ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กันยายน, 2014

หนังสือหุ้นที่ผมแนะนำ(Trading system book)

ขอนำเอา หนังสือที่เกี่ยวกับการเทรดหุ้น เทรดสินค้าเก็งกำไรมา รีวิวบ้าง  จริงๆชอบเยอะมีเยอะมา่ก แต่เป็น หนังสือ ต่างประเทศเกือบหมดเลย เพราะ หลายเรื่องมันค่อนข้างเฉพาะ บางเรื่องซื้อเพราะคนเขียน เขาเทพ แต่ทั้งหมดทั้งหมด เงินหลายหมื่นที่จ่ายไป ไม่เคยมีคำว่าไม่คุ้มค่า เพราะหนังสือ เหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็ฯ จิตวิทยา เทคนิควิธีการทำระบบเทรด บริหารจัดการเงิน พออ่านเข้าใจ ตกผลึก เอามาต่อยอดใช้ได้ มันสร้างมูลค่า มากกว่าหลาย สิบ หลายร้อยเท่า  ผมเองเลยไม่เคย งกกับการซื้อหนังสือดีๆ อ่านสารบัญ ดู content แล้วโดนก็สั่งซื้อทันทีเลย ตอนแนะนำที่ชอบ นี้ยากเพราะผมชอบเยอะ บางเล่มก็ advance ไปเลยออกแนว จินตนาการ กลัวเขียนไปพอหลายคนไปอ่านอาจจะไม่ชอบไม่เก็ต เลยขอเลือกเล่มมีประโยชน์ อ่านเข้าใจง่าย ใช้ได้จริง มารีวิวจะมีประโยชน์มากกว่า ขอเน้นเรื่องเกี่ยวกับ trading system เยอะหน่อยนะ เพราะเทคนิคอลทั่วๆไป คงมีคนรู้จักเยอะแล้ว ---------------------------------------- 1.  Trading in the zone ของ Mark Douglas  จะเป็นเทรดเดอร์ ต้องอ่านเล่มนี้ งานของ  Mark Douglas  ผมแนะนำเพื่อนๆ น้องที่เริ่

Sujata Burla เทรดเดอร์ผู้พิการ

เขียนบทความนี้เพราะได้ยินโครงการ On the Job Training for Disability by Mudley  ผมชอบไอเดียและแนวคิด ของโครงการนี้ ที่เราสามารถนำโมเดลการเทรด ไปฝึกหัดให้กับ ผู้พิการ ที่ร่างกายสามารถสนับสนุนเงินและทีมงานฝึกสอน ในการเทรดด้วยคอมพิวเตอร์ได้  ด้วยเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต ปัจจุบันทำให้ การเทรด เป็นเรื่องสะดวกและง่ายในทุกที่ทุกเวลา เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงตลาด กับผู้พิการมากยิ่้งขึ้นไปอีก  ผมเองเคยทำงานช่วยเหลือคนพิการ มาช่วงหนึ่ง แม้จะไม่ได้เป็นงานอะไรมากมาย แต่ช่วงเวลาสั้นๆที่ผมได้สัมผัสกับ บุคคลเหล่านี้ ทำให้ผมมองเห็น ศักยภาพ และความตั้งใจ ของคนเหล่านี้ที่มีไม่แพ้ หรืออาจจะมีมากกว่า คนปกติธรรมดา ด้วยซ้ำ โครงการดีๆแบบนี้แหละครับ ที่จะช่วยเปิดโอกาส เปิดโลกให้กับคนพิการ ในการประกอบอาชีพ ที่แลกมาด้วย ความรู้ ความสามารถและความพยายาม แทนการรอคอย ความช่วยเหลือจากสังคม และคนรอบข้างในการหาเลี้ยงชีพเพื่อดำรงชีวิต อย่างเดียวแม้มันจะไม่ง่าย และจะต้องทำงานหนักกว่า คนทั่วไป แต่ผมเชื่อว่ามันคงไม่ยากอะไรเกินกว่าความพยายาม มาถึงตรงนี้ เพื่อนๆหลายคนอาจจะสงสัยแบบผมว่า แล้วโลกนี้มันมี คน

