ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

Jeff Bezos & Regret Minimization Framework

เรื่อง "การตัดสินใจ" ตัวอย่างจากจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจของคุณ Jeff Bezos ที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะเลือกที่จะทิ้งงานเงินเดือนดี มั่นคงและอยู่ในช่วงกำลังรุ่งโรจน์ ตอนปี 1994 คุณ Jeff Bezos เป็น nerd on wallstreet ดาวรุ่งอีกคน ซึ่งตอนนั้นวัย 35 ปีหลังจากทำงานได้ 4 ปีเขาดำรงตำแหน่งเป็น vice president(VP) อายุน้อยที่สุดของบริษัทเฮ็ดฟันด์พันล้านชื่อดังอย่าง D. E. Shaw & Co โดยทำห น้าที่ดูแลกลยุทธ์พอร์ตลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับ Internet & Technology ซึ่งตอนนั้นกำลังบูมมาแรงสุดขีด เงินเดือนและโบนัส ในช่วงตลาดขาขึ้นตอนนั้น ตัวเลขก็คงไม่ต้องพูดถึง เขาเชื่อใน Internet Technology และ e-commerce จึงเลือกที่จะลาออกมาเดินตามความฝันสร้างธุรกิจของตัวเอง โดยเขาสนใจในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ ซึ่งเขาทำการศึกษาเลือกตัดสินใจ สร้าง amazon dot com ขึ้นมาเพื่อขายหนังสือ เขาและภรรยาใช้เงินเก็บ และมีผู้ร่วมลงทุนคนแรกในบริษัทคือคุณแม่ของเขา ที่นำเงิน $3000 มาช่วยสนับสนุน จากนั้นเขาและภรรยาก็ลาออกจากงาน ขับรถมุ่งหน้าย้ายจาก New York ไปยัง Seattle เมืองที่เขาคิดว่าจะหาจ้างทีมพัฒ

Jeff Bezos เส้นทางแห่งความสำเร็จ 01

ภาพนี้มาจากรายการ 60 minutes เป็นห้องทำงานของ Jeff Bezos ในสำนักงานใหญ่ของ  amazon.com  ในตอนนั้น ความไม่ธรรมดาคือ ตอนปี 1999 บริษัท amazon เปิดบริการขายหนังสือและ CD(หนัง,เพลง) บนอินเตอร์เน็ตด้วยกระแสความบูมของ Dot com ดันราคาหุ้น amazon มูลค่ากว่า 30 billion นับจากเข้าตลาดในปี 1997 และทำให้ Jeff Bezos กลายเป็นเศรษฐีพันล้าน แต่เขายังเลือกใช้ โต๊ะไม้สี่ขาธรรมดา ห้องทำงานเล็กๆ ขับรถเก่าๆคันเดิม เพราะเขามีความเชื่อว่า บริษั ทควรใช้เงินของนักลงทุนเท่าที่จำเป็น  ซึ่งย้ายเพียงสำนักงานจากโรงรถในบ้านพักมายังอาคารปัจจุบัน เพื่อรองรับพนักงานที่เพิ่มขึ้น ใช้เงินลงทุนในการสร้าง คลังสินค้าทั่วประเทศสหรัฐและยุโรป , ลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ใช้กุญแจสำคัญการบริหารคลังสินค้า รวมไปถึงการสร้างระบบการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้เพื่อแนะนำสินค้า(Data mining +Recommendation system) ระบบการให้คะแนนรีวิว บน web application ที่ตอนนั้นคือสิ่งใหม่ที่ amazon พยายามใช้เป็นจุดขายสู้กับร้านหนังสือปกติธรรมดาทั่วไป ตอนทัายในรายการพิธีกรถาม Jeff Bezos กลัวไหมว่าราคาหุ้นจะตกลง มูลค่าบริษัทจะสูญหายไป(ตอนนั้นหุ้น

