ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

Ray Dalio says 'bitcoin is a bubble'

ช่วงนี้คุณเรย์ ดาริโอ กำลังเดินสายโปรโมทหนังสือ Principles ทำให้ช่วงนี้มีคลิปการให้สัมภาษณ์เรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจและหนังสือ Principles เยอะเลย เท่าที่ไล่ฟังมาผมมองว่า คลิปที่สนทนากับ Tony Robbin แง่เนื้อหานี้น่าจะดีที่สุดแล้ว แต่กระนั้นอีกคลิปที่ออกมาเมื่อสัปดาห์ก่อนซึ่งเป็นประเด็นร้อนคือเรื่อง Bitcoin เพราะคุณ ray dalio เป็นอีกคนต่อจาก Jamie Dimon จาก JPM ที่ออกมาจวกบิตคอยด้วยคำพูดที่ว่า "bitcoin is a bubble" เป็นอีกความคิดเห็นจากปากของผู้บริหารกองทุนเฮ็ดฟันด์ขนาดใหญ่อันดับต้นของโลก บริหารเงิน $160 billion ประสบการณ์กว่า 40 ปีในตลาดชื่อชั้นรับประกันไม่ต้องห่วง ดูคลิปจาก CNBC ประเด็นของคุณ Ray dalio ที่ให้ไว้ก็น่าสนใจ กล่าวคือเขาไม่ได้ปฏิเสธเทคโนโลยี Blockchain นะ แต่เขามองว่า "ราคา" ของ Bitcoin มันขึ้นมามากจนเข้าภาวะฟองสบู่ เช่นเดียวกันมีการทำ ICO ออก Cryptocurrency ใหม่ๆจำนวนมาก ราคาต่างเพิ่มขึ้นเร็วด้วย volatility สูงในช่วงปีนี้ แต่การใช้งานด้านการแลกเปลี่ยน(transaction)กลับมาน้อยมาก เมื่อเทียบกับการเก็งกำไรมูลค่าหาประโยชน์จากส่วนต่างราคา คนส่วนใหญ่เก็

5 Tips to reduce Draw Down

มีคำถามหนึ่งจากน้องเทรดเดอร์เกี่ยวกับการลดขนาด DD ของพอร์ตค่าเงิน เข้ามา ผมนำแนวคิดที่ใช้ในการบริหารพอร์ต robot trading ใน lab มาสรุปเป็นขั้นตอนเบื้องต้น เพื่อให้พวกเราลองเรียนรู้และไปปรับใช้กันครับ 1. วางแผนล่วงหน้ากำหนดขนาด Draw down ที่รับได้ไว้ก่อน เช่นกำหนด MaxDD = 60% 2. ติดตามขนาด Draw down จากกราฟทุกวันเช่นเดียวกับการดูกราฟราคาสินค้า โดยแบ่งแนวสังเกต Draw down จาก ระดับสูงสุดที่รับได้เป็น 4 ส่วน เช่น 15% , 30%, 45% , 60% 3. ป้องกันการโตของ Draw down โดยเทียบอัตราการเพิ่มของ Profit (cash flow) ต่อวันกับขนาดการเพิ่มของ Drawdown กรณีถ้า DD เพิ่มด้วย slope สูงแตะระดับสังเกต เช่น 30% จะต้องทำการลดขนาดของวงเงินในการเข้าเทรดลง,หรือวางกลยุทธ์เพื่อสร้างเงินสดมา cover loss จนกว่า DD จะกลับเข้าระดับปกติ 4. คุมอารมณ์ตัวเอง การมีวินัยทำตามแผนสำคัญมาก เพราะเวลาขาดทุน equity ลดลง Draw down เพิ่มมือใหม่มักอยากเอาชนะตลาดด้วยการแทงทบ หรือพยายามเพิ่มเดิมพันเพื่อกลบขาดทุน ซึ่งตรงนี้ 80% มันจะยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ไปกว่าเดิม ถ้าพิจารณาพฤติกรรมข้อมูลราคา หรือภาวะตลาดไม่ดีเพียงพอ 5. อดทน ชะลอ

