ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

2018 ฺBad Year

ข้อมูลจาก Deutsche Bank แสดงให้เห็นว่าทำไม การเทรดหรือการลงทุนในสินทรัพย์เดียว มันจึงไม่ง่ายที่สร้างผลตอบแทนสะสมที่เติบโต ดูจากสถิติย้อนหลังตั้งแต่ 1990 โดยเฉพาะช่วง วิกฤติการเงิน 1-2 ปี มากกว่า 50% จาก asset class นั้นมีผลตอบแทนติดลบ(negative returns) ส่วนในปี 2018 ยังต้องลุ้นหนักในเดือนสุดท้าย ข้อมูลล่าสุดจะพบ 90% จาก asset class จำนวน 70 ชนิด ผลตอบแทนเป็น negative returns ที่น่าสนใจคือทั้ง stocks(major indexes ต่างลงมามากพอควรชวง 2 เดือนที่ผ่านมา) , Crude Oil, Gold แม้จ ะมีการเคลื่อนที่ที่ไม่สัมพันธ์กัน แต่ก็มีโอกาสที่จะเห็น การจบปีด้วย negative returns สูงเช่นกันในปี 2018 ขณะเดียวกันข้อมูลปี 2017 แสดงให้เห็นว่ามีแค่ 1% เท่านั้นที่มีผลตอบแทนติดลบ ดังนั้นเมือเทียบระหว่างปี 2017 กับปี 2018 ในด้านข้อมูลสถิติ จะทำให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยยะ ไม่ได้สรุปอะไรมากจาก บทความ นี้แต่ก็ใช้เป็นข้อมูลประกอบในการติดตามตลาดต่อไป ปล. asset ผลตอบแทนรายปีติดลบ ไม่ได้แปลว่าเทรดแล้วจะต้องขาดทุนเสมอไป ถ้าไม่ได้ Buy & Hold ยาว https://www.marketwatch.com/story/how-bad-has-201

รีวิว Saving Capitalism

หลายปีที่ผ่านมาได้เห็นการตั้งคำถามว่าระบบทุนนิยม(Capitalism) มันยังทำงานได้ดีในระบบสังคมปัจจุบันอีกหรือไม่?ถี่ขึ้น ซึ่งคำถามนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของสารคดี เรื่อง Saving Capitalism ที่ออกเผยแพร่ในปี 2017 โดยเป็นสารคดีที่เล่าเรื่องผ่านคุณ Robert Reich อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยุครัฐบาล บิล คลินตัน ( 1993 -1997)และเป็นอาจารย์ รวมถึงเป็นนักวิเคราะห์ นักวิจารณ์ทางการเมืองชื่อดัง คุณ Reich ได้ออกหนังสือเรื่อง Saving Capitalism ซึ่งกล ายเป็นหนังสือยอดนิยม ทำให้เขาได้ออกเดินสายโปรโมทและจัดกิจกรรม รับฟังความคิดเห็นของคนในหลายรัฐของอเมริกา รวมถึงคนในทุกระดับ ตั้งแต่ชั้นแรงงาน ชั้นกลาง นักศึกษาคนรุ่นใหม่ นักธุรกิจ และนักล๊อบบี้ยิสทางการเมือง สารคดีนี้ เดินเรื่องเร็วสนุก สะท้อนให้เห็นปัญหาช่องว่างรายได้ของคนจนและคนรวย โดยสรุป คุณ Reich เชื่อว่าระบบทุนนิยมอเมริกากำลังมีปัญหา เมื่อคนจน คนชั้นกลาง ทำงานรายได้ไม่ได้เติบโต ตามรายจ่าย ค่าครองชีพ ขณะเดียวกัน คนรวยนักธุรกิจ รวยเอา รวยเอา รายได้การเติบโตเศรษฐกิจ วิ่งเข้ากระเป๋าคนรวย ผ่านช่องทางต่างๆ การใช้เส้นสายหาผลประโยชน์ จากนโยบายของรัฐ