Dirty Money

Netflix ปล่อยสารคดีชุดใหม่ ชื่อ Dirty Money ออกฉาย เบื้องต้นเรตติ้งความนิยมค่อนข้างดี ผมมีโอกาสได้ดูแล้ว มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ เลยอยากมาแนะนำ สารคดีเรื่อง Dirty Money สร้างโดย Netflix Original Series ผู้กำกับคือ Ciara Boniface เนื้อหาค่อนข้างเข้มข้นและหนักดี เล่าถึงเรื่องของ "เงิน" ที่เกิดจาก ความโลภ การทุจริต อาชญากรรม ซึ่งเวียนว่ายอยู่บนระบบเศรษฐกิจของโลก เนื้อหาจับประเด็นหลากหลาย มาถ่ายทอดความเป็น Dirty Money ได้อย่างลงตัว แน่นอนว่าหนึ่งในเรื่องราวก ็คือ นักธุรกิจ ผู้บริหารกองทุนสาย Activist ใน wall street ที่ดูเหมือนจะเป็นตัวแทนของความโลภ ที่หาเงินล่าเงิน จนเกิดผลกระทบต่อประชาชนธรรมดา ซึ่งในสารคดียกกรณีของ Martin Shkreli ที่ใช้อำนาจบริหารขึ้นราคา 5,000% ในยาสำหรับผู้ป่วย AIDS ด้วย และยังมีอีกหลายกรณีที่ Dirty Money นำเสนอวิธีการหาเงินบนความเดือดร้อนของผู้อื่นได้อย่างน่าติดตาม มีโอกาสลองไปหามาชมกันครับ ทาง Netflix ชมได้จาก https://www.netflix.com/title/80118100

Bitcoin & George Soros

พูดถึง currency ในโลกนี้เทรดเดอร์หรือนักค้าค่าเงินอันดับต้นต้องมีชื่อของปู่ George Soros ชายผู้เป็นตำนานที่เคยล้มธนาคารกลางอังกฤษมาแล้ว ยังไม่นับรวมผลงานทำกำไรจากการเทรดค่าเงินสกุลต่างๆในระดับหลายพันล้านเหรียญ ปีนี้ในงาน World Economic Forum 2018 ที่ Davos คุณปู่ George Soros พูดถึง Bitcoin แกให้ความคิดเห็นแบบตรงไปตรงมาว่า Bitcoin is not a currency อันนี้ลองฟังจากปากในคลิปได้ สรุปโดยรวม มุมมองของคุณ Soros จะว่าไปก็ไม่ต่างจากนักลงทุนหรือผจก.กองทุนค นอื่นๆ โดยเฉพาะการพิจารณาไปที่พฤติกรรมของราคา ปู่บอกราคาที่สะท้อนมูลค่าของบิตคอยไม่ stable ไม่สามารถรักษามูลค่าที่แน่นอนเช่น currency ทั่วไป ด้วยผันผวนสูงมากกว่า 25% มันยากใช้ในการจ่ายค่าจ้างแบบทันทีทันใดเช่นเงินตราปกติ เพราะค่าแรงรายวันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือลดลงเกิน 25% ส่วนราคาบิตคอยเกิดจากการไล่ราคาเพื่อหวังทำกำไร(speculation)ของคนในตลาด Soros ให้ความสำคัญกับ Block chain technology ที่เขาบอกว่ามันเป็นนวัตกรรมที่มีสามารถใช้ในทางบวกและทางลบได้ เช่นปัจจุบันมีคนบางกลุ่มใช้บิตคอยเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบทรัพย์สินจากรัฐ ซึ่งปัจจุ

Chat with Joel Kruger

นำคลิปรายการ chatwithtraders มาแนะนำ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ ใน EP15 รายการนำคุณ Joel Kruger มาแชร์ประสบการณ์บนเส้นทางเทรดเดอร์อาชีพ โดย Joel Kruger เรียนจบกฏหมายสนใจด้านการเทรด เลยไปสมัครทำงานที่ investment bank จนได้เลื่อนตำแหน่งมาเป็นนักกลยุทธ์ด้านค่าเงิน(currency strategist) และเข้าเป็นเทรดเดอร์ประจำ fx desk ของบริษัทหนึ่ง หลังจากนั้นเมื่อมีประสบการณ์และความมั่นใจ เขาได้ลาออกมาเป็นเทรดเดอร์อิสระ คุณ Kruger เล่าประสบการณ์หลายปีของเขาและแนะนำอะไรหลายอย่า งเกี่ยวกับการเป็น fx trader ที่น่าสนใจมากคือแนวคิดเรื่องของการบริหารเงินและบริหารความเสี่ยง เขาบอกว่าปัญหาของมือใหม่คือ เรื่องของการ Over trading พยายามเร่งทำเงินทำกำไรมากเกินไป จนติดกับดักการใช้ Leverage ที่สูงหลายร้อยเท่า ซึ่งไม่ได้เหมาะกับพฤติกรรมราคา ทน market volatile ของสินค้าค่าเงินไม่ไหว สุดท้ายก็ต้องล้างพอร์ต สูญเสียเงินไป Kruger แนะนำมือใหม่ว่า เริ่มจากการเรียนรู้ตลาด เรียนรู้พฤติกรรมราคา และทดลองพัฒนาระบบเทรดของตัวเองก่อน ไม่ต้องสนใจทำเงินหรือโกยกำไร เริ่มจาก Leverage ต่ำ เช่น 1:1 เทรดบัญชีเล็กๆ ให้ไ