Bear Market and Millennial trader

ได้อ่านบทความหนึ่งเขียนถึงคำสัมภาษณ์ของ Jim Roger ประเด็นที่ว่า When this bull market ends, ‘you don’t want the 26-year-old around’ Jim Roger เล่าประสบการณ์สมัยตอนเขา 26 ปีช่วงสดและหึกเหิมทำกำไรจากการเทรดได้ 2 ปีติดกัน 500% ช่วงตลาดกระทิงบริษัทรักเขา แต่ปีต่อมา เกิดวิกฤติตลาด crash ราคาหุ้นตกลงรุนแรง กำไรที่ได้มา หลายปีหายไปหมด Jim Roger ให้ความเห็นไว้น่าสนใจ โดยแกมองว่า millennial trader / investor ยุคใหม่เข้ามาทำกำไรในช่วงหลังวิกฤติซับไพร์ม 2008 ด้วยความมีกำไรจากตลาดขาขึ้ น(long-run bull market) ทำให้เหล่า millennial มีความหึกเหิมและเล่นเกมส์เสี่ยง ไม่กลัวขาดทุนหมดตัว อาจจะเพราะเห็นว่าตลาดทำเงินง่าย แต่ด้วยประสบการณ์ที่ไม่มากและเชื่อว่าเงินหาง่ายได้เร็ว จึงทำให้ประมาท แง่บวกช่วงตลาดขาขึ้น ทำให้มี volume มีเม็ดเงินเข้ามาไล่ซื้อหุ้น ขับเคลื่อนตลาดให้ขึ้นแรง สุดท้ายเมื่อจบรอบขาขึ้น เข้าสู่ตลาดหมีเต็มตัว millennial trader เหล่านี้ก็จะไม่สามารถเอาตัวรอด ในตลาดได้ วิธีการหรือความเชื่อที่เคยคิดว่ามันทำกำไร ก็อาจจะกลายเป็นใช้ไม่ได้และนำมาสู่การขาดทุนหนักไป สรุปแล้ว อนาคตค

Tony Robbins interviews Ray Dalio

คลิปราวๆ 1 ชม. พอดีเพิ่งมีเวลาฟังจบ เนื้อหาไปทางโปรโมทหนังสือ Principles  ของคุณ Ray dalio มีประเด็นน่าสนใจหลายเรื่อง ที่เราสามารถไปปรับใช้ได้เลยนำมาแชร์ให้สมาชิกได้อ่านกัน >> แนะนำตัว - เริ่มต้นคุณ tony เล่าประวัติเบื้องต้นของ Ray Dalio การเติบโตจากครอบครัวอเมริกันทั่วไป  - จุดเริ่มต้น ที่ทำให้สนใจเข้ามาในตลาดหุ้น มาจากช่วงวัยรุ่น ทำงานรับจ้างทั่วไป มีเงินเก็บก็นำมาซื้อหุ้น ray dalio บอกว่าเขาติดใจในเกมส์ชอบในเกมส์การเงิน ทำให้เข้าหันหน้ามาศึกษาด้านนี้อย่างจริงจัง - อายุ 26 ปี เขาลาออกจากงานประจำ ร่วมกับเพื่อนก่อตั้งบริษัทบริหารเงินของตัวเอง โดยเริ่มต้นเขาใช้อพาร์ทเมนต์ส่วนตัวเล็กๆเป็นออฟฟิตทำงาน - เป้าหมายการเขียนหนังสือ Principle คือ ray ต้องการเป็นผู้ให้ส่งต่อ Principle ที่เขารวบรวมและเรียนรู้ตลอดชีวิต ด้านการทำธุรกิจ และการดำเนินชีวิต ซึ่งเป็นแนวทางวิธีการหาการตัดสินใจที่ดี ช่วยทำให้ประสบความสำเร็จ >> ความผิดพลาด - 1971 คุณ ray dalio มองตลาดผิดเขาคิดว่าเมื่อ Richard Nixon ประกาศไม่อิงค่าเงิน usd กับทองคำ น่าจะทำให้เกิดการด้อยค่าของเงิน ตลาดหุ้นน่าจะ

