ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

บทความ

กุญแจ 4 ดอกสำหรับนักเก็งกำไร

สองวันนี้ จากแดดร้อนจ้า ก็กับกลายเป็น ฟ้ารั่ว ฝนตกกระหน่ำอย่างหนักต่อเนื่อง ทำเอาเปียกปอนกันแบบไม่ทันตั้งตัวไปตามๆกัน ฝนมารอบนี้ทำเอาแปลกใจเพราะเชื่อว่าหลายคนตั้งหน้าตั้งตารอหน้าหนาว ฤดูกาลแห่งความเย็นสบายกันแล้ว โดยเฉพาะบรรยากาศชิวๆปลายปี สำหรับตลาดหุ้น ไตรมาสสี่ก็เป็นไตรมาสที่มีสีันความสนุกเสมอมา มีทั้งขึ้นและลงสลับกันไป แต่ปีนี้ท่าทางอาจจะเหนื่อยหน่อยเพราะ นักลงทุนและนักเก็งกำไรต้องเจอ กับสองปัจจัยที่มาทดสอบ sentiment ของตลาด นั้นคือเรื่องของ ภาวะ Fiscal Cliff และปัจจัยการเมืองภายในประเทศ ที่กำลังมีการชุมนุมประท้วงของกลุ่ม เสธ อ้าย ภายใต้ชื่อกลุ่ม องค์การพิทักษ์สยาม ที่จะจัดชุมนุมใหญ่ 24-25 พย. นี้ แค่เอ่ยมาสอง ปัจจัยหลักก็เริ่มสนุกแล้ว ยังไม่นับรวมเรื่องของยุโรป ที่กรีซก็มาถึงจุดสำคัญ แม้จะผ่านร่างนโยบายรัดเข็มขัดมหาโหดเพื่อรับความช่วยเหลือทางการเงินเพื่อประทังชีวิตต่อไปได้ แต่นับวันประชาชนและกลุ่มสหภาพแรงงานก็ประท้วงหนัก ล่าสุดก็มีคนออกมาเดินขบวนเกือบ 15000 คนที่หน้ารัฐสภา เพื่อต่อต้านนโยบาย ขณะที่สเปน นั้นก็อาการยังไม่ปกติเช่นกัน แม้จะยังไม่รับความช่วยเหลือ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจ

How I Made $2,000,000 in the Stock Market

ผมขอต่อจากความเดิมตอนที่แล้ว เรื่องราวเกี่ยวกับคุณ Nicolas Darvas นักลงทุนคนดังที่ประสบความสำเร็จจากการลงทุน จนขึ้นเป็นเซียนหุ้นอันดับต้นของโลก ผู้เขียน หนังสือที่จะนำมาแนะนำในวันนี้คือ "How I Made $2,000,000 in the Stock Market" "How I Made $2,000,000 in the Stock Market" เป็นหนังสือแนวคิด และประสบการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นของ Nicolas Darvas นักลงทุนที่เป็น นักเต้นอาชีพควบคู่ไปด้วย เขาถ่ายทอดทฤษฏีระบบการลงทุน การเลือกหุ้น การหาจังหวะเข้าซื้อแบบTechno-Fundamental ตลอดจน ประสบการณ์การขาดทุนและข้อผิดพลาดต่างๆ ลงในหนังสือเล่มนี้ให้นักลงทุนได้อ่านกัน โดยเฉพาะระบบการลงทุน Box System วิธีการทำกำไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนเงิน 25000 เหรียญ ไปเป็น $2 million ใน 18 เดือน ระบบการลงทุนของ Nicolas ที่เขียนในหนังสือ เน้นตั้งแต่การหาหุ้นที่ดี หุ้นที่อยู่ในอุตสาหกรรมวัฏจักรขาขึ้น เป็นหุ้นดาวรุ่งดาวเด่น ที่ราคายังไม่สูง มีสตอรี่ มีการเติบโตได้ดี เมื่อหาหุ้นแบบนั้นเจอ เขาจะรอจังหวะการเข้าซื้อจากการดูราคาและปริมาณการซื้อขาย โดยมองในลักษณะกฏอุปสงค์ อุปทาน ยิ่งความต้องการซื้อหุ้นมาก ราคาก็จะยิ่

