ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

AI in stock market

กระแส AI อย่าง alphaGo กำลังมาแรง เป็นทีฮือฮามาก ผมเองก็ติดตามการแข่งขันอย่างใกล้ชิด จริงๆแล้วได้เรียนรู้ อะไรหลายเรื่องมากจาก การแข่งขันครั้งนี้ ด้วยความสามารถของ AI ที่มันสามารถเอาชนะเซียนโก๊ะผู้เป็นมนุษย์ไปได้ ทำให้มีคนถามคำถามว่าในตลาดหุ้น ตลาดเก็งกำไร มี AI พวกนี้มาวิ่งอยู่บ้างไหม จากที่ศึกษาตอบเลยว่ามีครับมีหลายตัวหลาย LAB ด้วยและทำงานด้านต่างๆไปทั้งการเทรด การวิเคราะห์ความเสี่ยง และอื่นๆ แม้ Google venture เองก็สนับสนุนเงินทุนบริษัท startup ที่พัฒนา AI ด้าน financial อยู่ มีโอกาสจะมาเล่าให้ฟัง แต่วันนี้ขอเขียนถึง startup เจ้าหนึ่งที่ตอนนี้ hot มาทำ Machine learning ด้าน Risk Management บริษัทนี้ชื่อ AlgoDynamix ของ Jeremy Sosabowski อธิบายให้เห็นภาพง่ายๆคือ บริษัทนี้ทำ AI ที่ระบุโอกาสจะเกิดการ ตกลงของดัชนีตลาด ราคาหุ้น ราคาฟิวเจอร์ ใช้เทคนิค entropy feature clustering ทำการวิเคราะห์ข้อมูลการเคลื่อนไหวราคาและการซื้อขาย แบบเรียลไทม์ แบบ order by order ที่สะท้อนถึงภาวะพฤติกรรมของผู้เล่นในตลาด โดยเฉพาะกลุ่มที่ขายหรือตั้งขาย รวมถึงวิเคราะห์กลุ่ม order ที่ขายอย่างผิดปกติ เขาเรียกว่ามั

พลังแห่ง swap

 การเทรดแม้จะเน้นการเข้าออกตามจังหวะของราคา แต่การเลือก product เพื่อวางแผนทำกลยุทธ์นี่ก็สำคัญ หาสินค้าที่ดี และสามารถช่วยเสริมกลยุทธ์การเทรดของเราได้ โดยการทำระบบถ้าทำการบ้านวางแผนก่อน เลือกสินค้าที่มี swap หรืออัตราดอกเบี้ยข้ามคืน เป็นบวกกรณีที่รู้ว่าต้องเทรดแบบระยะยาว มันยิ่ง ทำให้ ปิดความเสี่ยง ในการเทรดเข้าไปอีก ในภาพเอามาให้ดูจะพบ P/L ยังติดลบเพราะราคา ยังอยู่ในกริดโซนล่าง แต่ profit ออกมาเป็นบวกแล้วเพราะ swap ที่ได้มันเข้ามาเติม ตามระยะเวลา คล้ายๆกับเงินปันผลที่เกิด วันหลังจะมาเขียนบทความการทำระบบเทรดในหุ้นปันผล ให้อ่านต่อไป ใช้พลังอัตราปันผลมาเสริมส่วนของ beta ในการสร้างพอร์ตให้โตระยะยาว อยากรู้ว่าสินค้าใด swap เท่าไหร่ เข้าไปดูจาก link ด้านล่าง พวกนี้เป็นมาตรฐาน ที่มีการประกาศไว้แน่นอนก่อน เราตรวจสอบได้ http://www.myfxbook.com/forex-broker-swaps