ตลาดหุ้นทำ New High ทำไมฉันยังไม่ลงดอย

เมื่อเช้ามีท่านหนึ่งถามว่า ทำไมตลาดหุ้น SET ทำ new high ราคาจะขึ้นไป 1700 จุดอยู่แล้ว แต่หุ้นในพอร์ตกลับยังติดลบ หลายตัวยังติดดอยหนักอยู่เลย ผมขอตอบโดยการนำข้อมูล การเปลี่ยนแปลงของดัชนีตลาดหุ้นและดัชนี sector ต่างๆในช่วงปี 2017 เอามาให้ดูครับ เหมือนที่บอกไปตลาดปีนี้เทรดยากนะ ไม่ใช่ว่า ซื้อหุ้นต้นปีแล้วปลายปีจะมีกำไรปิดบวกเสมอไป ดูจากภาพจะพบ ถ้าเราจับหุ้นผิดตัว หรือไปถัวเฉลี่ยร ับมีดผิดดอย ตอนนี้ นอกจากจะไม่กำไรอาจจะติดดอยสูงอยู่ได้อีกด้วย SET ยกรอบเดือน กย. เป็นการขึ้นแบบ high volatility และจากข้อมูลพบเป็นการขึ้นเฉพาะบางตัวและบาง Sector โดยเฉพาะตัวจ่ายปันผลดี ดังเห็นจากดัชนี SETHD ที่กลับทิศทางได้รับแรงซื้อเข้าอย่างหนาแน่น หลังจากโดนขายช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มองภาพใหญ่เทียบต้นปี 2017 ปีนี้กลุ่ม MAI การเปลี่ยนแปลงอาจจะไม่สดใส แม้กลับมาได้บ้างแต่เทียบกับ มกราคม- กพ ที่ peak และโดนเทขายก็ยังไม่สามารถกลับมาได้ในระดับเดิมต้นปี ดังนั้นถ้าพอร์ตเราสะสมหุ้นกลุ่ม MAI พวก หุ้นเล็กอาจจะไม่ได้อานิสงมาเท่าไหร่กับการ bullish ของตลาดรอบนี้ (ยกเว้นบางตัวที่เล่นกับ story)แต่ถ้าสะสม

Implied Correlation

พูดถึง market sentiment ของตลาดหุ้นอเมริกาไป มีตัวหนึ่งเป็นเครื่องมือ ที่อยากแนะนำให้ลองศึกษาดูครับ ชื่อ Implied Correlation Index เราอาจจะคุ้นกับ Implied volatility การคำนวณค่า volatility จาก options pricing model เช่น BS เจ้าตัว Implied Correlation นี้ทำงานคล้ายๆกันคือคิดคำนวณค่า correlation ทางอ้อมจาก option premiums ของ stock index เช่น S&P500 กับตัว premiums ของ individual stock (ปรับค่าน้ำหนักตามขนาดของหุ้นแต่ละตัว) โดยมอง options market เป็นเหมือนตัวแทนความคาดหวังในอนาคต เพื่อใช้วิเคราะห์ ประเมิน sentimental ที่กระทบต่อแนวโน้มราคาตลาดหุ้น (รายละเอียดอ่านได้จาก paper ด้านล่าง) ประเด็นคือ ค่าของ S&P500 Implied Correlation Index (โมเดลของ CBOE) เทียบกับ S&P500 index ช่วงนี้มันเกิดภาวะ lower correlation และตัวค่า implied correlation แยกทางกับ S&P500 นักวิเคราะห์มีการมองกันว่า อาจจะมี short-term bearish หรือการปรับฐานเกิดขึ้นได้ (ปกติค่านี้ช่วง strong trend จะมีลักษณะ high correlation)  แต่ค่า implied correlation ไม่ได้ใช้บอกการกลับตัวหรือบอกการซื้อขายโดยตรง มั

ผลกระทบต่อตลาดประเด็นเกาหลีเหนือ

บันทึกไว้สักนิดกับภาวะการณ์ปัจจุบันประเด็นความขัดแย้งเกาหลีเหนือที่ปี 2017 กลับมาร้อนแรงอีกครั้งหลังจากนิ่งมาหลายปี ไปเจอบทความนี้ใน marketwatch เขารวบรวมข้อมูลสินทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบ จากประเด็นการทดสอบ nuclear รอบล่าสุด ต่อเนื่องจากการทดลองยิงขีปนาวุธข้ามทวีป หลายรอบช่วงก่อนหน้า จนทำเอาเพื่อนบ้านอย่าง เกาหลีใต้ ญุี่ปุ่นต้องปวดหัว -ภาพแรก >> ค่าเงินเยน ถือเป็น safe haven currency อีกตัวที่แข็งรับในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างรวดเร็ว - ภาพที่สอง >> GOLD ทองคำกลับมา new high ในรอบปี จากเวลา 2 เดือนช่วงแรงกดดันปมเกาหลีเหนือ ทองคำวิ่งจากโซน 1210 ไปทดสอบ high ที่ 1344  - ภาพที่สาม >> ดัชนี Kospi ของเกาหลีใต้ ตกลงค่อนข้างหนักจากความกังวล โดยเฉพาะช่วงเดือนที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ ตลาดหุ้นหลักของโลกและเอเซีย ที่รับประเด็น เกาหลีเหนือ ซึ่งเดินหน้าทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ต่อ ที่มีความไม่แน่นอน ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงในรอบนี้อย่างไร http://www.marketwatch.com/story/how-north-koreas-nuclear-test-rattled-markets-in-5-charts-2017-09-04