Paul Tudor Jones

เมื่อวานผมยกเรื่องของ สุดยอดเทรดเดอร์ที่อยากให้น้องๆ ได้เอาตัวอย่าง ในความสำเร็จจากฝีมือที่แท้จริงของเขา  ชายคนนี้คือตำนานของ wallstreet คุณ Paul Tudor Jones  ชายคนนี้ประสบความสำเร็จจากการเป็นเทรดเดอร์ในตลาดอนุพันธ์  ก่อนผันตัวไปเป็น hedgefund manage บริหารเงินทุนขนาดหลายพันล้านจนประสบความสำเร็จ  ---- Paul Tudor Jones ปัจจุบันอายุ 60 ปี เป็น hedgefund อันดับ top ของโลก เศรษฐีพันล้านอันดับที่ 108 ของอเมริกา มีทรัพย์สิน $4.3 billion โลดแล่นในตลาดเก็งกำไรมาตั้งแต่ก่อนยุค 1980 เขาเป็นชาวสหรัฐ เกิดโตในเมือง Memphis รัฐ Tennessee จบมหาวิทยาลัยด้าน economic จาก  University of Virginia ปี 1976 เรียนจบมายังนิวยอร์คมาทำงานที่  E. F. Hutton & Co. บริษัท Investment banking  ในตำแหน่งสเมียนและขยับมาเป็น โบรกเกอร์ดูแลลูกค้ารายสิบราย เขาทำงานเป็นโบรกเกอร์อยู่สองปี ด้วยความเก่ง ทำให้สามารถสร้างเงินในปีที่สองได้ถึง ล้านเหรียญ จากค่าคอมมิชั่น ก่อนจะอิ่มตัว เลยสมัครเข้าเรียนต่อบริหารธุรกิจที่  Harvard Business School ต่อมาเขาได้ลาออกเพราะไม่รู้สึกว่ าสิ่งที่เรียน มันตอบโจทย์ความต

Timothy Sykes : Penny Stock Trader

Timothy Sykes เทรดเดอร์ ชาวอเมริกา ที่มีชื่อเสียง และชำนาญด้านการเทรดหุ้นเล็ก ประเภทต่ำกว่าหรือใกล้กับ $1 ที่เรียกว่า Penny Stock  หุ้นเหล่านี้หลายคนมองว่ามันคือ หุ้นปั่น หุ้นขยะ แต่ Sykes มองว่ามันคือโอกาส และมันมี Pattern รูปแบบที่สามารถนำมาใช้ในการหาจังหวะเข้าออกเพื่อทำเงินได้ เขาเองใช้เทคนิคในการเทรดหุ้น penny stock พวกนี้แบบ Pump and Dump ประวัติ -Timothy Sykes  เริ่มเทรดเดอร์ตั้งแต่ เรียนมหาวิทยาลัย เขาเรียนที่ Tulane University. - เขาเป็นนักกีฬา เป็นนักเทนนิสตั้งแต่เรียนไฮสกุล เข้ามหาวิทยาลัยได้จาก โค้วต้านักกีฬา - ปีหนึ่งเกิดบาดเจ็บรุนแรงจากการแข่งขัน ต้องผ่านตัดศอก และทำให้ไม่สามารถเล่นเทนนิสได้อีก  - เขา สิ้นหวัง แต่ไม่ท้อ นำเงิน$12,415  จากครอบครัว ซึ่งเป็นเงินของขวัญ ฺBar mitzvah มาเทรดหุ้น - เขาเริ่มเทรดหุ้น ในหอพัก เรียนรู้ และเทรดในหุ้นเล็ก หุ้นใช้เงินไม่มาก เคลื่อนไหว สร้างกำไรเร็ว  เขาจับจังหวะได้ดี เขาทำเงินได้    $1.65 million ก่อนอายุ 21 ปี เขามองว่าเป็นช่วงที่ดี เขาอยู่ถูกที่ถูกเวลา - ถนัดการเล่นหุ้นเล็ก ใช้เทคนิค Pump and Dump เทคขาขึ้นแ