slow life trader

ผมรู้จักฝรั่งคนหนึ่งเขาใช้ชีวิต slow life ในเมืองเล็กๆในอังกฤษเปิดร้านกาแฟ แบบสไตล์บ้านๆ เรียบง่ายแต่มันเจ๋งดี วันหนึ่งมีลูกค้าไม่เยอะก็ไม่เครียด อยากเปิดก็เปิดอยากปิดก็ปิด ชิวตามอารมณ์ เพราะเขาไม่ได้เปิดร้านกาแฟเพื่อธุรกิจ แต่เขาทำร้านกาแฟเพื่อดำรงชีวิต ชีวิตในแบบของเขา แบบช้าๆ ใครอยากนั่งก็นั่ง มี WiFi free มีหนังสือให้อ่าน อยากนั่งทั้งวันก็นั่ง กาแฟยังเป็นแบบดริฟเลยคือ จะกินต้องรอ ถามว่าถ้าทำธุรกิจแต่ไม่สนใจรายได้ จะอยู่ได้ยังไง นี้แหละเป็นจุดที่ผมได้ไปรู้จักกับแก เพราะแกเป็นเทรดเดอร์ เก่งมากคนหนึ่งเจอกันในเว็บบอร์ด fx แห่งหนึ่ง แกอายุไม่ถึง 40 ก็เก๋าพอจะออกจาก firm ที่ลอนดอน มาเป็นเทรดเดอร์อิสระและใช้ชีวิต ผมเคยถามแกเหมือนกันว่า ทำไมคนมีประสบการณ์เยอะๆ(เทรดมากว่า 15 ปี)แบบแกถึงไม่เดินทางอาชีพทำงานให้กับกองทุนใหญ่ๆ แกตอบว่า "เงินไม่ใช่คำตอบของชีวิต" การต้องไปทำงานประจำ เอาแรง เอาเวลา เอาสุขภาพไปทำงานแลกเงินมากๆ ทำงานเพื่อคนอื่น แม้จะมั่นคง สวัสดีการดี แต่แกบอกว่าไม่ใช่ทางที่ต้องการ คนเรามีเงินแค่พอใช้แต่อย่าไปยึดติดกับมัน มีและใช้อย่างพอประมาณ เพราะสุดท้ายติดมากม

Karl Popper

ไม่ว่าจะอ่าน Reflexivity ของ George Soros หรือจะอ่าน Back Swan ของ Nassim Nicholas Taleb ก็หนีไม่พ้นที่ต้องเข้าใจแนวคิดพื้นฐานของ Karl Popper ที่เป็นฐานความคิดของทั้งสองปราชญ์แห่งโลกการเงิน นี้เสียก่อน  วันนี้เลยนั่งปัดฝุ่นเอาเรื่องของ Karl Popper มาอ่านไปเจอ vdo นี้อธิบายได้สั้นและเข้าใจง่ายดี เขาพูดเรื่องแนวคิดการวิทยาศาสตร์/วิทยาศาสตร์เทียมและการพิสูจน์ผิด (Falsification) เอามาแชร์สำหรับ น้องที่อยากศึกษาด้านนี้ ลองเริ่มดูจากนี้ก่อนนะครับ จากนั้นถ้าพอจะเข้าใจลองไปดู Open Society ต่อ https://www.youtube.com/watch?v=ztmvtKLuR7I

Buffet & Hedgefund

เคยมีคำถามว่าบัฟเฟต กับเหล่ายอดมนุษย์ hedgefund เขามีอะไรกันหรือเปล่า เพราะทุกความเห็นมักมีการออกมาแย้งกัน ถ้าจำกันได้ปีที่แล้วก็มีกรณี IBM ตอนนั้นก็งัดกับ stanley druckenmiller หรืออย่างปีที่ผ่านมากลุ่ม Hedgefund ก็หน้าบาน และมีออกมาเหน็บปู่คืนได้บ้าง เพราะ Vanguard 500 Index Fund บวกไป 63.5% ขณะที่เฉลี่ย hedge fund portfolio โตเพิ่มขึ้น 19.6% (ปีที่แล้วฟันด์ที่ต่ำกว่านี้ถือว่าสอบตก) เจอบทความนี้จาก investopedia เขาเรียบเรียงสาเหตุและที่มาที่ไปได้เข้าใจกระจ่างเลย บทความกรณีของ Dan Loeb Vs. Warren Buffett ล่าสุดออกมางัดกัน ออกตัวก่อนว่าคงไม่แปลเดี่ยวมันจะทำให้คนเข้าใจผิด เดี่ยวผมอาจจะโดนด่าฟรีด้วย ส่วนตัวผมก็ชื่นชมผมการบริหารระยะยาวของบัพเฟต อยู่แล้ว แต่แน่นอนว่ามนุษย์มันก็คือมนุษย์ คงไม่มีคนสมบูรณ์แบบหรอกแต่ คงไม่ใช่หน้าที่เราไปนั่งตัดสินใคร(ทำตัวเองให้ดีเป็นพอ) ไม่ว่าใครก็ตาม  บทความเขาก็เขียนดี ได้มุมมอง ผมเห็นแนวทางป้องกันความเสี่ยงหนึ่งของวอเรน บัพเฟต คือการทำการบ้าน เลือกหุ้นพื้นฐานดี แล้วเข้าถือหุ้นมากพอจนมีอำนาจในการบริหารบริษัท รวมไปถึงนโยบายการจ่ายปันผล การใช้เงินขอ