Ray Dalio Sees Parallels to 1930s in Today’s Markets

บลูมเบริ์กลงบทสัมภาษณ์ของคุณ Ray dalio โดย Barry Ritholtz มีหลายประเด็นน่าสนใจ สรุปเบื้องต้นเก็บไว้ดังนี้ - debt cycle ในปัจจุบันคล้ายปี 1930 (late stages of this short-term business cycle) - ตัวเลขหนี้จำนวนมหาศาลทำให้เผชิญปัญหา กรณีอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น - อนาคต USD ลดทอนบทบาท(เงินสกุลอื่นจะขึ้นมามีบทบาทแทน แต่ ray ไม่ระบุรายละเอียด)และอาจจะด้อยค่าจากภาวะหนี้ -การสร้างหนี้ในอนาคตของรัฐบาลสหรัฐ จะยากขึ้น มีต้นทุนสูงขึ้นต้องเพิ่มผลตอบแทนเพื่อมาจูงใจเจ้าหนี้ต่างชาติ - Low interest rates ตัวเร่งทำให้เกิดภาวะ leveraged long กระแสเงินทำให้เกิดการเพิ่มกำลังซื้อในตลาดหุ้น ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำจุดสูงสุดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งภาวะนี้ไม่คงอยู่ตลอดไป  -ray แนะนำนักลงทุนเตรียมแผนรับมือ ลดความคาดหวังผลตอบแทนที่สูงเหมือนอดีต รวมบริหารความเสี่ยง balance portfolios [all weather strategies + risk parity] -เมื่อเกิดปัญหาเศรษฐกิจรอบใหม่ จะนำมาซึ่งปัญหาการเมืองต่อเนื่อง สาเหตุจากความไม่เท่าเทียมกันระหว่างคนจนและคนรวย ก่อเกิดระบอบประชานิยม การต่อสู้ของคนสองกลุ่มในสังคมที่รุนแรง

Work Smart &Time Management

วันนี้ได้ฟัง podcast ของ Tim Ferriss เขาพูดถึง Work-Life Balance ได้น่าสนใจมาก เขากล่าวว่า การสมดุล"งานกับชีวิต" เป็นปัญหาที่ทุกคนต้องเผชิญ แนวคิดการ work hard มันอาจจะไม่ได้ใช้ได้เสมอไปกับทุกคน โดยเฉพาะ คนที่มีครอบครัวในวัย 30 ขึ้นไป เพราะการมีเวลาจำกัด มีภาระในชีวิตที่มากกว่าตัวคนเดียว "เวลา" กลายเป็นสิ่งที่มีค่ามาก การไปทุ่มให้ทั้งหมดกับ งานที่ทำ มันจึงไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด ยังไม่นับรวมปัญหาสุขภาพที่เกิด จากความเครียดและการทำงา นหนัก Tim ยกตัวอย่าง CEO หลายคนที่ประสบความสำเร็จ คนเหล่านี้ใส่หมวกหลายใบ ทำทั้งงานจนสำเร็จและมีเวลาดูแลครอบครัว รวมถึงทำกิจกรรมอื่นๆเพื่อสังคมอีก โดยสรุปเขาแนะนำให้หาแนวทาง Work-Life Balance ที่เฉพาะแต่ละคน โดยเราต้องมีเป้าหมาย มีแผนชีวิตและที่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องแบ่งแบบ 50-50 หรือคงที่เสมอไป อาจจะแปรผันตามช่วงเวลาอายุ เช่น วัย 30 วัย 40 แผนเปลี่ยนได้ ตามสถานะการณ์ แต่สิ่งสำคัญคือต้องคิดและวางแผน ด้านการทำงานเขาแนะนำ Work Smart แทน Work Hard รู้จักบริหารจัดการเวลา อย่างมีประสิทธิภาพ บวกกับการสร้างวินัย บังคับตัวเราให้โฟกัสในแผน

วิธีรับมือกับ overthinking

ภาวะตลาดหุ้น ตลาดอนุพันธ์ ช่วงนี้ถือว่าเทรดไม่ง่ายทั้งด้วยพฤติกรรมของราคา และประเด็น sentimental ความไม่ชัดเจนของอนาคตในหลายประเด็น รวมถึงปัจจัยเสี่ยงระดับโลก เวลาเกิดภาวะแบบนี้ส่งผลกระทบต่อการเทรด โดยเฉพาะเรื่องการตัดสินใจ อาจจะไม่ flow เหมือนช่วงตลาดปกติ ยิ่งตลาดผันผวนมาก เกิดความกลัวที่จะผิดพลาด ความสับสนและการลังเลยิ่งมีมาก ทำให้คิดฟุ่งซ่านแบบ overthinking ซ้ำไปซ้ำมาไม่กล้าตัดสินใจ ตามมาด้วยปัญหาการเทรด "ค่อมรอบ" หรือ "ผิดจังหวะ" วันนี้ผมมีแนวทางการฝึกสมองช่วยทำให้เราหย ุด overthinking เพื่อเพิมประสิทธิภาพการตัดสินใจมาแนะนำ 1. เขียน สิ่งที่คิดในหัว การคิดวนไปวนมา จากความสับสนความไม่มั่นใจ ทำให้เกิดความเครียด จากความไม่ชัดเจน สิ่งแรกที่ควรทำคือ เขียน สิ่งที่อยู่ในหัวเราลงในกระดาษ เพื่อลำดับภาพความคิดและปัญหาต่างๆลงไป ตรงนี้ถ้าเราเห็นสิ่งที่เราคิดมันวนซ้ำ หาทางจบไม่เจอ มันจะเป็นสัญญาเตือนว่ากำลัง overthinking 2. โฟกัสไปที่เป้าหมาย การตัดสินใจบนภาวะความไม่แน่นอน บางทีเราไม่สามารถทำให้ได้ result ออกมาแบบ perfect ที่สุดอย่างสมบูรณ์ 100% ดังนั้นต้องมีเป้าหมา