Mean reversion

มีคนถามถึงกลยุทธ์นี้ บวกกับอีกข้อความมาปรึกษาการทำระบบด้วย  Mean reversion  มันสะท้อนให้เห็นว่า หลายคนเริ่มสนใจอะไรใหม่ๆมาขึ้นแล้ว  วันนี้เลยตั้งใจเขียนอธิบายเรื่องนี้สักหน่อย เอาแบบย่อๆไม่ลง math มากเดี่ยวยากไปจะปวดหัว  Mean reversion  เป็นกลยุทธ์ที่ใช้กันมาสาย Quant หรือการนำมาทำ algorithm trade เหมาะมากกับการเทรดแบบ ไม่ต้องเดาทิศทาง เพราะมันไม่สนใจทิศทาง แต่สนใจ ความไม่ปกติของพฤติกรรมราคา เข้ากับแนวคิดของทฤษฏีสะท้อนกลับ หรือ แนวคิดทฤษฏีความไม่ปกติและการไม่มีประสิทธิภาพตลาด การตีความของผู้เล่นในตลาด ที่แตกต่างกันทำให้ การสะท้อนของราคา มันออกมาไม่ปกติ เกินจริง (Over/Under) ไปมาก ตรงนี้เป็น Key เหล่านักพัฒนาหรือผู้วิจัยก็พยายามจะหาโมเดล คณิตศาสตร์มาจับ เพื่อให้อธิบายพฤติกรรมราคาสินค้าที่เทรด รวมถึงการสร้างสมการค่าปกติ ค่ากลาง ตรงนี้แหละยาก การหา Mean หรือหาค่า Equilibrium ที่เป็นเรื่องต้องวิจัยทดลอง โดยเฉพาะสินค้าในตลาดเก็งกำไร มันมีปัจจัยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงแบบ Dynamic ไม่คงรูปได้ แต่โดยทั่วไป ภาวะปกติ ใน pattern เดิมก็ยังคงพอหาได้ถ้าไม่คิดมาก ใช้แบบธรรมด

Skill Controls Luck

เอาคลิป  Skill Controls Luck ของ  Vanessa Rousso มาสรุปเขียนบันทึกเก็บไว้เพราะประเด็นนี้น่าสนใจดี อันนี้เอามาจากคุณ @Ladtanan Santanakanit  แชร์ไว้ Vanessa Rousso  เป็นโปรสาววัย 31 เจ้าของฉายา  Lady Maverick เป็นนักโป๊กเกอร์อาชีพ ในปี 2013 เธอทำเงินได้ $3,475,000 และจบรายการ  World Series of Poker ในอันดับที่ 14  เธอพูดถึงเรื่องการควบคุมผลงาน ไม่ให้ติดกับดวงมากเกินไป เพราะสิ่งที่นักโป๊กเกอร์มืออาชีพ หรือเทรดเดอร์เองต้องการ ไม่ใช่ผลการชนะ หรือกำไร ครั้งสองครั้งจากดวง แต่มันต้องมาจาก ความแน่นอน อันเกิดจาก skill ของตัวเราจริงๆ บางทีกำไรที่ได้จากความโชคดี จากจังหวะบังเอิญ จากตลาดช่วย อาจจะทำให้เรามีความสุข รับสมอ้างอวดโอ้ กันไปตามจริตคน  แต่ถ้า มันเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว ไม่ถาวร ไม่สามารถได้ต่อเนื่อง แน่นอน อนาคตมันย่อมไม่ได้เกิดประโยชน์ไม่ทำให้ เงินในพอร์ตของเราเติบโต ดังนั้นมืออาชีพ จึงพยายามลดบทบาทของ luck หรือโชคช่วยลงไป ให้เหลือเฉพาะฝีมือล้วนๆ แม้จะมีจิ้งจก100 ตัวทัก หรือจะเป็นศุกร์ 13 ตูก็สามารถออกไป ทำเงินได้ ตลอด ในคลิปนี้ Vanessa Rousso คนสวยพูดถึง