Nicholas Darvas

มีโอกาสกลับไปอ่านหนังสือ ของ Nicholas Darvas อีกรอบเลยคิดว่าเป็นการดีถ้าจะเขียนถึงประวัติชีวิตในตลาดหุ้นบนเส้นทางการลงทุนของคุณ Nicholas Darvas นักลงทุนสาย Techno-Fundamentalist เจ้าของ Darvas BOX Theory ผู้โด่งดังสักหน่อย ผมเองศึกษาเทคนิคและวิธีคิดของ คุณ Nicholas Darvas มานานพอสมควร เขาเป็นคนที่มีแนวคิดและมุมมองที่น่าสนใจมากในการลงทุน และที่สะดุดตาต้องใจ ตรงที่คุณ Nicholas เขาไม่ได้เป็นนักลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่เขายังทำสิ่งที่ตนเองรักคือการเป็นนักเต้นรำลีราศ(Dancer) มืออาชีพ ควบคู่ไปอีกด้วย คุณ Nicholas เป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จระดับเศรษฐีเงินล้านจาก Wall Street ผู้ที่ลงทุน ทำเงิน 25000 เหรียญไปเป็น 2250000 เหรียญในเวลา 3 ปี และเขายังเป็นผู้ที่เขียนหนังสือ ยอดนิยมเล่มหนึ่งในหมวดการเงินการลงทุนหนังสือนั้นคือ "How I Made $2,000,000 in the Stock Market" ที่พิมพ์ซ้ำหลายสิบครั้งขายไปแล้ว 500000 เล่ม เป็นหนังสือที่ออกมาตั้งแต่ปี 1960 แนวคิดและระบบการลงทุนของเขา ยังคงเป็นที่นิยมและมีการนำมาใช้กันมากมายในปัจจุบัน เขา เกิดและโตที่ Hungary เรียนจบมาทางด้านเศรษฐศาสตร์จาก Univer

Impossible Project

"เป็นไปไม่ได้ ทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ" ผมชื่นชอบประโยคนี้มากครับ เรียบง่าย เรียบเรียงสวยติดหูและกระตุกต่อมคิดดี ด้วยความบังเอิญทำให้ผมไปพบประโยคนี้ในสมุดโน๊ตบุ๊คปกขาว ที่ใช้เป็นเทรเดอร์ไดอารี่ จดบันทึก อารมณ์ เหตุผลการซื้อขายหุ้นและเรื่องราวในโลกการลงทุนที่ผมเข้าไปผจญภัย มันเขียนด้วยปากกาสีแดง ลอยเด่น อยู่บนส่วนหัวของหน้ากระดาษ ถ้าจำกันได้ ตอนประมาณปี 2547-2548 มีโฆษณาของเหล้ายี่ห้อดังเจ้าหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ฮือฮามาก เพราะภาพยนต์โฆษณาใช้คอมพิวเตอร์กราฟิก(CG) มาเนรมิตให้หิมะตกในกรุงเทพ ทั้งที่ตอนนั้นอากาศร้อนตับแลบ เจอภาพโฆษณาแบบนี้ไป ทำเอาเรียกความสนใจได้ไม่น้อย ในภาพยนต์โฆษณานี้ ฉายเบื้องหลังการถ่ายทำฝีมือโปรดักชั่นของ คุณ วีระ แซ่อึ้ง สุดยอดมือ คอมพิวเตอร์กราฟิก และ 3D animation คนดังของวงการโฆษณาและภาพยนต์คนหนึ่งของไทย เจ้าของบริษัท ดิจิตอล เมจิก เอฟเฟ็ค เฮาส์ จำกัด ผมชอบคำพูด "เป็นไปไม่ได้ ทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ" มากมันสะดุดและติดในสมอง ก้องในหู เพราะลองนำประโยคนี้มาคิดดูดีๆ มันโดนแฮะ หลายครั้งในชีวิตของเรา มักจะติดกับคำว่าเป็นไปไม่ได้ เวลาเจอปัญหา หรือเวลาเริ่มคิด

Drawdown

หลายคนรู้จักระบบเทรดกันมากขึ้น สิ่งหนึ่งที่ผมดีใจตรงที่ว่าหนังสือ "เล่นหุ้นเป็นระบบ(Trading System)" ของผมช่วย กระตุกความคิดคน เปลี่ยนความเชื่อเดิมๆที่มีในเชิงลบ ว่านักเล่นหุ้นหรือนักเก็งกำไรเป็นผีพนัน พวกนี้คิดไม่เป็นไม่โลภ หวังรวยเร็ว ทำให้เขาเห็นภาพนักเก็งกำไรมืออาชีพ ที่เล่นเก็งกำไรแบบมีระบบ โดยจำกัดความเสี่ยง และเน้นที่ผลกำไรที่ยั่งยืนระยะยาว ไม่ต่างอะไรกับนักลงทุน มีการวางแผน มีกลยุทธ มีการจัดการความเสี่ยง และการบริหารจัดการเงินที่แยบคายมีขั้นมีตอน หวังผลการเติบโตของพอร์ตระยะยาว ที่สำคัญนักเก็งกำไรคือนักฉวยโอกาสที่มองเห็นโอกาสจากการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น การเปลี่ยนแปลงจากภาวะอารมณ์ตลาดและความไม่เป็นเหตุเป็นผลของราคา นำจังหวะนั้นมาสร้างเป็นผลกำไร ด้วยระบบปราศจากอารมณ์ พูดถึงเรื่อง การบริหารจัดการเงิน สิ่งหนึ่งที่อยากนำมาแบ่งปันก็คือเรื่องของ การวิเคราะห์การขาดทุน เพราะเรื่องของการขาดทุนเป็นสิ่งที่นักเก็งกำไร ในตลาดไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ แต่เราสามารถควบคุมมันได้ ตัวที่บ่งบอกพฤติกรรมการขาดทุนของระบบได้ดี นั้นก็คือ Drawdown ทำไมต้องสนใจ Drawdown คือ ค่าที่ได้จากการวัดจากการว