กรณีศึกษา PG&E stock

กรณีไฟป่าครั้งใหญ่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ลามทำลายบ้านและชุนชนจำนวนมากกว่า 10000 หลัง ผู้คนกว่า 52,000 คนต้องอพยพ ไฟป่าครั้งนี้กินพื้นที่วงกว้างคร่าชีวิตคนไปกว่า 50 รายยังไม่รวมที่สูญหายอีกนับสิบ บาดเจ็บนับสิบ เมืองชุมชนชนบทขนาดเล็กต้องสูญหายจากไฟป่านี้ เหตุการณ์นี้เองมีผลกระทบต่อหุ้น PG&E หรือ Pacific Gas and Electric ผู้ให้บริการ gas กับลูกค้าในรัฐแคลิฟอร์เนียกว่า 16 million ต้องตกเป็นจำเลยถูกสอบสวนจากรัฐ กรณีเกิดความผิดพล าดระบบส่ง Gas จนทำให้เกิดการรุกไหม้ของไฟ ซึ่งอาจจะเป็นต้นเพลิงของไฟป่าครั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่าถ้าพบว่าผิดจริง อาจจะถูกฟ้องร้องจนต้องเสียค่าชดเชยกว่า $13 billion ซึ่งเงินประกันของบริษัทคุมครองเพียง $1.4 billion ราคาหุ้น PG&E รับข่าวนี้ร่วงลงทันทีต่อเนื่องหลายวันติด จนราคาไปที่ระดับจุดต่ำสุดรอบ 15 ปี จากระดับ $48.5 ลงไประดับ $17.6 ช่วงเวลา 5 วันลดลง -65% โดน Morgan Stanley ปรับ downgrade ระดับ credit rating เหลือระดับใกล้ junk level แถมโดนนักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ปรับลดราคาเป้าหมายจาก $67 ไปสู่ $27 แม้ราคาหุ้นจะดีดกลับมาได้บ้าง PG&E เป็นหุ้

151 Trading Strategies

Paper รีวิวหนังสือนี้นะครับที่ผมพูดถึง 151 Trading Strategies เขียนโดย Zura Kakushadze Quantigic Solutions LLC เขารวบรวมกลยุทธ์การเทรด ในสินค้าหลากหลาย เช่น stocks, options, fixed income, futures, ETFs, indexes, commodities, forex , Commodities, Cryptocurrencies ตั้งแต่กลยุทธ์พื้นฐาน ยันระดับการใช้ machine learning (ในCryptocurrencies ) โดยใน paper นี้เขาแจกเนื้อหากลยุทธ์ส่วนแรก 30 หน้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ options trading แต่ส่วนที่เหล ือถ้าสนใจคงต้องไปซื้อหนังสือฉบับมาอ่าน คงไม่ได้บอกว่าทุกกลยุทธ์เอาไปใช้แล้วจะทำเงินล้านอะไรแบบนั้น แต่ด้วยโครงสร้างและโมเดล มันช่วยทำให้เราเข้าใจและเรียนรู้เพื่อต่อยอดได้ อีกประการที่น่าสนใจคือ reference ใน paper นี้ผู้เขียนรวบรวมอ้างอิงแหล่งกลยุทธ์การเทรด งานวิจัยที่เกี่ยวข้องต่างๆ่ มาไว้เยอะมาก มีหลาย ref เราสามารถเข้าไปขุดไปศึกษาต่อได้อีก เหมือนเคยบอกศึกษากลยุทธ์การเทรดสมัยใหม่ อ่านงานวิจัยเหล่านี้ช่วยเปิดโลก เปิดมุมมองให้เราได้มากครับ เข้าไปดาวน์โหลดได้จาก https://papers.ssrn.com/sol3/papers.cfm?abstract_id=3247865