How to setup MT4 on Linux

คุณ K'aen Classic ถามไว้ ว่าจะใช้ MT4 บน Linux หรือ Mac ยังไง คิดว่ามีประโยขน์และหลายคนคงอยากรู้เลยมาเขียนบทความให้  ส่วนตัวผมใช้ Ubuntu นะ กับ Mt4 ไม่มีปัญหา การใช้งาน ผมใช้ผ่าน WINE เป็นตัว app ที่รัน eviroment ของ Microsoft Windows systems อยู่แล้ว ง่ายๆเลย คือ ติดตั้ง WINE ลงไปก่อน ล่าสุดคือ 1.7 จากนั้นก็ ติดตั้ง Meta trader4 หรือ Meta trader5 ลงไป  1. ใช้ APT Add ตัว  WineHQ PPA repository เพื่อเตรียมโหลดมาติดตั้ง  sudo add-apt-repository ppa:ubuntu-wine/ppa 2 . เรียก update sudo apt-get update 3. จากนั้นติดตั้ง WINE ผมใช้ 1.6  sudo apt-get install wine1.6 4. ติดตั้ง MT4 ก็โหลดไฟล์ mt4.exe ปกติมา ลงใน directory แล้ว รันผ่าน WINE  ** Tip อันนี้ผม set up บน vps server(Linux server) ผมใช้ Copy Floder ไปเลย ลงใน WINE ไดเรกทอรี่ ปกติของผมก็ประมาณ Home\.wine\win_c\Program Files\MetaTrader 4   เวลาใช้ก็ รัน  terminal.exe ปกติ ง่ายๆแค่นี้เองครับ ลองทำดูได้  อ้างอิงจาก http://www.wikihow.com/Install-

Anti Grid(2)

จากประเด็นสองขั่ว ของฝั่งนักพัฒนาที่เถียงกันเรื่องของ Grid และระบบแบบ Anti Grid  เขาถกประเด็นนีัมาก โดยเฉพาะเรื่อง Quadratic กับ linear growing profits นี้สองสายคุยกันไม่รู้จบ กินกันไม่ลง   ส่วนตัวผ่านอ่าน เสพทั้งสองฝั่งแบบไม่มีอคติ เพราะพอร์ตที่บริหาร ปัจจุบันก็พัฒนาโมเดลระบบเทรด แบบทั้งสองอย่าง และพบทั้งข้อดีและข้อเสีย ผมเลยมองว่า ทำไมไม่ลองหาตรงกลาง ลองออกแบบระบบ จับ Grid(Volatility grid / non martingale) มารวมกับ anti grid  ถามรวมกันยังไง ก็รวมแบบ closure system คือ ทำ loop ปิดเพื่อบริหารพอร์ตไปเลย เรากำหนดค่า Risk level เอาไว้เพื่อบริหาร Equity ผมใช้ +(USDJPY)+EURUSD-EURJPY ให้เกิด Balance ใน USD JPY และ EUR [ทดลองหน้าเดียว] จากนั้นจัดกอง 2 กอง  กองแรกเป็น Grid ปกติ [USDJPY,EURUSD]  และอีกกองเป็น Anti grid คือ EURJPY ตามธรรมเนียมของ  closure system คือเราจะสมานฉันไม่ให้มันเกิด การลดลงของ equity เยอะ ต้องคิดค่าคุณสมบัติ คือ volatility และ Correlation ไว้ก่อน พอ check ค่าได้ก็พยายามเอาไว้ track เพื่อบริหารการสะสม Order ของพอร์ต 2  กอง ผลก