ ไว้เยอะ สมัยก่อนเฟสบุ๊คไม่มีไม่ฮิต เวลาหาความรู้ หรือแกะระบบเทรดไปที่ forexfactory ซึ่งในนั้นมีเทรดเดอร์ฝรั่งเก่งๆ ไม่น้อยที่มาให้ความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ ผมเองเรียนเทคนิคการเทรด scalping มาจาก Effi lang เยอะมาก เขาอธิบายไอเดียและตัวอย่างได้น่าสนใจหลายประเด็น เช่นเทคนิคฝึกเก็บ  Pips แล้วใช้ leverage ที่เหมาะสมสร้าง payoff แปรผันไปตามช่วงความเสี่ยงและโอกาส ของตลาดที่เกิด เป็นต้น(ไม่ใช่ต้องไปนั่งปวดหลัง เทรดเก็บกำไรน้อย เก็บสั้นได้ผลตอบแทนต่ำเสมอไป ขณะเดียวกันก็ไม่ไปโลภ over trading เกินไป) หลายเรื่องแม้จะเก่าผ่านไป สิบกว่าปี แต่มันก็ยังนำมาปรับประยุกต์ใช้ได้ในตลาด fx ปัจจุบัน The fastest way to success is a disciplined plan. So take a day, a week a month a year if you have to, but write a plan and keep a diary, because that’s the fastest way to mature as a trader. , Effi lang 2009

How the Tech Giants Make Their Billions

ข้อมูล รายได้จากธุรกิจ ของเหล่าบริษัทยักษ์ IT พร้อมการแสดงแบบ infographic จาก  visualcapitalist.com  โดยบริษัทของสหรัฐ Microsoft, Apple, and Amazon ต่างมีมูลค่าแตะระดับ $1 Trillion จากข้อมูลบริษัท Facebook , Alphabet(หรือ Google) รายได้หลักมาจากการขายโฆษณา, ด้าน amazon รายได้หลักมาจาก online store ,ส่วน Microsoft รายได้หลักมาจากผลิตภัณฑ์ของ WIndow OS, Office และ Azure clould service โดยบริษัทที่มี revernue สูงสุดนั้นคือ Apple ที่ 265.6 billionจากข้อมูลที่รายได้หลักมาจากการขาย Iphone (63% หรือ 166.7 billion) แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ Apple มีตลาดในจีน สัดส่วนสูงถึง 20% ต่างจากบริษัท Tech อื่นๆที่เรียกว่ามีส่วนแบ่งในจีนน้อยมาก ดังนั้น ถ้า trade war ระหว่างสหรัฐและจีน ประทุแรง Apple คงหนีไม่พ้นที่โดนผลกระทบไปด้วย ซึ่งตอนนี้วิบากกรรมไปตกกับ Huawei ของจีนที่โดน สหรัฐเล่นงานอย่างหนัก อ่านเพิ่มเติม https://www.visualcapitalist.com/how-tech-giants-make-billions