Gold, The New Anti commodity

บทความนี่น่าสนใจ อยากให้ลองอ่านดู จะได้เห็นมุมมองของทองคำในยุคปัจจุบันมากขึ้น คนเขียนบทความนี่ก็เก่งนะครับ คือ Bruce Pile เป็นผู้บริหารกองทุน สิ่งหนึ่งที่สะท้อนจากข้อมูลที่เขานำเสนอ ตลาดทองคำมันไม่เหมือนอดีตอีกต่อไป โดยเฉพาะธรรมชาติของคอมโมดิตี้ และ cycle ที่เคยเกิดในอดีต มันอาจจะใช้ไม่ได้กับปัจจุบัน เพราะเกมส์การเก็งกำไรปัจจุบัน ที่มีความรุนแรง โดยเฉพาะกลยุทธ์ที่ซับซ้อนจาก smart money ผู้เล่นรายใหญ่ ในตลาดอนุพันธ์(derivative) และมีการเคลื่อนออกของเงินแบบระยะสั้นตลอดในตลาดทองคำ ยังไม่รวมถึงพวก HFT ที่เข้ามาหาโอกาสทำกำไรจากความผันผวนในตลาด . ลองอ่านแล้วตกผลึก ผมก็เห็นด้วยเพราะ ภาวะแบบนี้มันทำให้เทคนิค หรือการเทรดแบบเดิมๆอาจจะทำเงินได้ยาก ภาวะแนวโน้มหรือวัฏจักรตามคาบเดิมก็จะ ruin ไป(พูดง่ายๆทองอาจจะไม่ได้มีพฤติกรรมราคาเคลื่อนที่ตามรอบในอดีตเสมอไปแล้ว) เขาพูดถึงความผันผวนที่เกิดเรื่อยๆและมากขึ้นเพราะมันคือช่องทางทำกำไรของผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด แทนการต้องซื้อถูก ไปขายแพงๆถือยาวไปขายราคาระดับดาวอังคาร ตอนนี้กลยุทธ์เป็นการเทรดแบบ 2 ทิศทางหวดทั้ง Long และ short เพื่อเก็บกำไรตลอด ใน

GRID&Cashflow

ตอบคำถามคุณ Sorod เรื่องการวางโซนน้ำมันสำหรับกริด คือหลักการคิด ผมเริ่มเทรดต้นปีแถวโซน 30-32$ ดังนั้นการออกแบบระบบ จะวางไปถึง 40$ แต่ระยะเกือบ 3 เดือนที่เทรดมา มันมี cashflow ออกมาเรื่อยๆ ก่อน ราคาจะวิ่งแรงในเดือน มีค. ผ่านมา มันเข้าใกล้โซน 40$ ที่วางแผนคำนวณเงินไว้ แม้จะไม่ได้คิดตอนแรก แต่พอเราเทรดได้ มี cashflow ออกมาตรงนี้เป็น buffer ให้เราได้ นำมา recalculate กระสุนในการยิงใหม่ ให้ครอบคลุมไปถึง 50$ ได้ต่อไปในอนาคต(กรณีที่ราคายกไปถึง) ไม่ยากครับ ตรงนี้คือความหยืดหยุ่น แต่ต้องอาศัยการเก็บ cashflow ให้ได้จากการเทรดด้วย ประสานกันไป