Bitcoin & Nassim Taleb

สำหรับ Bitcoin ต้องออกตัวก่อนว่าไม่ได้เป็นกองแช่งหรือกองเชียร์ ผมเป็นเพียงผู้ศึกษา ดังนั้นจะพยายามเก็บรวบรวมข้อมูลและมุมมองของบิตคอยจาก กูรู ที่มีประสบการณ์ในโลกการเงินเอาไว้ เพื่อเป็นกรณีศึกษาในอนาคตต่อไป เมื่อวานมีมุมมองจากกูรูท่านหนึ่ง ที่ผมอยากฟังความคิดเห็นมากนั้นคือ Nassim Nicholas Taleb คนนี้เป็นนักสถิติ และผู้บริหารกองทุนเฮ็ดฟันด์ชื่อดัง ประสบการณ์โชกโชน บริหารพอร์ตทำกำไรจากวิกฤติการเงินและฟองสบู่มาหลายครั้ง คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณมาก เชื่อว่าถ ้าใครศึกษาด้านการเงินหรือกลยุทธ์การเทรด น่าจะเคยอ่านหนังสือเช่น ‘Black Swan’, Antifragil ,Fooled by Randomness และงานวิจัยของเขามาบ้าง Nassim Taleb เขียนถึง Bitcoin ยาวแต่ไม่ได้พูดเรื่อง ราคาและ Bubble โดยตรงแบบ ray dalio หรือ warren buffett แต่เขาเขียนเชิงมุมมองของระบบการเงินโลก ที่ว่ามันกำลังจะเปลี่ยนไปจากการกำเนิดของ Bitcoin และกระแสของ cryptocurrency โดยระบบเงินตราสำหรับการแลกเปลี่ยนที่เคยถูกควบคุมและแทรกแซงจากรัฐบาลจะถูกสั่นครอน เมื่อสังคมส่วนใหญ่เริ่มรู้จักแนวคิดของ cryptocurrency มากขึ้นตามกระแสที่เกิด ซึ่งบิตคอย จะเป็นเหมื

Free Tick Data (FXCM)

ถ้าศึกษาหรือทดลองทำงานด้าน Quant หนีไม่พ้นเรื่องของ Data แน่นอนว่าถ้าหาฟรีไม่ได้ก็มีต้องซื้อจาก Data Provider ซึ่งก็จะมีต้นทุน กรณีที่เริ่มต้นมีบางแหล่งที่แจกจ่ายข้อมูลฟรีให้ได้ทดลองนำไปใช้อยู่ วันนี้มาแนะนำแหล่งข้อมูลฟรีจาก FXCM ซึ่งเป็นโบรกเกอร์ที่รองรับ Quant Trading System ล่าสุดเปิดช่องทางแจกจ่ายข้อมูลราคาในตลาดค่าเงิน(FX) จำนวน 21 คู่เงิน ระดับ Tick Data (Raw Data ละเอียดสุดยังไม่จัดกลุ่มตาม timeframe) โดยเป็นข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี 2015 ถึงปัจจุบันและจะมีการ Update ข้อ มูลใหม่ๆทุกๆสัปดาห์ การ Download ทำได้ผ่าน API แบบเป็น gz file ก็ได้หรือจะใช้ Python เขียนโปรแกรมสำหรับการ Download อัตโนมัติก็ได้เช่นกัน โดยเราสามารถเลือกรูปแบบ output file ที่ต้องการได้ ซึ่งผมมีโอกาสทดลองทั้งสอบแบบแล้ว พบว่าใช้งานได้ดีมาก ไฟล์ tick data ของค่าเงิน USDJPY ระยะ 1 ปีที่ดาวน์โหลดได้ เมื่อแตกไฟล์แล้วขนาดราวๆ 150 MB มี Feature ได้แก่ DateTime,Bid,Ask จำนวนราวๆ 1.8 ล้านบรรทัด หน้าตาเหมือนกับภาพด้านล่าง ตรงนี้เป็น csv สามารถนำเข้า database นำไปใช้ในการทำ data analysis ต่อได้เลย(ไม่