5 things I learned from Mother Roaster

โพสก่อนหน้าเรื่อง Mother Roaster มีหลายคนชวยคุยต่อเยอะ Key Takeaway สำหรับผมนะ 1. เริ่มจากที่ชอบ ป้าบอกชัด ป้าชอบกินกาแฟ เริ่มจากตรงนั้น 2. หาจุดแตกต่าง  ไม่เหมือน ไม่ทำตามใคร กลายเป็น indy ไปเอง ป้าใช้ข้อจำกัดเรื่องเงินทุน มาเป็นจุด pivot เลือกแนวทางแบบ แมนนวล ลดต้นทุนค่าเครื่องชงหลักแสน จับตลาด นีช ป้าค่อยๆทำ แต่มีอุปกรณ์ชงหลากหลายวิธี เม็ดกาแฟ หลายสิบสายพันธ์ ซึ่งร้านใหญ่ที่เน้นขายเยอะ ขายเร็วคงทำแบบป้าไม่ได้ 3. จำกัดความเสี่ยง ป้าเลือกทำเล ที่ดี ใกล้ MRT ใกล้โรงเรียน อยู่ริมถนนสายหลัก แต่เปิดร้านไม่ใหญ่ เป็นแค่ stand ไม่มีที่นั่ง ไม่ติดแอร์ ไม่เสียค่าเช่าแพง ไม่ต้องตกแต่งอะไรมากมาย ไม่ต้องจ้างพนักงานเยอะ 4. อายุ 60 ไม่สายที่ลงมือทำ เชื่อว่าก่อนหน้า ป้าคงทำอะไรมาหลายอย่างก่อนจะมาเปิดร้านกาแฟ  มาเรียนชงกาแฟสดแบบสมัยใหม่  ในวัยเกิน 60  ถ้าชอบ ถ้าอยากทำ บางทีไม่ต้องรีบลาออกจากงาน หรือกู้เงินหลายล้านมาทำก็ได้ ค่อยสะสมเงินทุน ค่อยๆเรียนรู้ กันไป 5. จบ... คำพูดป้า มันชัดเจนในตัว เรียบเรียงความคิดชัดเจนมาก ฟังจากหลายสัมภาษณ์ ป้าเชื่อมั่นในแนวทางและแกก็ลงมือทำ ในแบบที่เหมาะสมกับทางขอ

Happy Trader & The wealth of Sapiens

- Financial wealth (เงิน,ทางเลือกในการซื้อสิ่งต้องการ) - Social wealth (ชื่อเสียง/การยอมรับ) - Time wealth (เวลา+อิสระภาพ)  - Physical wealth (สุขภาพ: กาย&จิต) สามปีที่แล้วผมทำคลิปเรื่อง Happy trader ครบรอบ 11 ปีในการเทรด บางคนฟังแล้วบอก ไร้สาระ ไม่เป็นไรไม่ว่ากันแต่อยากชวนให้พิจราณาการเป็น เทรดเดอร์ ต้องนั่งเทรดทั้งวันทั้งคืน ทำงานหนักเกินไป อาจจะได้เงินเยอะ แต่อาจจะสูญเสีย เรื่อง "เวลา" และ "สุขภาพ" สุดท้ายก็ไม่ work เพราะไม่ว่าจะ เวลา หรือสุขภาพ ล้วนเมื่อสูญเสียไปแล้ว มันหาคืนไม่ได้ ต่างจาก "เงิน" ที่ขาดทุน ยังหาโอกาสแก้คืนกลับมาได้ ดังนั้น ทั้ง 4 ข้อด้านบนคือโจทย์ใหญ่ของการเป็นเทรดเดอร์ (หรือประกอบอาชีพใดๆก็ตามในโลกนี้) เราจึงจำเป็นต้องวางแผน หรือหาทางที่จะ optimize ให้ เกิดเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด บนความพอดี ความเหมาะสม (ไม่ได้แปรว่าไม่ต้องขยัน หรือทำงานหนัก แต่ต้องทำอย่างฉลาดและพอดี) ในทั้ง 4 ตัวแปร  ซึ่งส่วนใหญ่ จำนวนไม่น้อยอาจจะไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือสนใจ เพราะบางทีเรามุ่งเน้นไปที่ "เงิน" โดยเข้าใจว่า เงิน คือ ความม