เป้าหมายคือทุกอย่าง

เมื่อวันก่อนผมเขียนเรื่องการบริหารเวลา หลายท่านสนใจเข้่ามาแลกเปลี่ยนความคิดกันหลายคน นี่คือความสนุกของการได้เขียน เพราะมันไม่จบแค่ตัวหนังสือ แต่มันยังส่งผ่านและไหลเวียนกลับมาให้ได้ เกิดการแลกเปลี่ยน ทางความคิด ก่อให้เกิดปัญหาทั้งผู้อ่านและผู้เขียน ได้ตลอด ประเด็นหนึ่งที่ผมติดใจและอยากนำมาเขียนต่อ คือคำถามที่พี่ท่านหนึ่งโยนกลับมาว่า ถ้าตั้งเป้าหมายผิด ถึงจะบริหารเวลาดีแค่ไหนมันก็ไม่สำเร็จถูกไหม??? ถูกครับ เรื่องนี้จริงเลย เปรียบประดุจการขับรถ ต่อให้มีแผนที่ดี มี GPS ชั้นยอดแค่ไหนถ้ากำหนดพิกัด ล๊อคเป้าหมายผิด ก็ออกป่าออกทะเลหรือขับวนหลงทางได้เช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่ามันจะนำมาซึ่งการเสียเวลา เสียกำลังใจ ไปเปล่าๆ เป้าหมายชัดเจน เป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด แต่หลายคนก็ยังไม่สามารถวางเป้าหมายของตัวเองที่ชัดเจนได้ แต่วาดภาพวาดฝันไปถึงเรื่องการประสบความสำเร็จในชีวิตซะแล้ว โดยพยายามไปติดกับภาพตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จ เช่นความหรูหราของการกิน การอยู่ การใช้เงิน ทรัพย์สินเงินทองที่มากมาย ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป้าหมายความสำเร็จ มันไปจบที่เงินทองและทรัพย์สิน พอตั้งเป้าหมายผิด ก็หลงทางสิ่งที่ตา

Fibonacci Fan

วันนี้มีเครื่องมือ วิเคราะห์การเคลื่อนที่ของราคา(Price Movement) ที่ชื่อว่า Fibonacci Fan มากแนะนำกัน เป็นอีกเครื่องมือที่เราสามารถใช้ควบคู่ไปกับการอ่านแนวโน้ม หรือใช้กำหนดแนวรับแนวต้านได้อีกด้วย มาลองศึกษาดูกันนะครับ Fibonacci number นั้นมาจาก นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาเลียน ลีโอนาโด ฟีโบนัชชี (Leonardo Fibonacci) ผู้ค้นพบลำดับฟีโบนัชชีในต้นศตวรรษที่ 13 เขาเรียนรู้ระบบเลขฐานสิบ และใช้การคำนวณตัวเลข มาอธิบายการสังเกตรูปทรงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ การศึกษาจากตัวอย่างจำนวนมาก ของเขาพบว่า การเกิดของ ปรากฏการณ์เหล่านี้มีรูปแบบที่เป็นปกติ และค่อนข้างสม่ำเสมอ โดยนำมาคิดเป็นตัวเลขทางคณิตศาสตร์ คือ 0, 1, 1, 2, 3, 5, 8, 13, 21, 34, 55, 89, 144, 233, 377, 610, 987, 1597, 2584, 4181, 6765, 10946, 17711, 28657, 46368, 75025, 121393, 196418, 317811 ซึ่งตัวเลขลำกับเกิดจากการนำ ตัวเลขสองตัวข้างหน้ามาบวกกัน เช่น 1+1 = 2, 1+2 = 3 ความน่าอัศจรรย์ ของลำดับเลข ฟีโบนัชชีคือ ลำดับที่จะมีอัตราส่วนจากการหารตัวเลขหลังด้วยตัวเลขหน้า แล้วได้ผลลัพธ์ที่เข้าใกล้ 1.618 ยิ่งตัวเลขมากขึ้นความใกล้เคียงยิ่งมากขึ้นแบบไม่ม