Economic Data & Big Debt Crises

ตอบคำถาม น้องท่านหนึ่งที่ต้องการข้อมูลไปทำวิจัย โดยกรณีต้องทำระบบเทรดใน ค่าเงิน(fx) หรือสินค้าโภคภัณฑ์ เช่นน้ำมัน ทองคำ ต้องการหาแหล่งบริการข้อมูล economic data สำหรับทำ Quantitative Data Analysis ผมนำ มารีวิวแนะนำสั้นๆ 3 แหล่งที่จัดว่า ดี สมบูรณ์ และใช้งานได้ง่าย(บางอันอาจจะไม่ฟรี) 1.  tradingeconomics.com เว็บนี้รองรับทั้งการใช้งานแบบ user ทั่วไป สามารถเรียกดูตารางข้อมูล ดูกราฟผ่าน web app ได้ ข้อมูลค่อนข้างครบ แยกตามประเทศต่างๆ และมีระบบบริการข้อมูลทั้งแบบ download และ API ให้สามารถนำไปวิเคราะห์ขั้นสูงต่อได้อีก 2. db.nomics.world เว็บนี้จัดว่าเด็ด มีข้อมูลจาก providers หลายเจ้ามากทั้งอเมริกา ยุโรปและจาก IMF WTO ทำให้มีประเภทข้อมูล econ เยอะจริงๆ โดย user สามารถดูข้อมูลบนเว็บ หรือใช้บริการผ่าน API ที่รองรับหลายภาษาสะดวกมาก ถ้าทำ quant ใช้ Python หรือ R เว็บนี้เป็น portal ดังนั้นเขาจะแยกข้อมูลตามประเภทและมี search engine ไว้บริการให้ค้นด้วย key word 3.assetmacro.com เว็บนี้เน้น Economic & Financial Datasets ทำให้เขามี data ที่รวบรวมไว้เยอะมากครอบคลุม 120 ประเทศ จะด

2019 Q1ETF strategies

มุมมองของคุณ Yasmin Dahya , Head of Americas Beta Specialist team,J.P. Morgan Asset Management โดยสรุป ยังมองเรื่อง multi factor solution เป็นแกนหลักในปีนี้ แทนที่จะเน้นไปที่กลุ่มเดียว(single factor) ก็ผสม ทั้ง Quality Value Momentum factor ช่วยให้เกิดความเสถียรได้ดีในภาวะตลาดที่ผันผวน และมีความไม่แน่นอนรออยู่ วางเป้ายาว ดีกว่าการเน้นชนะตลาด(S&P500) โดย Yasmin Dahya บอกว่าตอนนี้ value ยังถูก เพราะลงมาเยอะ แตะระดับ 3SD กระจายเงินมาสะสมกลุ่มน ี้ เช่นเดียวกับการมีกลุ่ม momentum รอรับการวิ่งของตลาด ไม่หันหลังหนีตลาด(out of the market) เพื่อลดการเสียโอกาส ซึ่งจากสถิติระยะยาวหุ้นกลุ่ม value และ momentum ของอเมริกา ค่าความสัมพันธ์ -0.5 การผสมช่วยแง่การ balance ความเสี่ยงรวม ฟังฉบับเต็มจาก https://am.jpmorgan.com/us/en/asset-management/gim/adv/insights/etfs-in-the-know?

STP กับ ECN นั้นแตกต่างกันยังไง

พอดีเคยแนะนำว่าถ้าทำระบบเทรดประเภท robot trading ให้เกิดประสิทธิภาพ การเลือกบัญชีประเภทที่ quotes price นั้นเสถียรและมีประสิทธิภาพ(ไม่ต้องมานั่ง re-quote) รวมประเด็น spread และ slippage ที่เคยอธิบายไปแล้ว ที่นี้มีน้องคนหนึ่งถามว่า STP กับ ECN นั้นแตกต่างกันยังไง สรุปให้ฟังคราวๆประเภทของโปรโตคอลในแต่ละชนิดบัญชี Straight Through Processing (STP) การที่โบรกเกอร์ส่ง order ยิงตรงเข้า market หรือ liquidity pool บนราคาได้มาจาก liquidity providers เจ้าใหญ่เช่นจาก สถาบันการเงิน หรื อธนาคาร บางเจ้าอาจจะเป็นประเภทผสมทั้งแบบ Market maker + STP บน liquidity providers หลายแห่งโดยโบรกมี internal liquidity pool ของตัวเองเพื่อเลือกราคาที่ดีที่สุด แต่ข้อดีคือ ราคา เสถียร แม่นยำและดูโปร่งใส่กว่าประเภท Dealing Desk (DD) อย่างเดียว Electronic Communications Network(ECN) ประเภทที่โบรกเกอร์ ใช้ราคาเทรดจาก ECN liquidity providers หรือ ECN participant(สถาบันการเงินหรือโบรกเกอร์อื่นๆ) รองรับ ECN Network ข้อดีไม่มี conflict of interest กับโบรกเกอร์ ราคาเปิด เทรดเดอร์รายย่อยสามารถมองเห็น bid/ask จริงที่เกิด

ทางเดินที่เป็นของตัวเอง

บทความ The Problem With Most Financial Advice Why Personal Finance is a Bit Too…Personal นี้น่าสนใจ อ่านแล้วชอบอยากสรุปเก็บไว้ ซึ่งบทความนี้เขียนโดย Nick Maggiulli (Analytics Manager ) เนื้อหาค่อนข้างยาวประเด็นสรุปสำคัญดังนี้ - เขาบอกว่าเหล่ากูรูการเงินหรือผู้ให้คำแนะนำทางการเงิน(ของสหรัฐ) ส่วนใหญ่จะแนะนำหรือถ่ายทอดจากประสบการณ์ ความเชื่อของตัวเอง ซึ่งอาจจะไม่ใช้แนวทางทีเ่หมาะกับ ลูกค้าหรือนักลงทุนรายย่อย - เคสนี้เขายกตัวอย่าง Financial Samurai  (sam)กูรูการเงินสหรัฐชื่อดัง(เงินล้านก่อนสามสิบ) บอกว่าเส้นทางเงินล้านของ sam มันไม่ใช่ทุถคนทำได้ เข้าทำเงินเยอะกว่า 500k ได้จากการลงทุนช่วง Dot Com bubble และขยายเงินช่วงตลาดกระทิง ยังไม่นับรวมรายได้ที่สูงตั้งแต่อายุ 25 เฉลี่ยกว่า $160,000 ทำให้มีเงินลงทุนเยอะ แน่นอนว่าการมีเงิน ล้าน ก่อน 30 จึงไม่ยากแต่ไม่ใช่ใครทุกคน จะทำตามได้ - เขาบอกว่าอยากสร้าง wealth สิ่งหนีไม่พ้นคือต้องสร้างแหล่งรายได้ ให้เพิ่มมาก แน่นอนประหยัดดี แต่ถ้ามีรายได้น้อยแม้จะพยายาม หยุดไม่ซื้อกาแฟ lattes ตามร้านกินเลย อาจจะไม่ได้ช่วยมากเท่าไหร่ในแง่การเติบโตของทรัพย์สิน

William J. Bernstein, Efficient Frontier Advisors

หลบอากาศร้อนเข้าไปนั่งร้านกาแฟ ทำให้วันนี้ได้ฟัง podcast รายการ MIB ยาวกว่า 1.30ชม. จนจบ ถือว่าเป็นอีกตอนที่ดีและอยากแนะนำให้ลองฟังกันมาก MIB ตอนนี้ Barry Ritholtz สัมภาษณ์ Money Manager คุณ William J. Bernstein ผู้บริหารพอร์ตลงทุน นักเขียนและผู้ร่วมก่อตั้ง Efficient Frontier Advisors, (AUM $120 million) เขาเป็นหมอด้าน neurologist ที่หันเหเข้ามาสู่โลกการลงทุนอยู่ในตลาดกว่า 30 ปี และเป็นนักเขียนด้านประวัติศาตร ์และทฤษฏีการเงินที่ชื่ออีกท่านของอเมริกา ผมเองมีโอกาสได้อ่านหนังสือของท่าน 2 เล่ม The Intelligent Asset Allocator และ The Four Pillars of Investing podcast สัมภาษณ์ที่ดีมากแต่ยาวจริงๆพูดคุยหลายประเด็นที่น่าสนใจ ตั้งแต่เรื่องการลงทุน ประวัติศาสตร์ การเมือง ระบบทุนนิยม เศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจอเมริกา ประเด็นที่น่าสนใจเรื่อง การบริหารพอร์ตในช่วงเศรษฐกิจต่างๆ ยุค 1932 หรือช่วงหลังปี 2000  -key takeaway คือเขาเน้นการทำ asset allocation มากกว่าการพยายามไป asset selection หรือค้นหาหุ้นดาวเด่นที่ทำเงินไม่กี่ตัว -แนวคิดการ asset allocation เขาเน้นการลงทุนที่กระจาย นำเอาหลักของ MPT